เออ! อย่ามาหลงรักก็แล้วกัน -Ep.6-
-Ep.6-
"นี่พี่ทำบ้าอะไรอ่ะพี่ศิน!!"
โครม!!
ใบหม่อนเดินโวยวายกลับมามองไก่ต้มฟักมะนาวดองที่ตั้งใจทำมาเกือบสองชั่วโมงคว่ำโครมลงบนซิงค์ล้างจาน ก่อนจะเงยหน้ามองคนทำอย่างไม่พอใจ
"พี่บอกแล้วไง ถ้ารินยังไม่กลับมาเธอก็จะไม่มีทางอยู่เป็นสุขแน่!"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับหม่อนวะพี่ศิน!"
หมับ!
ใบหม่อนถูกกระชากต้นแขนอีกครั้งขณะจะเข้าไปหยิบหม้อที่คว่ำอยู่ในซิงค์ ใจคิดว่าต้มมันคงยังหกไม่หมด แต่ความจริงคือปากหม้อมันคว่ำลงจนไม่เหลือแม้แต่น้ำ ส่วนเนื้อก็ค้างเติ่งอยู่ในซิงค์
"เธอจำใส่หัวไว้นะหม่อน! ไม่ว่าพ่อกับแม่พี่จะสนับสนุนเธอและให้ท้ายเธอแค่ไหน พี่ก็ไม่มีวันแต่งงานกับเธอ ไม่มีวันรักเธอ จำเอาไว้!"
"เออ! แล้วอย่ามาหลงรักก็แล้วกัน"
"แค้กๆ...เสียงดังอะไรกันลูก..หืม?" เสียงหวานอ่อนละมุนดังขึ้นพร้อมร่างบางของภรชิตาที่เดินกำมือป้องปากไอออดๆ แอดๆ เข้ามา
"แม่!"
"แม่ไหม"
"อ้าว สองคนเองเหรอ แล้วนั่นอะไรน่ะ หกเลอะเทอะไปหมด" ภรชิตาเดินเข้ามาพร้อมชะโงกหน้ามองหม้อที่คว่ำอยู่ในซิงค์
"ไม่มีอะไรครับแม่ไหม หม่อนซุ่มซ่ามทำหม้อต้มไก่คว่ำ ผมเลยจะมาเก็บ" โกหกหน้าด้านๆ จบ ศินก็สบตากับใบหม่อนแล้วส่งสายตาสะอกสะใจไปให้ เอาซิ๊...ใบหม่อนประจบประแจงแม่เขาได้ เขาก็ประจบประแจงแม่ของใบหม่อนได้เช่นกัน
"ฮะ?" ใบหม่อนยืนงง เธอน่ะเหรอเป็นคนทำ? "แม่...หม่อนไม่ได้!..."
"ซุ่มซ่ามจริงๆ ลูกคนนี้! โห...ดูสิ น่าเสียดาย"
"แม่ไม่ต้องเก็บ!"
"แม่ไหมไม่ต้องเก็บครับ!"
ทั้งศินและใบหม่อนต่างก็ห้ามแม่ไหมที่ทำท่าจะเก็บกวาดต้มที่หกในซิงค์ล้างจาน ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าแม่ไหมป่วยอยู่ ลำพังแค่แรงจะเดินยังไม่ค่อยจะไหว สาเหตุก็มาจากโรคภูมิแพ้ที่เป็นอยู่
"เก็บกวาดในครัว พี่พาแม่ไหมไปนั่งเอง" ศินชิงเข้าไปประคองแม่ไหมแล้วสั่งใบหม่อนเสียงเรียบ หากแต่สายตาที่มองเธอกลับเย็นชาและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน ใครจะชอบผู้หญิงที่มาทำลายความรักของคนอื่น ยิ่งให้รักยิ่งทำไม่ลง!
ใบหม่อนยืนช้อนตามองคนที่พึ่งจะเล่นละครต่อหน้าแม่ของเธอ นี่เขาคงได้วิชามาจากแฟนของเขาสินะ ถึงได้เล่นได้แนบเนียนขนาดนี้ หึ!...เออ! เก็บกวาดเองก็ได้ เสียดายน่องไก่ชะมัด ดูสิ...น่องเบอเร่อ ไม่อยากกินไม่เห็นต้องเอามาเททิ้งแบบนี้ เสียของ!
