บทที่ 6 หายกัน
ด้านเลโอนิกซ์หลังจากที่เจนสันไปรับเขาที่บ้านสวนท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เย็นวันนั้นร่างสูงก็บินกลับ กทม ในทันที
ขณะที่ร่างสูงและกลุ่มลูกน้องเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้น มาดามจินที่ได้ทราบข่าวจากเจนสันถึงกับนั่งไม่ติดรอรับบุตรชายที่ห้องรับแขก โดนมีนายใหญ่อย่างเจ้าสัวสรรชัย นายหญิงอย่างมาดามจิน และนายหญิงรองอย่างคุณรัศมีภรรยาคนที่สอง นายหญิงกลางอย่างคุณรัตนา นายหญิงเล็กอย่างเจนจิรา ถัดไปมาดามริชชา น้าริชเป็นน้องสะใภ้ของเจ้าสัว ภรรยาคุณอาชลธร ที่นั่งต้อนรับบุตรชายเจ้าสัวตามลำดับ
พอบุตรชายเข้ามาในบ้านเท่านั้นแหละ มาดามจินถึงกับโผล่เข้ากอดเลโอนิกซ์ด้วยความห่วงใย
“โอ้ย...ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก มัมเป็นห่วงแทบแย่”
“ไกลหัวใจผมเยอะ ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ” เลโอนิกซ์หันไปเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้านิ่ง
“น้าเป็นห่วงเราแทบแย่นะ” คุณรัศมีเอ่ยกับนายน้อยของบ้าน
“ใช่ไหมคะ คุณพี่ น้องถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงคุณเลโอ” คุณรัตนาเอ่ยกับชายหนุ่ม แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่เอ่ยอะไรออกมากับเขา เลโอนิกซ์เพียงแค่เบนสายตามองไปที่เจนจิราเท่านั้น
“เห็นว่าคุณเลโอ บาดเจ็บ ฉันให้ป้าสายเตรียมชาร้อนๆ ให้ที่ในห้องแล้วค่ะ” เจนจิราเอ่ยเสียงเรียบ เธอไม่กล้าสู้หน้าบุตรชายเจ้าสัว เนื่องจากเธอและเลโอนิกซ์รุ่นราวคราวเดียวกัน ตั้งแต่เธอมาเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้เขาและเธอคุยกับเขานับครั้งได้ และดูเหมือนว่าบิดาของเขาจะหลงเธอกว่าเหล่าๆ ภรรยานอกสมรสทุกคนเสียด้วยสิ
“น้าให้ตามอส ช่วยตามเรื่อง เฮ้ย...แต่รายนั้นไม่ได้ความอะไร น่าตีจริงๆ ลูกชายคนนี้” มาดามริชเอ่ยกับหลานชายสามีอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อทราบข่าวถึงกับรีบบรื้นรถมาคฤหาสน์หลังใหญ่ทันที
“ขอบคุณทุกๆคน ผมอยากพักผ่อนขอตัวก่อนนะครับ” เอ่ยจบร่างสูงก็เดินขึ้นห้อง โดยไม่สนใจความเป็นห่วงเป็นใยของใคร เพราะวันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ด้านเจ้าสัวหลังจากที่บุตรชายกลับมาถึงบ้าน เรียกหมอประจำตระกูลเข้ามารักษาตัวให้กับบุตรชายทันที เพราะท่านนั้นทราบดีว่าเลโอนิกซ์นั้นไม่ชอบไปโรงพยาบาล
ขณะที่ร่างสูงนอนเอนแผ่นหลังให้นายแพทย์ประจำตระกูลตรวจร่างกายอย่างใกล้ชิดนั้น
