บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

หญิงสาวร่างเล็ก ในชุดนักศึกษา เดินแกมวิ่งเข้ามาในบ้านหลังใหญ่หรือแทบจะเรียกได้ว่าคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ เพราะบ้านของครอบครัวอดิเรนุกุล มีเนื้อที่เกือบสองไร่ แม้จะอยู่ในตัวเมืองที่มีราคาที่ดินแพงหูฉี่ อินทัชย้ายบ้านมาสร้างใหม่ที่นี่เพราะสะดวกกับการเดินทาง เขายอมจ่ายแพงเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ส่วนบ้านที่ชานเมือง อินทัชยังไม่ได้ขาย เขาเก็บไว้เพราะเป็นอนุสรณ์ความหลังของครอบครัวที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า

“พี่อิน พี่อินคะ” เสียงใสตะโกนเรียกพี่ชายเสียงดังลั่นบ้าน พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งตึงๆ ราวกับเด็กๆ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ทำให้อินทัชที่กำลังคร่ำเคร่งกับเอกสารในมือ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองหาต้นเสียง เขาละงานในมือชั่วคราว เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ขานตอบ แม่น้องสาวคงจะวิ่งตามหาเขาไปทั่วบ้านแน่ๆ

“พี่อยู่ในห้องนั่งเล่น เอย” เสียงตะโกนตอบนั้น ทำให้ร่างเล็กบางเดินแกมวิ่งเข้ามาหาต้นเสียงทันที ใบหน้าใสเนียนนั้นแดงเรื่อ ในมือมีไวโอลินสีขาวตัวโปรด ถือมาด้วย เธอทรุดลงนั่งเบียดกับพี่ชายบนเก้าอี้นวมตัวเดียวกัน จนอินทัชต้องบ่นเสียงดุๆ

“อะไรกันน่ะเอย ดูทำเข้าสิ ตัวเล็กๆ เสียที่ไหนกันเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มว่า อิษยายิ้มกว้างให้กับพี่ชายเธอวางไวโอลินลงบนโต๊ะกระจก ก่อนจะกอดพี่ชายใหญ่ของเธอแน่นเหมือนจะแกล้ง

“ขอเอยกอดพี่อินแน่นๆ หน่อย เอยดีใจน่ะค่ะ”

“ดีใจเรื่องอะไรจ๊ะ แม่น้องสาว” อินทัชยอมนั่งเบียดกับน้องสาว แล้วกอดตอบอย่างเอ็นดู เขาและอิษยาอายุห่างกันถึงสิบปี อินทัชดูแลน้องสาวมาตั้งแต่เขาอายุได้ 21 ปี หลังจากที่มารดาและบิดาเสียชีวิตไปในอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทิ้งมรดกและธุรกิจจำนวนมหาศาลไว้ให้กับอินทัชได้ดูแลจัดการทุกอย่าง ซึ่งเขาก็ทำมันได้ดีเยี่ยม ตอนนี้ตระกูลอดิเรกนุกุล ถือได้ว่าร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศเลยก็ว่าได้

“เอยผ่านเข้ารอบการแข่งขันดนตรีคลาสสิกแล้วนะคะพี่อิน” อิษยายังคงยิ้มไม่หยุด ใบหน้าใสเป็นสีแดงเรื่อด้วยความปลื้มใจ อินทัชหยิกแก้มของน้องสาวเบาๆ แล้วเอ่ยชมเชยเสียงทุ้ม

“เก่งมาก ว่าแต่ว่ารอบตัดสินวันไหน พี่จะได้ไปให้กำลังใจ”

“ไปได้จริงๆ น่ะเหรอคะพี่อิน” คราวนี้อิษยาย่นจมูก แล้วทำหน้างอใส่พี่ชายคนเดียว ที่เปรียบเสมือนทุกอย่างสำหรับเธอ อินทัชเป็นทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายสำหรับเธอ

“ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ” มือหนาเอื้อมขยี้เรือนผมยาวสลวยนั้นอย่างเอ็นดู อิษยามองเขาเหมือนจะค้อน นัยน์ตาโตแป๋วสีน้ำตาลเข้มคล้ายเขา มองจ้องใบหน้าคมสันของชายหนุ่มเขม็ง

“รอบก่อนพี่อินสัญญาว่าจะไปส่งเอย ถึงหน้าตึกที่รับสมัคร พี่อินก็ไม่ไป ให้นายพันไปส่งแทน แล้วครั้งนี้จะไปได้หรือคะ หรือจะให้นายพันไปดูเอยแทนอีก หรือว่าจะส่งคุณเจนไปดูแทนเผื่อจะได้ทำรายงานส่งพี่อินด้วย” ฟังน้ำเสียงแจ้วๆ ที่แฝงแววน้อยใจแล้ว อินทัชก็อมยิ้ม