หลังจากที่ใบหม่อนเก็บกวาดในครัวเสร็จ เธอก็รีบเดินออกมาหาแม่ที่ถูกศินพามานั่งพักผ่อนบนโซฟาในห้องโถง แอบได้กลิ่นเบียร์คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คงหกเลอะพรมแน่ๆ เลย
"แม่มาได้ไง ใครพามาส่งเหรอ?" ถึงใบหม่อนจะพูดไม่มีหางเสียงกับแม่ตัวเองแต่น้ำเสียงของเธอก็ฟังดูไพเราะและไม่ก้าวร้าว เป็นเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างลูกสาวชาวบ้านธรรมดา เลยคุยกับแม่เป็นกันเอง
"น้ากรอยน่ะสิ พอดีเค้าแวะไปขอใบชะอมน่ะ เลยชวนมาเที่ยวเล่นที่ฟาร์ม อีกเดี๋ยวคงมารับไปเรือนคุณย่า...แค้กๆๆ"
"แล้วทำไมแม่ไม่ใส่แมสมาด้วยล่ะ หม่อนบอกให้แม่ใส่ตลอดไง"
"จ้าลูกคนนี้ แม่ทำปลิวตอนซ้อนมอเตอร์ไซต์น้ากรอยมาน่ะ" ภรชิตานำมือไปแตะที่ตักลูกสาวหลังโดนยัยตัวดีดุอย่างไม่จริงจังนัก ทั้งนี้ภรชิตารู้ดีว่าใบหม่อนรักและห่วงแม่อย่างเธอแค่ไหน เธอเองก็ไม่ต่างกัน กลัวเหลือเกินว่าสักวันนึงวันที่ตัวเองไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ใครจะดูแลใบหม่อน แต่ก็แอบเบาใจไปเปราะนึงที่เพื่อนรักอย่างรติกรเอ็นดูลูกสาวเธอ ให้ความมั่นใจได้ว่าใบหม่อนจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างแน่นอน
"นี่ครับแม่ไหม" เสียงทุ้มมาพร้อมร่างสูงที่เดินเข้ามานั่งข้างแม่ไหม แล้วยื่นแมสสีดำอย่างดีมาให้
"ขอบใจจ่ะศิน ดูสิ...น้าไม่เจอนานดูผอมดูคล้ำลงไปเยอะเลย" ว่าแล้วก็ทั้งจับทั้งคลำไปที่ท่อนแขนแกร่งและหัวไหล่ เธอเองก็เลี้ยงดูศินมาตั้งแต่เล็ก ให้กินอิ่มนอนหลับตลอดไม่เคยปล่อยให้โทรมขนาดนี้
"งานในฟาร์มเยอะน่ะครับแม่ไหม ต้องตากแดดตากลมทุกวัน"
"ใส่เสื้อผ้าหนาๆ สิลูก ดูสิ...ผิวสวยๆ เสียหมด"
ใบหม่อนนั่งเบ้ปากเมื่อเห็นแม่ไหมแสดงความเป็นห่วงเป็นใยลูกคนอื่น อันที่จริงเธอไม่ได้ติดอะไรหรอก แต่หมั่นไส้คนที่นั่งรับความห่วงใยนั่นแหละ ส่งสายตามายั่วประสาทเธออยู่ได้
"เออนี่หม่อน เราน่ะทำต้มหกหมด แล้วพี่เค้าจะกินอะไรล่ะลูก ไปๆ ขับรถไปตลาดไปหาซื้ออะไรให้พี่เค้ากินหน่อย เดี๋ยวต้องออกไปตากแดดตากลมอีก ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังให้พี่เค้าด้วยนะ" ภรชิตาสั่งพร้อมจับต้นแขนลูกสาวราวกับจะฝากผีฝากไข้ สิ่งที่เธอทำล้วนเป็นห่วงศินจากใจจริง ผู้ชายที่กำลังจะกลายเป็นเสาหลักให้ครอบครัวต้องทำงานหนักแค่ไหนเธอรู้ดี
และไอ้เรื่องประเคนลูกสาวให้บ้านอรุณวรินทร์หรือพยายามจะยัดเยียดให้ลูกเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านนี้ไม่เคยอยู่ในหัวภรชิตาเลย หากเด็กๆ รักกันเธอย่อมเลยตามเลยอยู่แล้ว แต่หากคนนึงไม่รักเธอก็ไม่คิดจะฝืนใจใคร ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น
"แม่...แต่หม่อนไม่ได้!..."
