เออ! อย่ามาหลงรักก็แล้วกัน -Ep.10-
-Ep.10-
ทุกๆ วัน ใบหม่อนจะเข้าหาศินด้วยเรื่องเดิมๆ ไม่บิลค่าอาหารก็บิลอุปกรณ์ เบิกเงินซื้อยาสามัญประจำบ้านบ้าง ซื้อของใช้ในฟาร์มบ้าง ทุกๆ วันต้องมีข้ออ้างไปเจอศินเสมอ ซึ่งเธอก็ไม่วายจะถูกมองกลับมาด้วยสายตาเย็นชาและท่าทีห่างเหิน และที่ขาดไม่ได้เลยคือคำด่าทอประชดประชันต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงวิ่งหนีไปร้องไห้กระซิกๆ แล้ว แต่ใบหม่อนกลับทำเพียงแค่จือปากบ่นอุบอิบให้เขาตามเคย แล้วก็เดินลั้ลลากลับไป
และบ่ายวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอมาหาศินด้วยบิลค่าไฟ
"พี่ศิลค่าไฟ" บิลค่าไฟถูกยื่นไปให้ศินที่ยืนอยู่ใต้ร่มต้นไม้คุมคนงานปลูกต้นทุเรียน
ศินพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ หนึ่งที แล้วปรายตามองคนที่มายืนยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆ ก่อนจะกดตาลงมองบิลแวบหนึ่ง
"ทำตัวน่ารำคาญทุกวันไม่เหนื่อยเหรอหม่อน?" เสียงเรียบถามขึ้นในขณะยืนกอดอกมองตรงไปยังคนงานที่ทำงานตากแดดงกๆ แต่ทุกหยาดเหงื่อก็คุ้มค่าแรงที่ได้รับ เพราะกูไม่เคยใช้ใครฟรี!
ก่อนหน้านี้ศิลมักจะตวาดใบหม่อนอยู่บ่อยครั้ง จ้องเธอด้วยสายตาดุเดือด ขบกรามใส่จนฟันแทบร้าว แต่ทำทุกวันมันก็เหนื่อย และคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะใบหม่อนยังเข้าหาเขาทุกวันเหมือนเดิมทั้งที่บ้านและที่ทำงาน นี่ก็ผ่านมาสี่เดือนกว่าแล้วที่รินหายตัวไปติดต่อไม่ได้ วัยรุ่นในเมืองที่จ้างไปสืบหาก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับรินเลย ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนเขาก็ยังไม่รู้
"พี่ศินนั่นแหละ หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่หม่อนทุกวันไม่เมื่อยบ้างเหรอ?" ทุกวินาทีที่พูดริมฝีปากบางสวยไม่เคยหุบยิ้มลงสักครั้ง ต้องมีสักวันที่พี่ศินจะมองมาที่รอยยิ้มนี้แล้วสะดุดตาบ้างแหละ เธอจะทำให้เขาลืมผู้หญิงที่หอบเงินห้าล้านของแม่นกหนีเขาไปให้ได้!
"ถ้าทำใส่คนหน้าหนาอย่างเธอพี่ไม่มีวันเมื่อยหรอก เก็บเล่เหลี่ยมสกปรกของเธอกลับไปเถอะ พี่ไม่มีทางหลงมารยาผู้หญิงแบบเธอหรอกหม่อน"
น้ำเสียงที่พูดดูราบเรียบธรรมดา แต่ความหมายช่างปวดแสบปวดร้อนเสียจริง ใบหม่อนได้แต่ค่อนขอดเขาอยู่ในใจ ผู้ชายอะไรปากแซบใส่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอได้ขนาดนี้ หากเธอเป็นอย่างเขาว่าก็คงจะรู้สึกจุกในอกอยู่บ้าง แต่นี่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น คำด่าทอที่พูดใส่เธอทุกวันมันเลยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เคยเจ็บปวดให้กับคำด่าเหล่านั้นสักครั้ง
พอด่าจบมือหนาก็ดึงบิลไปดูยอดจ่าย ก่อนจะสะบัดคืนให้ใบหม่อนจนบิลปลิวว่อนไปตามลม ลำบากเธอต้องหมุนตัวก้มลงตะครุบบิลที่กำลังจะหล่นพื้น
"โอนเงินไปแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก!" ศินหย่อนมือถือลงในกระเป๋าตูดที่เดิมหลังจากโอนเงินค่าไฟให้ใบหม่อนเสร็จ จากนั้นเขาก็ยืนกอดอกดูคนงานต่อ
ชิ! ทำเป็นไม่อยากเห็นหน้า เอาจริงๆ ตั้งแต่ใบหม่อนมายืนตรงนี้ หน้าเธอถูกศินมองยังไม่ถึงสามวิด้วยซ้ำ อะไรจะเกลียดกันปานนั้น!! เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น โอเค! คำโบราณคำนี้เธอชอบนะ เพิ่มพลังบวกให้เยอะเลย แต่ก่อนไป...
