เออ! อย่ามาหลงรักก็แล้วกัน -Ep.4-
-Ep.4-
18:40 น.
หลังจากจัดการเรื่องของรินรติเสร็จแล้ว รติกรก็แวะซื้อของฝากกลับมาปลอบใจว่าที่ลูกสะใภ้อย่างใบหม่อนและให้คนขับรถขับเลยเข้าไปรับเด็กสาวที่เรือนคุณย่าท้ายฟาร์ม นอกจากจะซื้อมาฝากใบหม่อนแล้ว รติกรยังมีของฝากติดไม้ติดมือมาฝากแม่สามีเช่นเคยด้วย หลังคุยเล่นกับแม่สามีได้สักพัก รติกรก็ขอตัวกลับ
ใบหม่อนขึ้นรถกลับกับแม่นก ส่วนจักรยานได้ฝากน้าอ้อยปั่นกลับไปจอดไว้ที่บ้านใหญ่
ศินพึ่งจะได้เข้าบ้านหลังจากไปคุมคนงานขับรถไถไถหน้าดิน อีกไม่นานเขาจะทำสวนทุเรียนในพื้นที่ยี่สิบไร่ นอกจากเลี้ยงโคนมแล้ว ฟาร์มอรุณวรินทร์ยังมีบ่อกุ้ง ปูม้า จิ้งหรีด สวนผลไม้เช่น เงาะ มังคุด ลำใย มะพร้าว สตรอเบอรี่ และสวนทุเรียนที่กำลังจะเกิดในเร็วๆ นี้ และศินก็ยังไม่หยุดคิดที่จะสร้างรายได้ เขายังคิดที่จะทำฟาร์มผักขนาดใหญ่อีกด้วย
ร่างสูงถอดหมวกชาวไร่วางไว้ที่โต๊ะกินข้าว แล้วเดินเข้าครัวไปดูว่าแม่ทำอะไรไว้ให้กิน เมื่อตอนเที่ยงเขาไม่ได้กินข้าวเลยเพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน กว่าจะเสร็จก็เล่นปาเข้าไปจะทุ่มนึงแล้ว
ศินเปิดฝาหม้อดูกับข้าวที่คิดว่าแม่เป็นคนทำไว้ แต่พอเห็นหน้าตาแกงส้มมะละกอใส่กุ้งกับต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่ายก็รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยกินกับข้าวฝีมือใบหม่อน กินออกบ่อยด้วยซ้ำ เขาหันไปหยิบถ้วยมาตักต้มกับแกงออกไปกินเพราะไม่เคยนึกรังเกียจฝีมือใบหม่อนอยู่แล้ว ถ้าถามถึงความดีของเด็กนั่นก็น่าจะมีเรื่องอาหารการกินนี่แหละที่นับว่าใช้ได้ คงได้ยีนแม่ไหมมาบ้าง
หลังจากนั่งลงกินข้าวเข้าปากคำแรก ศินก็รีบหยิบมือถือขึ้นมากะจะโทรถามรินว่าถึงโรงพยาบาลหรือยัง แต่จังหวะนั้นแชทไลน์ของเธอก็เด้งขึ้นมาพอดี เขาจึงรีบเปิดดู และพบว่ารินส่งรูปกระเป๋าเดินทางมาพร้อมกับข้อความตัดพ้อว่า...
'เราคงไม่ได้เกิดมาคู่กันจริงๆ สินะพี่ศิน รินขอโทษนะ รินจะไม่ไปรบกวนพี่ศินอีก หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้เกิดมารักกันอีกครั้ง แต่ยังไงรินก็ดีใจนะที่วันนี้มีโอกาสได้เจอหน้าแม่ของพี่ศิน แม้ท่านจะไม่ยอมรับในตัวรินก็ไม่เป็นไร ลาก่อนนะที่รัก'
ข้อความที่ถูกส่งมานี้เห็นได้ชัดว่ารินรติตั้งใจวางระเบิดใส่แม่ลูกให้แตกแยกกัน ใครจะเป็นยังไงหล่อนไม่สนใจแล้ว เพราะตอนนี้หล่อนกำลังหอบเงินห้าล้านไปใช้ชีวิตกับผัวที่ประเทศเพื่อนบ้าน
ครืด!!