“จากที่อาดูจากการเย็บแผลแล้ว น่าจะเป็นคนที่มีทักษะสูงมากนะครับ เพราะดูจากแผลที่ถูกเย็บไม่ใช่คนธรรมดาที่คนทั่วไปจะเย็บได้” คุณหมอเอ่ย
“ครับ”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นอนพักอีกสักหน่อย ก็หาย”
“ขอบคุณ คุณอาหมอครับ” หลังจากที่นายแพทย์อาวุโสออกไปจากห้องพักแล้วนั้น
“ใครเป็นคนช่วยแก แกรู้ตัวคนร้ายใช่ไหม” เสียงเข้มเอ่ยกับบุตรชาย
“ถ้าผมบอกคุณพ่อ คนที่ทำผมคือฝั่งของ เทย่า คุณพ่อจะเชื่อผมไหมละครับ”
“เหลวไหล...หนูเทย่าไม่มีทางทำเช่นนั้นกับแก” เสียงทรงอำนาจเอ่ยกับบุตรชาย
“ผมไม่ได้หมายถึง เทย่า แต่คนที่ลอบกัดผม คือผัวของเธอ”
“เลโอนิกซ์” เจ้าสัวตวาดคนบนเตียงดังลั่น
“ไม่มีทาง หนูเทย่ายังไม่แต่งงาน”
“ในเมื่อคุณพ่อไม่เชื่อ จะถามผมทำไมละครับ ผมง่วงแล้ว อยากพักผ่อน คุณพ่อปิดประตูให้ผมด้วยนะครับ” บุตรชายเอ่ยปากไล่บิดาอย่างอ้อมๆ เพื่อตัดความรำคาญ เอ่ยจบร่างสูงก็ล้มตัวลงนอน เจ้าสัวที่เห็นอาการดื้อรั้นของบุตรชายถึงกับเดินหัวเสียออกจากห้องนอนเลโอนิกซ์
“ตามใจแบบนี้ไง เจ้าเลโอถึงไม่เคยฟังฉัน” มาดามจินเองก็มิวาย โดนหางเลขไปด้วย
“เหอะ...จะโทษจิน ได้ยังไง เลโอดื้อรั้นไม่ฟังใคร ก็เพราะคุณ” เอ่ยจบนายหญิงใหญ่ก็เดินสะบัดตูดออกไป
ด้านเลโอนิกซ์หลังจากที่คอยหลังบิดามารดาร่างสูงข่มตาหลับ แต่กับหลับไม่ลง ใบหน้าสวยหวานและรอยยิ้มอันสดใสที่คอยทำแผลให้กับเขา
“เจ็บไหมคะ ถ้าเจ็บกัดฟันได้นะ ฉันจะทำเบาๆ” เขาได้แต่พยักหน้าให้กับเธอ
“ยังโชคดีนะคะ กระสุนไม่ฝังลึก และฉันฉีดยาห้ามเลือดให้คุณทัน” นั้นคือเสียงเล็กๆ ของเธอที่ลอยเข้ามาในห่วงความคิดของเขา
“ดูจากทักษะการเย็บแผลแล้ว ไม่ใช่คนทั่วไป” นั่นคือคำพูดของอาหมอ
“ยัยเด็กนั้นเป็นมิจฉาชีพ” นั้นคือคำพูดของเจนสัน
“มิจฉาชีพ...หึ! ” เธอหลอกค่าเสียหายขนาดนั้น ใครจะไม่คิด เจนสันนายคิดดีไม่ได้เลย รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาที่มุมปากของมาเฟียหนุ่มยิ้มยากอย่างไม่รู้ตัว เขาคิดถึงยัยเด็กนั้นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เขาเป็นมาเฟียหนุ่มใช้ชีวิตที่แขวนบนเส้นด้าย เขาไม่ควรลากผู้หญิงคนไหนเข้ามาอยู่ในโลกมืดของเขา มือหนาแตะที่ริมฝีปากของตน ภาพที่เธอจูบเข้ากลางสนามบิน และเป่าปากต่อลมหายใจให้กับเขา
“ฉันช่วยชีวิตคุณแล้ว ถือว่าเราหายกัน” คำพูดของเธอยังดังวนเวียนเข้ามาในห่วงความคิดของเขา ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เลโอนิกซ์พยายามอย่างหนักที่สลัดภาพของรันลนาออกจากหัวของตน แต่นั้นก็ไม่เป็นผล เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับยาแก้ปวดที่วางข้างหัวเตียง