มือบางค่อยๆ ไต่เนินอกเลี้ยวไปที่กระเป๋าเสื้อ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เตรียมจะฉกฉวยเหงื่อเม็ดโตที่ไหลอยู่บนกรอบหน้าคม และแล้วเธอก็ได้ยื่นมือไปซับเหงื่อให้ศินทั้งสองข้าง นับว่าประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียว
"นี่!..." ศินกำลังจะอ้าปากต่อว่าเจ้าของการกระทำอันว่องไวปราดเปรื่อง แต่หันไปอีกทีใบหม่อนก็วิ่งหนีไปไกลแล้ว เลยได้แต่เอามือลูบบริเวณกรอบหน้าด้วยความหงุดหงิด แต่ก็สัมผัสได้แค่ความร้อนกับผิวแห้งๆ ของตัวเอง เหงื่อไคลที่ไหลย้อยก่อนหน้านี้ได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว มันติดไปกับผ้าเช็ดหน้าสีชมพูนั่น
และวันต่อๆ มา...
พักเที่ยง
เที่ยงวันนี้ศินได้แวะมาฝากท้องที่โรงอาหารคนงานอีกตามเคย เขามักกินข้าวเที่ยงที่นี่ประจำ เพราะช่วงนี้ต้องเข้าสวนผลไม้ทั้งวัน ยิ่งใกล้สิ้นปีผลผลิตก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ และการได้ทำงานหนักๆ มันก็ช่วยเยียวยาจิตใจเขาด้วย
"น้ำครับนาย"
"ขอบใจ" ศินรับน้ำจากคนงานชายที่มีอายุรุ่นราวคราวน้องพ่อที่ยื่นมาให้ จากนั้นคนงานคนนั้นก็กลับไปนั่งกินข้าวต่อ
ศินรีบเปิดฝาขวดน้ำเพราะข้าวเริ่มติดคอ ลืมเอะใจกับเกลียวฝาน้ำที่ไม่ได้ล็อคเหมือนน้ำขวดใหม่ทั่วไป พอกระดกดื่มจนอิ่มเท่านั้นแหละ ลิ้นถึงได้สัมผัสรสชาติของวิตามินบำรุงที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ รู้เลยว่าน้ำขวดนี้เป็นของใคร จึงปรายหางตาไปมองโต๊ะด้านข้างที่ถัดไปข้างหน้าสามโต๊ะ
อุ่ย! ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆ หลังจากที่นั่งยิ้มปากฉีกเพราะเห็นศินดื่มน้ำที่เธอไหว้วานลุงเอ๋ให้เอาไปให้ เธอรีบก้มหน้าตักข้าวเข้าปากทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็คงจะไม่ทันแล้วแหละ สายตาคมอัมหิตยิงเลเซอร์มาหาเธอโดยตรงขนาดนี้ รู้ซะยิ่งกว่ารู้อีก
ศินร้อง 'เหอะ!' ในลำคอพร้อมกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ลุกขึ้นเก็บถาดข้าวไปไว้ในกะละมังใหญ่แล้วเดินเอาขวดน้ำไปทิ้งลงถังอย่างไม่ใยดี แต่จะไปสะใจอะไร เขายกดื่มไปจนเกือบจะหมดขวดแล้ว นั่นเท่ากับทิ้งขวดเปล่าด้วยซ้ำ เล่ห์เหลี่ยมของใบหม่อนนี่มันเกินรับมือจริงๆ ต้องทำยังไงถึงจะเอาผู้หญิงอย่างเธอออกไปจากชีวิตได้เนี่ย!
และเช้าวันต่อๆ มา...
ปึก
ศินเปิดประตูรถสี่ประตูสีขาวมุกเพื่อที่จะขับมันไปยังโกดังเก็บผลผลิตเพราะวันแรกของเดือนได้วนมาถึงอีกแล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปนั่ง เพราะดันเจอยัยตัวแสบนั่งชูมือกระดิกนิ้วทักทายอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ถอนหายใจหนักๆ ไปทีแล้วปิดประตูใส่ดัง 'ปึก!' ก่อนรีบล้วงมือถือออกมากดโทรหาจอมวางแผน
"แม่คิดอะไรอยู่ครับ อยู่ที่ฟาร์มยังกวนผมไม่พอใช่มั้ย ถึงได้ให้หม่อนตามไปกวนผมที่โกดังอีก ...ช่วยงานเหรอ? ระรานสิไม่ว่า! ผมอดทนกับแม่มาหลายเดือนแล้วนะ ต้องให้ผมทนไม่ไหวแล้วลงไม้ลงมือกับลูกรักแม่ใช่มั้ย!" ศินรีบตัดสายทิ้งแล้วเก็บมือถือ พูดขู่แม่เขาไปงั้นเอง เขาคงไม่พลั้งมือบีบคอใบหม่อนจนตายหรอก ยืนปรับอารมณ์ไม่นานมือหนาก็เปิดประตูรถอีกครั้ง เห็นใบหม่อนนั่งสงบเสงี่ยมทำหน้าเหงาหงอยก็ยิ่งหมั่นไส้ เหอะ! เศร้าเหรอ? กูเศร้ากว่าตั้งเยอะที่วันๆ ต้องมาเจออะไรแบบเนี๊ย!