พอได้อ่านข้อความจบ ศินก็ลุกขึ้นยืนทันทีจนเก้าอี้เกือบจะหงายล้ม นี่แม่เขาไปเจอรินมาอย่างนั้นเหรอ? ท่านต้องพูดอะไรกับรินแน่ๆ รินถึงได้เก็บกระเป๋าออกจากคอนโดในเมืองที่เขาซื้อเอาไว้อยู่ด้วยกันแบบนี้
ศินทิ้งข้าวที่พึ่งจะกินไปได้คำเดียวแล้วคว้ากุญแจรถวิ่งหน้าตั้งออกจากบ้าน พอเหมาะพอดีกับที่รติกรกับใบหม่อนลงจากรถเก๋ง ทำให้ศินตีความผิดๆ ทึกทักเอาเองว่าใบหม่อนติดตามแม่ของเขาไปเจอรินมาด้วย
"แม่ไล่รินเหรอ!?" ศินตะโกนถามแม่อย่างโมโหพลางปรายหางตามองหน้าใบหม่อนที่กำลังทำหน้าฉงน
"ทำไม! แม่นั่นโทรมาฟ้องรึไง?" หนอย...นังแพศยา! เงินก็ให้แล้ว สัญญาก็เซ็นแล้ว ยังจะติดต่อลูกชายเธออีกเหรอ เดี๋ยวแม่ก็ฟ้องเข้าให้หรอก!
"ถ้ารินเป็นอะไรไปผมจะเอาเรื่องผู้หญิงที่แม่รักนักรักหนาคอยดู!" ปราบมองหน้าผู้หญิงที่ยืนข้างแม่ด้วยสายตาแค้นเคืองเสร็จศินก็รีบวิ่งไปขึ้นรถเก๋งอีกคันแล้วขับออกไปจนฝุ่นกลบ
ใบหม่อนยังยืนทำหน้าฉงนสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นเธองงไปหมดแล้ว แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นอะไร แล้วทำไมเธอต้องถูกเอาเรื่อง?
"หนูหม่อน อย่าไปฟังตาศินเลย เราเข้าบ้านกันเถอะลูก"
"เกิดอะไรขึ้นเหรอแม่นก นี่แม่นกไปพบแฟนพี่ศินมาจริงๆ เหรอคะ?" เธอถามแม่นกตาแป๋ว
"เฮ้อ! แม่ไม่ผิดสักหน่อย นังแพศยานั่นมันนัดแม่เอง มันเรียกร้องเอาเงินก้อนจากแม่แล้วสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับตาศินอีก เอ๊ะหนูหม่อน จะเรียกว่าแฟนตาศินก็ไม่ถูก ผู้หญิงคนนั้นมีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เป็นชู้เค้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเจ้าลูกคนนี้!" ประโยคหลังรติกรต่อว่าลูกชายที่พึ่งจะขับรถจนตูดสะบัดออกไป
"จริงเหรอคะ?" เธอเบิกตาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อความร้ายกาจของผู้หญิงคนนั้น นี่ถึงขนาดกล้าไถเงินแม่นกเชียว
"ก็จริงน่ะสิ ป่านนี้หอบเงินหายไปกับผัวแล้ว ตาศินคงตามเจอหรอก!"
ใบหม่อนพยักหน้าพลางคิดอะไรหลายๆ อย่าง ก่อนจะช่วยแม่นกถือของเข้าไปในบ้าน หลังจากแยกของฝากของแม่ไหมเสร็จ หญิงสาวก็ขับมอเตอร์ไซต์คู่ใจคันสีชมพูกลับบ้านตัวเองที่อยู่ห่างจากฟาร์มไปประมาณแปดกิโลเมตร
23:50 น.