“หึ...เห็นทีคืนนี้ฉันคงต้องพึ่งยานอนหลับ ยัยเด็กนั้น เธอเป็นใครกัน กล้ามากที่เข้ามาในความรู้สึกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงไม่บ้า ไปหลงยัยเด็กบ้านป่า อย่างเธอหรอกใช่ไหม มาเฟียหนุ่มได้แต่คิด
สัปดาห์ต่อมา
ด้านรันลนาหลังจากใช้ชีวิตช่วงลาพักร้อน ที่บ้านเกิดกับครอบครัว คุณตาคุณยาย และญาติพี่น้องของเธอหมดวันลาแล้วนั้น และตอนนี้คุณตาคุณยาย เด็กๆ ก็มาส่งฉันที่สนามบิน
“ไว้รันจะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคะ รักที่สุดเลยค่ะ”
“ดูแลตัวเองนะลูก โทรหาตากับยายบ่อยๆ นะลูกนะ” คุณตาคุณยายที่เลี้ยงฉันมากับมือ
“ได้เลยค่ะ” จากนั้นฉันก็หันไปกอดตายายและคุณน้าของฉัน
“บายๆ นะคะพี่รัน เดือนหน้าเจอกันค่ะ”
“ไว้เจอกันนะเด็กแสบ” ฉันเอ่ยกับยับเชอเนมที่อายุห่างกับฉัน 5 ปี เราเติบโตมาด้วยกัน พึ่งจะแยกกันก็ช่วงเรียนนี้แหละ
เมื่อร่ำลาผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูแล้วนั้น ร่างบางก็เดินไปยังเกท ถึงระยะเวลาไม่กี่วันแต่ที่บ้านทำให้ฉันมีความสุขมาก มีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา ทำให้ฉันเจอกับใครบางคน หลังจากที่เขาหายดีกลับไปฉันก็นอนไม่หลับมาหลายคืน
ขณะที่เลโอนิกซ์ไม่รู้สึกตัวนั้น
“โอ้...พี่รัน ดูสิ รูปหน้าจมูกโด่งคมสันนี้เอย ชิกแพคเอย กล้ามท้องเอย หน้าขาวใส ยิ่งกว่าหน้าฉันอีก คนอะไรหล่อเป็นบ้า ขนาดหน้ามีรอยแผล ยังหล่ออะ ไม่ไหว น้องรักเค้า...” นั้นคือเสียงของเชอเนมที่เอ่ย ขณะที่มือเรียวของรันลนาเช็ดตัวให้คนเจ็บ
“ขอจับหน้าได้ไหม หล่อจึ้งมาก ขนาดหลับ นอนนิ่งๆ ยังหล่อกระชากใจขนาดนี้ ตื่นมาจะขนาดไหน อะ” เชอเนมที่ยื่นมือมาหวังจะสัมผัสใบหน้าอันหล่อเหลาของเลโอนิกซ์
!! เพี๊ยะ...!! แต่กับโดนมือพี่สาวนั้นฟาดเข้ามือเบาๆ
“อร๊าก...” คนน้องถึงกับดึงมือกลับ
“อ่า พี่รัน หวงเขายังกะเป็นแฟนตัวเองแหนะ” เชอเนมเอ่ยมาเช่นนั้น คนพี่ถึงกับหน้าแดง นั้นน่ะสิแล้วฉันจะหวงเขาทำไม รันลนางงวยกับการกระทำของตัวเอง
“ชิ...ถ้าพี่รันหวงมาก น้องไม่จับหน้าก็ได้ ขอลูบซิกแพคเบาๆได้ปะ เซ็กซี่ ไม่ไหว”
“ยัยเนม” เสียงรันลนาเอ่ยเสียงดุ อย่างห้ามปราม
“ชิ ไม่จับก็ได้ ตัวอะขี้หวง ตื่นมาค่อยขอเขาจับ คุณหน้าหล่อก็ได้” เอ่ยจบ เชอเนมก็หายออกไป และกลับเข้ามาพร้อมกับปิ่นโตอาหารที่ทำให้คนเจ็บใบหน้าหล่อเหลา
“ฉันไม่ควรคิดถึงคุณ” รันลนาพยายามสลัดใบหน้าหล่อเหลาเลโอนิกซ์ออกจากหัวของเธอ