เออ! อย่ามาหลงรักก็แล้วกัน -Ep.11-
-Ep.11-
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป จนวันสิ้นปีได้หวนมา ฟาร์มอรุณวรินทร์จัดงานปีใหม่กันทุกปี โดยจะจัดกันในสนามหญ้าหน้าฟาร์ม ที่ประดับตกแต่งด้วยกังหันลม ตุ๊กตาปูนแต่งสวน จริงๆ ในส่วนตรงนี้ทางฟาร์มได้จัดไว้ให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมฟาร์มถ่ายรูป เพราะมีทั้งน้ำตกจำลอง และโต๊ะหินอ่อนรูปผลไม้ต่างๆ จักรยานปูน พอถึงวันสิ้นปีคนงานก็จะช่วยกันยกโต๊ะที่โรงอาหารขึ้นรถแล้วเอามาลงที่นี่
ตอนนี้ใบหม่อนได้มาเดินซื้อของตกแต่งงานและวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารในงานเลี้ยงกับแม่นก มีเมียคนงานในฟาร์มมาช่วยเลือกสองคน และผู้ชายช่วยถือของอีกสามคน ศินไม่ได้มาด้วยเพราะนอกจากจะไม่สันทัศกับเรื่องแบบนี้แล้ว เขาก็ยังเกลียดขี้หน้าใบหม่อนเหมือนเดิมจนไม่อยากใช้เวลาร่วมด้วย ไหนจะแม่เขาที่คอยจัดฉากวางแผนซัพพอร์ตสนับสนุนกันดียิ่งกว่าอะไร
"แม่นกคะ แม่นกว่าพี่ศินลืมแฟนของเค้าไปรึยังคะ?" ใบหม่อนเอียงหัวถามด้วยความซื่อพลางกอดแขนแม่นกขณะกำลังเดินกลับมาที่รถ ไม่ต้องห่วงว่าคนงานที่มาด้วยกันจะได้ยิน เพราะใบหม่อนไม่ได้เสียงดังอะไรขนาดนั้น
"ยังหรอก แม่ยังเห็นตาศินกดโทรศัพท์เวลากินข้าวอยู่เลย แล้วก็เหมือนยังให้คนตามหาแม่นั่นอยู่ ไม่ต้องห่วงนะหนูหม่อน อีกไม่นานหรอก ตราบใดที่แม่นั่นไม่ผิดสัญญาโผล่หัวกลับมาน่ะนะ!" รติกรลูบมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างปลอบใจ คิดว่าใบหม่อนท้อใจจนอยากถอยทัพ
"ค่ะ" ใบหน้าสวยพยักลงแล้วส่งยิ้มให้ ขณะเดียวกันก็ถึงรถพอดี เธอเลยรีบขึ้นรถกลับฟาร์ม
ที่ถามรติกรไปแบบนั้นไม่ใช่อะไร บางทีใบหม่อนก็นึกสงสารศิน แม้สายตาเขาจะแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยวทุกครั้งที่เจอ ทว่าในแววตาส่วนลึกกลับซ่อนความเศร้าโศกเอาไว้ คนอื่นไม่เห็น แต่เธอเห็น รู้จักเขามาหลายปี ศินนึกคิดอะไรอยู่ทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ตอนนี้สิ่งที่รู้คือเขายังเศร้าเรื่องผู้หญิงคนนั้นและยังเกลียดผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอ จบ!