ศินขับรถเก๋งคันสีทองซมซานไปที่เรือนไม้สักทองท้ายฟาร์ม ก่อนที่เขานั้นจะเดินเหมือนซอมบี้ขึ้นไปนั่งที่แคร่ไม้ไผ่บนมุกหน้าเรือนท่ามกลางความมืดสลัวเงียบๆ คนเดียว
เขาตามหารินตั้งแต่ออกจากฟาร์มอรุณวรินทร์เมื่อตอนเกือบทุ่ม ตามหาทุกที่แต่ไม่พบแม้แต่เงาของเธอ แถมรินยังติดต่อไม่ได้ไม่ว่าจะทางแชทหรือว่าเบอร์โทร ตลอดเวลาที่คบกันรินไม่เคยหายไปไหน เขาเสร็จงานจากฟาร์มไปหารินที่คอนโดก็พบเธออยู่ที่นั่นตลอด จึงไม่เคยขอเบอร์เพื่อนหรือญาติพี่น้องรินเลย จะว่าไป...เขาเองไม่เคยเจอเพื่อนหรือญาติพี่น้องรินด้วยซ้ำ รู้แค่ว่ารินมีแม่ป่วยนอนโรงพยาบาลแต่เขาไม่เคยไปเยี่ยมเพราะรินบอกว่าเข้าเยี่ยมไม่ได้ เรื่องอาการป่วยและค่ารักษาต่างๆ ศินก็รับรู้จากปากรินและโอนเงินให้เธออย่างเดียว
"ศินเหรอลูก..." ย่าไผ่เดินเคาะไม้เท้าออกมาจากห้องนอนหลังได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าเรือน เห็นเงาสูงใหญ่คุ้นตานั่งอยู่บนแคร่จึงเอ่ยปากถาม แต่ย่าไผ่รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นหลานชาย จึงเดินเตาะแตะออกมาหา
"คะ..ครับคุณย่า"
"ร้องไห้เหรอลูก! โถ..หลานย่าวันนี้เป็นอะไร" ทันทีที่ย่าไผ่นั่งลง หลานชายก็โผลเข้ากอดซบหน้าลงบนไหล่แหลมๆ ด้วยวัยแปดสิบสองปีแล้ว มือที่กอดตอบศินจึงสั่นเทิ้มตามประสาคนเฒ่าคนแก่ "เอ้าร้องๆๆ ไม่สบายใจก็ร้องเลยลูกเอ๊ย~"
ยิ่งได้ยินเสียงแหลมเล็กสั่นเครือปลอบประโลม ศินก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เหมือนโลกทั้งใบมันพังทลาย ต่อไปนี้เขาจะมีชีวิตอยู่ยังไงหากหารินไม่เจอ
"อดทนไว้นะลูก วันพรุ่งนี้ยังมีเสมอ ผิดพลาดอะไรเราก็แก้ไข" เลี้ยงหลานมาตั้งแต่หลานเกิด จนปัจจุบันหลานชายอายุเท่าไหร่ย่าไผ่ก็จำไม่ได้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นศินร้องไห้จนหูตาแดงขนาดนี้ มันคงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากเลยสินะ คนแก่อย่างย่าไผ่คงทำได้แค่ปลอบใจและส่งกำลังใจไปให้
หลังจากที่ศินมาร้องไห้ปรับทุกข์กับคุณย่านานร่วมชั่วโมง เขาก็เดินประคองย่าไผ่กลับเข้าห้องนอน ส่วนตัวเขาเองก็ขับรถเก๋งกลับมาที่บ้านใหญ่ แล้วนั่งดื่มเบียร์ย้อมใจคนเดียวยันรุ่งเช้า