เออ! อย่ามาหลงรักก็แล้วกัน -Ep.3-
-Ep.3-
"หนูหม่อนมาพอดีเลย แม่ว่าจะออกไปจัดการเรื่องของแม่นั่นให้เด็ดขาด แม่อาจกลับค่ำ วานหนูหม่อนช่วยทำข้าวเที่ยงให้ตาศินหน่อยนะลูก" รติกรเอ่ยเรียกใบหม่อนหลังเห็นว่าที่ลูกสะใภ้เดินเข้ามาในบ้านขณะที่เธอพึ่งจะก้าวเท้าพ้นบันไดขั้นสุดท้ายลงมา
ใบหม่อนถูกเอ็นดูเฉกเช่นลูกหลานในบ้าน บ้านไม้สักทองสองชั้นหลังใหญ่หลังนี้ นอกจากจะมีห้องนอนของรติกรกับสามีและลูกชายคนเดียวอย่างศิน ศตายุ แล้ว ยังมีห้องนอนของใบหม่อนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าทายาทคนเดียวของอรุณวรินทร์ด้วย แต่ใบหม่อนเอาไว้พักแค่ช่วงกลางวันเท่านั้นไม่เคยค้างคืน เพราะต้องกลับไปดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้
"แม่นกจะไปจัดการผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอคะ?" ใบหม่อนถามเสียงอ่อน แววตาดูท้อแท้จนรติกรต้องถามขึ้น
ปกติหนูหม่อนของเธอร่าเริงจะตายไป
"เป็นอะไรไปลูก หรือว่าถูกตาศินดุเรื่องที่แม่ใช้หนูไปบุกห้องที่คอนโดเค้า" เธอขึงตาถามว่าที่ลูกสะใภ้ ตาศินนะตาศิน! กล้าดียังไงมาดุลูกสาวสุดที่รักของเธอ เธอกับใบหม่อนจะช่วยกันดึงเขาออกมาจากบทละครน้ำเน่าของนังผู้หญิงเลวๆ คนนั้นยังไม่คิดสำนึกอีก!
"ก็ไม่เชิงค่ะแม่นก หม่อนว่าเราหยุด!..."
"หนูหม่อนไม่ต้องคิดมาก! วันนี้เรื่องทุกอย่างจะจบ ถ้าหนูหม่อนกลัวงั้นช่วงนี้อยู่ห่างๆ ตาศินไว้ก่อน หลังทำข้าวเที่ยงเสร็จหนูไปนั่งเล่นกับคุณย่าที่เรือนก่อนก็ได้ ไว้แม่กลับมาแม่จะไปรับที่เรือนคุณย่า"
คิ้วเรียวสวยขมวดพลางทำหน้าฉงนสงสัย แม่นกหมายความว่าไงที่ว่าวันนี้เรื่องจะจบ จู่ๆ ตอนนี้ใบหม่อนก็นึกกลัวรติกรขึ้นมา แววตาของแม่นกดูมั่นอกมั่นใจเกินกว่าทุกครั้ง
"นี่แม่นกจะไปเจอแฟนพี่ศินเหรอคะ?"