หลังจากช่วยกันตกแต่งพื้นที่กินเลี้ยงปีใหม่เสร็จในช่วงเกือบหกโมงเย็น ใบหม่อนกับพวกผู้หญิงในออฟฟิศก็แอ็คท่าถ่ายรูปกันไปคนละเกือบๆ ยี่สิบรูป ส่วนคนทำอาหารก็จะเป็นพวกป้าๆ ชุดเดิมที่เคยทำหน้าที่นี้ทุกปี
เมื่อเครื่องเสียงพร้อม อาหารพร้อม ผู้คนพร้อม งานเลี้ยงปีใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น คนกล่าวเปิดงานก็หนีไม่พ้นเจ้าของฟาร์มอรุณวรินทร์รุ่นที่เจ็ดนั่นก็คือกิจ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือร่มโพธิ์ร่มไทรอย่างย่าไผ่ กล่าวเปิดงานจบก็ตามด้วยเบียร์คนละแก้ว บ้างก็เหล้าแดงเพียวๆ ดื่มเพื่อเปิดงาน จากนั้นความสนุกครื้นเครงก็เริ่มขึ้น
"แม่ เป็นไงบ้าง" ใบหม่อนลงมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนซึ่งโต๊ะนี้จะมีแม่ไหม แม่นก ลุงกิจ และย่าไผ่นั่งทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกัน แม่ไหมเองก็มาฉลองงานปีใหม่ที่ฟาร์มอรุณวรินทร์ทุกปีอยู่แล้ว
"แค้กๆ แม่ไม่เป็นไร เห็นแม่อ่อนแอขนาดนั้นเลยรึไง" ภรชิตาขมวดคิ้วยิ้มให้ลูกสาว เธอรู้ว่าใบหม่อนห่วงเรื่องโรคที่เป็นอยู่ แต่ใครจะอยากให้ลูกเป็นห่วง ต่อให้รู้สึกระคายคอแน่นจมูกแต่ถ้าเธอยังไหวอยู่เธอก็จะบอกทุกคนว่าสบายดี ใบหม่อนอาจจะเชื่อ แต่สำหรับเพื่อนรักอย่างรติกรไม่เชื่ออย่างแน่นอน และทุกๆ ปีรติกรก็มักจะพาภรชิตากลับก่อนเพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้แข็งแรงอย่างที่แสดงออก
"เปล่าสักหน่อย แต่แม่ชอบหลอกหม่อนอ่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่มั้ย?" ใบหม่อนจือปากถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แม่น่ะชอบหลอกว่าสบายดี แต่ความจริงไม่ได้ดีอย่างที่พูดเลย ถ้าแม่ไม่สบายตัวเธอก็อยากที่จะพาแม่กลับบ้าน
"ไม่ต้องห่วงหรอกหนูหม่อน มีแม่กับลุงกิจอยู่ตรงนี้ หนูไม่วางใจได้ยังไงกัน"
"ใช่ๆๆ ถ้าไหมไม่สบายเดี๋ยวลุงกับแม่นกจะพาไหมกลับไปส่งบ้านเอง หนูหม่อนไปนั่งกินกับพวกพี่ๆ เค้าเถอะ วันสิ้นปีมันมีแค่ปีละครั้งนา!"
"เป็นลูกก็ต้องห่วงแม่เป็นธรรมดา เด็กสมัยนี้หายากนะที่จะอยู่ดูแลพ่อดูแลแม่แบบหนูหม่อนเค้า" เสียงเล็กสั่นเครือตามประสาคนแก่เอ่ยชมใบหม่อน ทำเอากิจต้องหันมาอ้อน
"เหมือนผมใช่มั้ยครับแม่" แล้วทุกคนก็พากันพร้อมใจเบะปากใส่กิจที่ทำราวกับตัวเองพึ่งจะอายุสิบขวบ
"ก็ได้ค่ะ ถ้าแม่รู้สึกไม่ดีก็เรียกหม่อนนะ" ใบหม่อนลุกออกไปหาพวกพี่ๆ ที่สนิทสนมกันพอสมควร แต่เธอก็ไม่ได้ละเลยแม่ตัวเอง ยังคงหันไปมองอยู่ตลอด แต่พอเห็นรอยยิ้มของแม่เธอก็สบายใจ เพราะแม่กำลังมีความสุข
ส่วนศิน ถ้าเป็นปีก่อนๆ เขามักจะอยู่ร่วมงานแค่ชั่วโมงเดียว เพราะต้องรีบออกไปฉลองกับริน พอคนงานถามใบหม่อนก็มักจะโกหกว่าเขาไม่สบายบ้างล่ะ คออ่อนบ้างล่ะ เพื่อนเกิดอุบัติเหตุบ้างล่ะ และพวกคนงานก็เชื่อ ไม่ได้สงสัยอะไรเพิ่มเติมให้เธอต้องเฟ้นหาคำอธิบาย แต่ปีนี้ศินนั่งดื่มเหล้ากับคนงานเก่าๆ ตั้งแต่งานยังไม่เริ่ม จะบอกว่าดื่มอย่างสนุกก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เหมือนซดเหล้าย้อมใจเสียมากกว่า
ความสนุกเมื่อได้เกิดขึ้นแล้วมันก็มักจะจบเร็ว ทุกคนที่นี่ไม่ได้ฉลองกันจนถึงวินาทีสุดท้ายของปี แต่จะเลิกก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะกิจอยากให้ทุกคนได้ใช้เวลากับครอบครัว ไปอยู่เคาน์ดาวกันสองผัวเมียหรือสามคนพ่อแม่ลูกจะมีความสุขกว่า คนงานบางคนก็กลับบ้านในวันปีใหม่ บางคนก็พาครอบครัวขึ้นมาอยู่ที่ฟาร์มสองสามวัน นับว่าทุกคนที่นี่มีความสุขมากที่ได้เป็นลูกจ้างฟาร์มอรุณวรินทร์ เพราะพวกเขาล้วนถูกปฏิบัติเยี่ยงคนในครอบครัว ไม่ใช่ขี้ข้าหรือทาสเหมือนที่อื่น
23:15 น.
"ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวหม่อนให้พี่เอ๋แบกขึ้นไปนอน" ร่างเล็กยืนคุยโทรศัพท์กับรติกร อีกมือยกเท้าเอวใส่คนเมาที่นอนสลบอยู่บนเตียงไม้กลางงานปาร์ตี้
ตอนแรกใบหม่อนกะจะกลับพร้อมแม่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ด้วยความที่เห็นว่าลูกสาวยังสนุกอยู่ภรชิตาจึงวอนให้ใบหม่อนอยู่ต่อ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวขัดความสุขลูก กิจเองก็เมาไม่ไหวเพราะชนแก้วกับคนงานทั้งคืนเลยต้องขึ้นบ้านไปก่อนเมื่อประมาณยี่สิบนาทีที่แล้ว รติกรจึงต้องไปส่งย่าไผ่เอง แล้วพาภรชิตากลับบ้าน และเธอก็ไม่ได้กลับมาที่ฟาร์มเพราะจะนอนกับภรชิตาที่บ้านนู้นเลย
"ขอบคุณมากนะคะลุงเอ๋" ใบหม่อนเอ่ยขอบคุณคนงานที่อุตส่าห์แบกร่างหนักๆ ของศินขึ้นมาไว้บนห้องนอนได้ ถ้าให้เธอแบกเองก็คงจะไม่รอด
"งั้นข้ากลับห้องก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยก็โทรตามละกัน"
"โอเคลุง สุขสันต์วันปีใหม่นะคะลุง"
"เออ เอ็งก็เหมือนกัน ข้าไปล่ะนะ"
คล้อยหลังลุงเอ๋ออกจากห้องไป ใบหม่อนก็หันมาถอนหายใจแล้วส่ายหัวอย่างเอือมๆ เห็นชนแก้วเอาชนแก้วเอา ว่าแล้วต้องไม่รอด
ใบหม่อนจัดการท่านอนให้ศินใหม่ แล้วถอดเสื้อถอดกางเกงเขาออก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเหลือบ็อกเซอร์เอาไว้เพราะเธอคงไม่บ้าดีเดือดแก้ผ้าศินซะหมดตัวหรอก เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้หวังว่าเขาจะสบายตัวขึ้น เสร็จแล้วจึงกลับห้องตัวเองที่อยู่อีกฝั่งของบันได ก่อนจะอาบน้ำชำระคราบเหงื่อที่มันไหลตอนเล่นสนุกในงาน แล้วมาล้มตัวนอนอย่างหมดแรงเพราะเธอเองก็ดื่มไปไม่ใช่น้อย ถึงจะตาลอยทว่าเธอก็ยังมีสติดี
ช่วงตีสอง ร่างเล็กที่กำลังหลับใหลได้ที่ หลับลึกจนไม่รู้สึกตัวเลยว่าที่นอนข้างๆ มันยุบลง สักพักก็เริ่มมีแขนพาดมาบนเอวผ่านแผ่นหลัง แถมมือข้างนั้นยังควานสะเปะสะปะ จับนู่นคลำนี้ และเริ่มสัมผัสผิวขาวนวลนุ่มลื่นมากขึ้น