"พี่อยากกินข้าวมันไก่ ซื้อแบรนด์ซุปไก่มาด้วย อ้อ...แล้วก็แบรนด์เจ็นยูด้วยนะ เรดดี้สีแดงอีกสอง แล้วก็พวก...ขนมไทยอร่อยๆ ในตลาดสด เอามาหลายๆ อย่าง" ศินรู้ทันคนที่กำลังจะอ้าปากโต้แย้ง คิดจะบอกความจริงอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก!
"ได้ยินแล้วใช่มั้ยหม่อน รีบไปสิลูก" สาเหตุที่ภรชิตากระตือรือร้นไม่ใช่อยากให้ลูกเอาอกเอาใจศิน แต่อยากให้ใบหม่อนตอบแทนบุญคุณของรติกรกับกิจเท่านั้น แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ใช่ว่าเธอจะยอมรับความช่วยเหลือจากรติกรฟรีๆ
"ก็ได้!"
"ดูๆๆ ลูกสาวคนนี้นี่!" ภรชิตาว่าให้ลูกสาวที่ลุกเดินสะบัดก้นลงน้ำหนักเท้าตึงตังออกจากบ้านไป ก่อนจะส่ายหัวสองสามทีแล้วหันมายิ้มคุยนู่นคุยนี่กับศินต่อ
"นี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่าเอาเรื่องของพี่ศินแล้วใช่มั้ย ...ถ้ารินเป็นอะไรไปผมจะเอาเรื่องผู้หญิงที่แม่รักนักรักหนาคอยดู! แหวะ!" ใบหม่อนบึนปากล้อเลียนประโยคที่ศินได้พูดไว้เมื่อวาน ขณะเดียวกันก็กำลังคร่อมมอเตอร์ไซต์ใส่หมวกกันน็อคอยู่ แดดจัดขนาดนี้แม่ยังจะใช้ลูกสาวคนสวยออกไปข้างนอกอีก โดนแดดเผาก็คราวนี้แหละ
"หม่อน!"
ใบหม่อนที่พึ่งจะติดหมวกเสร็จหันไปมองตามเสียงเรียก เลยเจอเจ้าของเสียงอยู่ในรถกระบะสี่ประตูสีดำคันหนึ่ง และเธอรู้จักเขาดีพอๆ กับศินเลย
"พี่แบงค์!"
"จะไปไหนแดดจัดขนาดนี้?"
"หม่อนจะไปตลาด"
"พอดีเลย ไปกับพี่ก็ได้ ขับมอไซต์มันร้อน"
"จริงเหรอ?" ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างดีใจ มือแกะหมวกกันน็อคออกอย่างไวแล้วรีบดีดขาตั้งลงจอดมอเตอร์ไซต์ไว้ที่เดิม แล้ววิ่งไปขึ้นรถสี่ประตูแอร์เย็นฉ่ำของแบงค์
ปึก!
"โชคดีจังที่พี่แบงค์ไปตลาดพอดี" ใบหม่อนหันไปยิ้มหลังจากคาดเข็มขัดเสร็จ
แบงค์เป็นลูกชายของกรอย อายุยี่สิบเก้าปี ซึ่งห่างจากใบหม่อนเพียงสามปีเท่านั้น และแบงค์ก็คือหนึ่งในเดอะแกงค์ที่เคยวิ่งเล่นในฟาร์มด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทั้งโดดน้ำลำธารหลังเรือนคุณย่า ปีนต้นไม้ วิ่งเล่นในป่า ตะลอนด้วยกันไปทั่ว เธอเลยสนิทกับแบงค์มากๆ เผลอๆ มากกว่าศินเสียอีก
แบงค์เองถึงไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนาเหมือนศิน แต่ก็จบ ป.ตรี ที่ไทย ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ลูกรักแม่นกเหมือนกันด้วย เขาเป็นคนสูง ผิวค่อนข้างขาว เพราะอยู่ที่ฟาร์มแบงค์ทำงานในออฟฟิศ หน้าตาน่ารักดี สาวๆ ในอำเภอจ้องกันตาเป็นมันเลย
ส่วนศินจะสูงกว่าแบงค์ไม่กี่เซ็นฯ หน้าตาค่อนข้างไปทางหล่อคม ผิวเคยขาวแต่พอได้มาทำงานในฟาร์มก็เริ่มคล้ำแดงลงบ้าง ส่วนเรื่องผู้หญิง...อาจมีมากกว่าแบงค์หน่อยเพราะเป็นถึงทายาทคนเดียวของอรุณวรินทร์ แน่นอนว่าสาวๆ ทั่วทุกมุมเมืองต้องอยากเข้ามาเป็นคุณนายที่ฟาร์มอยู่แล้ว