"เอาไว้เรื่องทุกอย่างจบแม่จะกลับมาเล่าให้ฟัง แม่ไปก่อนนะเดี๋ยวไม่ทันเวลา"
ใบหม่อนมองตามร่างเพรียวบางที่อายุปาเข้าไปเลขห้าแล้วก็ยังสวยสะพรั่งไม่มีที่ติกำลังเดินออกจากบ้านไป แม่นกพูดว่าเดี๋ยวไม่ทันเวลา แสดงว่าต้องมีการนัดแนะกันเกิดขึ้น แฟนพี่ศินจะกล้ามาเจอแม่นกจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? แล้วพี่ศินรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ
"ไม่ๆๆ ฉันไม่เกี่ยว! ฉันไม่ยุ่งอะไรด้วยอีกแล้ว" ใบหน้าเรียวรูปไข่ส่ายสะบัดรัวๆ ก่อนจะเดินเข้าครัวไปหาทำมื้อเที่ยงให้ศิน เสร็จแล้วจะรีบปั่นจักรยานไปนั่งเล่นเรือนคุณย่าท้ายฟาร์ม แม่นกจะไปทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธออีกแล้ว และถึงแม่นกจะเกลียดผู้หญิงคนนั้นเข้ากระดูกดำยังไง ใบหม่อนก็เชื่อว่าแม่นกคงไม่เอาหล่อนถึงตายหรอก
หลังจากจัดเตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ใบหม่อนก็รีบคว้าจักรยานคู่ใจสีชมพูหวานแหวว ปั่นไปเรือนไม้สักทองทรงไทยที่อยู่ท้ายฟาร์มติดลำธารที่เธอเคยแอบไปเล่นน้ำกับลูกคนงานในฟาร์มเมื่อตอนเด็กๆ ระยะทางจากบ้านใหญ่ไปเรือนคุณย่าไกลร่วมห้ากิโลเมตรเลยทีเดียว
พอมาถึงใบหม่อนก็กระโดดลงจากจักรยาน แล้วรีบเหยียบขาตั้งคู่ตรงท้ายล้อดึงจักรยานให้ถอยขึ้นมาตั้ง จากนั้นก็วิ่งขึ้นบันไดมาเจอคุณย่าที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ติดริมระเบียง
"คุณใบหม่อนมาค่ะคุณย่า" สาวที่มาอยู่รับใช้ยื่นหน้าไปบอกคุณย่าไผ่อย่างยิ้มๆ พร้อมหลิ่วตามองเด็กสาวที่เห็นมาตั้งแต่เข้ามาอยู่ในฟาร์มกับผัวใหม่ๆ เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว
ได้ยินอย่างนั้นย่าไผ่ก็รีบเงยหน้ามอง พอเห็นเด็กสาวที่เดินเหมือนม้าดีดกะโหลกเข้ามาริมฝีปากเหี่ยวย่นก็เผยรอยยิ้มขึ้น
"ไง วันนี้โผล่มาหาย่า มาหาขนมกินล่ะสิ"
"ก็ใช่น่ะสิคะคุณย่า มีใครไม่หลงใหลความหวานหอมของขนมที่คุณย่าทำบ้าง"
"มาเลย มาเรียนร้อยมาลัยต่อเลย ที่ย่าสอนไปเมื่อสองเดือนก่อนลืมรึยัง"
"โห่คุณย่า! ให้หม่อนตีลังกายังง่ายกว่าอีก" ใบหม่อนนั่งลงข้างแคร่ด้านล่างกับน้ากรอยและน้าอ้อยซึ่งเป็นเมียคนงานในฟาร์ม แน่นอนว่าใบหม่อนเองก็คุ้นเคยกับพวกน้าๆ ดี เธอทำหน้ายู่เซ็งๆ ใส่ย่าไผ่ไม่จริงจังนัก ก่อนจะเอนหัวนอนลงกับแคร่ไม้ไผ่อย่างเกียจคร้านข้างก้นคุณย่า
"คิกๆๆ สงสัยจะลืมวิธีการร้อยไปหมดแล้วค่ะคุณย่า" กรอยกลั้วขำในลำคอยามพูดหยอกล้อเด็กสาว
"ถ้างั้นมาช่วยน้าอ้อยเลือกมะลิก็ได้มา" อ้อยที่นั่งพับเพียบเลือกมะลิช้ำๆ ออกจากตะกร้าเอ่ยปากชักชวนอย่างเห็นใจ