ดวงตาคมกลอกไปมาอย่างนึกรำคาญแล้วขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับอย่างจำใจ เพราะงานที่ต้องทำเลยไม่มีเวลาจะมาลากใครบางคนให้ลงจากรถ ลงง่ายๆ จะไม่ว่าหรอก นี่เหนียวยิ่งกว่ากาวตราช้างเสียอีก
ตลอดทางไปโกดังในระยะทางกว่าห้ากิโลเมตร ใบหม่อนนั่งฉีกยิ้มหวานให้คนขับไปตลอดทาง แต่ไม่มีสักเสี้ยววินาทีนึงเลยที่ศินจะชำเลืองตามอง ไม่โวยใส่ก็นับว่าบุญแล้ว
พอถึงโกดัง ใบหม่อนก็ช่วยงานศินจริงๆ โดยการนั่งเก็บเงินค่าของและจดบิลให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้า จุดนี้จะเป็นจุดสำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปที่เป็นเจ้าประจำนัดรับผลผลิตจากฟาร์มทุกๆ สามวันหรือสี่วันแล้วแต่สะดวก โดยปกติแบงค์จะคอยดูแล แต่ที่ศินต้องเข้ามาทุกๆ ต้นเดือนเพราะจะมีการรวมยอดบิลของเดือนที่แล้วทั้งหมดและเขาต้องเช็คยอดเงินกับยอดของของเดือนที่แล้ว ซึ่งจะยุ่งมากๆ
พอพักเที่ยง ศินและใบหม่อนก็ได้ไปกินข้าวที่แคนทีน แต่ทั้งคู่นั่งคนละโต๊ะกัน เพราะรู้ว่าศินกำลังยุ่งและมีเรื่องให้คิดมากมาย ใบหม่อนไหนเลยจะกล้าไปนั่งยั่วยวนกวนประสาทเขา แต่เธอก็ใช่ว่าจะนั่งไหนไกล ก็นั่งโต๊ะข้างๆ เขานั่นแหละ
"ยังไม่กลับเหรอหม่อน?"
"ยังเลยพี่แบงค์" ใบหม่อนดึงสายตาแพรวพราวที่มองศินกลับมามองคนที่วางถาดข้าวลงพร้อมกับนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
"เหนื่อยเลยล่ะสิ วันนี้พวกแม่ค้ามารับของเยอะเลย"
"ก็พอไหวนะ" เธอยิ้มหน้าระรื่นให้แบงค์ แบงค์เองก็ยิ้มเอ็นดูใบหม่อนอยู่ตลอด และรอยยิ้มของแบงค์ที่มีรอยบุ๋มลึกทั้งสองข้างแก้มทำให้ใบหม่อนอดที่จะชื่นชมเขาอยู่ในใจไม่ได้ พี่แบงค์ยิ้มได้น่ารักมาก ทำไมเธอไม่มาชอบเขาแทนที่จะไปชอบคนใจร้ายอย่างศินกันนะ ถ้าเป็นแบงค์ละก็...คงจีบติดจนได้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว
น้ำเสียงหยอกล้อดูมีความสุขของใบหม่อนทำให้ศินไม่อาจทนนั่งฟังได้ ทำลายชีวิตคนอื่นแล้วยังยิ้มหน้าบานได้อยู่อีก เห็นแล้วรำคาญตา ไม่ได้อยากมองแต่ทั้งคู่กลับอยู่ในรัศมีของดวงตาอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะหูที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างอีก นอกจากลุกหนีก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่จะไม่เห็นใบหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อนั่น
ดวงตากลมขยับขวามองคนตัวสูงที่ลุกพรวดเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปจากแคนทีน กินเสร็จไวขนาดนั้นเชียว!
"พี่แบงค์หม่อนไปนะ!" ใบหม่อนลุกผุดรีบเก็บจานข้าวก้าวขาออกจากโต๊ะนั่งยาวอย่างไว เก็บจานเสร็จก็วิ่งตามศินออกไปจากแคนทีน ไม่ได้สิ! เกิดเขาหนีกลับแล้วทิ้งเธอไว้ที่นี่จะทำไง อย่างกับว่าไม่รู้นิสัยเขาอย่างนั้นแหละ!