"ก็ได้! เลือกมะลิดีกว่าร้อยมาลัย" ร่างเล็กผงกหัวลุกผุดขึ้นมาพลางทำแก้มป่องหันไปคุ้ยๆ ดอกมะลิในตะกร้าที่อ้อยเลือกอยู่
"อย่าเขี่ยเป็นไก่สิ เดี๋ยวก็เขกเข้าให้" คนแก่กำมือท่ามะเหงกขู่จะโขกหัวเด็กสาวที่ตนรักมากพอๆ กับหลานชาย
หัวเล็กยู่ลงหลบมะเหงกเหี่ยวๆ แล้วเลิกคุ้ยดอกมะลิเล่น เมื่ออยู่กับร่องกับรอยแล้วใบหม่อนก็ช่วยอ้อยเลือกอย่างตั้งใจ
อีกด้าน
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"เธอจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา แล้วเซ็นสัญญานี่ซะ!" รติกรเชิดหน้าถามอีกฝ่ายด้วยสายตาเกลียดชัง เหตุที่รติกรได้มานั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นการนัดแนะและยื่นข้อเสนอของรินรติทั้งหมด
ช่วงแรกที่รติกรรู้ว่าลูกชายคบหากับรินรติ เธอก็ให้ลูกน้องสามีที่อยู่ในฟาร์มไปสืบประวัติดู เธอแค่อยากจะรู้จักครอบครัวและหน้าตาคนที่จะมาเป็นสะใภ้ ไม่ได้คิดจะจับผิดหรือกีดกันอะไรเลย แต่แล้วลูกน้องสามีดันไปสืบเจอว่าผู้หญิงคนนี้มีผัวอยู่แล้ว แม้ไม่ได้จดทะเบียนแต่ก็อยู่กินด้วยกัน ตอนแรกเธอก็สงสัยว่าลูกชายไปเป็นชู้กับรินรติหรือเปล่า สรุปว่าไม่ใช่ ลูกชายเธอโดนหลอก! ตั้งแต่นั้นมารติกรก็กีดกันความรักของทั้งคู่มาโดยตลอด เคยบอกความจริงลูกชายมาครั้งนึงแล้ว ไม่รู้นังผู้หญิงแพศยาคนนี้ไปแก้ตัวยังไง ศินถึงได้เชื่อคำพูดของหล่อนมากกว่าแม่ตัวเอง
"ป้าคิดว่าความรักที่ลูกชายป้ามีให้หนูสามารถตีเป็นราคาเงินได้เท่าไหร่ล่ะคะ?" รินรติกรีดยิ้มถามอย่างยั่วประสาท ศินรักเธอจนหัวปักหัวปำขนาดนั้น เธอเรียกเท่าไหร่รติกรก็ต้องจ่ายหากอยากให้เธอหายหน้าไปจากผู้ชายโง่ๆ อย่างเขา
"นังน่าไม่อาย!" รติกรไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าผู้หญิงไร้ยางอายอย่างรินรติดี ลูกชายเธอหมดไปกับหล่อนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ตาศินก็เป็นจริง ผู้หญิงดีๆ น่ารักอย่างหนูหม่อนก็ไม่ยอมเหลียวมอง
"ห้าล้านพอมั้ย? แล้วออกไปจากชีวิตตาศินซะ!"
"คิกๆๆ ป้านี่คุยง่ายนะคะ ห้าล้านเชียว ไม่เซ็นก็โง่ละ!" รินรติหัวเราะชอบใจ ก่อนจะรีบคว้าเอกสารมาอ่าน อ่านเสร็จก็รอรติกรเซ็นเช็ค หล่อนถึงยอมเซ็นชื่อลงไปในสัญญา ยื่นเอกสารคืนอีกฝ่ายไปพร้อมกับรับเช็คมาชื่นชมตาลุกวาว "หวังว่าเช็คจะไม่เด้ง ถ้าเด้งขึ้นมาล่ะก็...ลูกชายป้าหมดมากกว่าห้าล้านแน่!"
รติกรถลึงตามองผู้หญิงไร้ยางอายที่ลุกเดินออกไปพร้อมเช็คห้าล้าน ขอให้มันจบจริงๆ เถอะ ถ้าวันไหนรินรติโผล่หน้ามาให้ลูกชายเห็นอีก เธอจะเอาสัญญาฉบับนี้เล่นงานหล่อนซะ!