“ได้ไปสิ แต่ว่าวันไหนล่ะ รับรองว่างานนี้พี่จะไม่ผิดสัญญากับเอยอีกแล้ว” อิษยาลุกขึ้นยืน ก่อนจะคว้าไวโอลินมาถือไว้ แล้วย่นจมูกให้กับพี่ชาย นัยน์ตากลมใสมีแววสดใสขึ้นทันที เมื่อได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้น เธอยื่นนิ้วก้อยให้กับพี่ชาย แล้วเอ่ยเสียงหวาน

“เกี่ยวก้อยสัญญากับเอยก่อนว่าพี่อินจะไม่ผิดสัญญา”

“สัญญาจ้ะ” เขาเองก็ทำสัญญากับเธอด้วยการยื่นนิ้วไปเกี่ยวกับสาวน้อยเช่นกัน อินทัชมองดูใบหน้าสวยหวาน น่ารักของน้องสาวอย่างเอ็นดู ครอบครัวที่ตอนนี้เหลือเพียงเขาและอิษยา ทำให้อินทัชรักและหวงน้องสาวคนเดียวของเขามาก เขาเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับอิษยาเช่นกัน อิษยาเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อของเมืองไทย ทำในสิ่งที่ตนเองรักโดยมีเขาผู้เป็นพี่ชายสนับสนุนเป็นอย่างดี เธอรักดนตรี และอินทัชก็ไม่เคยคิดห้าม ตรงกันข้ามกับสนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อทำให้น้องสาวไปถึงจุดมุ่งหมายของตนเองได้อย่างมีความสุข

“เอยมีประกวดรอบตัดสินอีกเดือนหน้า วันที่สิบห้าน่ะค่ะพี่อิน พี่อินต้องเคลียร์งานเพื่อมาเชียร์เอยจริงๆ นะ” เธอยังคงย้ำ เหมือนกับจะกลัวว่าอินทัชอาจจะเปลี่ยนใจ หรือผิดคำสัญญา อินทัชพยักหน้า

“รับรองเลยจ้ะ ว่าพี่จะไปเชียร์เอยแน่ๆ จริงสิ พี่อาจจะพาแขกอีกคนไปเชียร์เอยด้วยก็ได้นะ เอยจำนายตุลย์ได้ไหม?”

“พี่ตุลย์เหรอคะ” อิษยาทำตาโต ภาพชายหนุ่มลูกครึ่ง สูงประมาณร้อยแปดสิบ อายุไล่เลี่ยกับพี่ชายเธอ ใบหน้าคมสันที่มักจะมีรอยยิ้มให้กับเธออยู่ตลอดเวลา เธอเคยพบกับตุลย์เมื่อตอนที่เขามาเที่ยวเมืองไทยเมื่อห้าปีก่อน และเขาก็ทำให้เธอประทับใจนัก จนเกิดกลายเป็นฝังแน่นอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆ ของอิษยา สาวน้อยอายุสิบห้าปี หัวใจเพิ่งเคยจะเต้นแรงเพราะคำว่ารัก เป็นครั้งแรก

“อืม...นายตุลย์จะมาเมืองไทย มาเจรจาธุรกิจกับพี่ เห็นว่าอยากจะอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว เลยอยากทำธุรกิจที่นี่ เลยขอเทคโอเวอร์ต่อโรงแรมของเราที่ภูเก็ต พี่เห็นว่าตอนนี้กิจการของเราก็จะล้นมือและความรับผิดชอบของพี่อยู่แล้ว เลยคิดว่าอาจจะให้นายตุลย์ไปดูแลต่อ”

“พี่ตุลย์จะมาอยู่เมืองไทยแล้วหรือคะ” คำพูดของพี่ชายทำให้หัวใจของอิษยาพองโตยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มในฝันของเธอจะมาอยู่ที่เมืองไทย นัยน์ตาโตใสเปล่งประกายระยับด้วยความสุขที่แผ่ซ่านออกมาจากหัวใจ

“ใช่” อินทัชพยักหน้า ริมฝีปากได้รูปยิ้มแบบเหยียดหยัน เมื่อพูดประโยคต่อไป “เดี๋ยวเอยคงจะได้เจอหน้านายตุลย์พร้อมคู่หมั้นน่ะแหละ อีกไม่กี่วันนายตุลย์ก็จะมาที่เมืองไทยแล้ว พี่จะพาไปเที่ยวที่เกาะปะการัง เอยจะไปด้วยไหม?”

คู่หมั้น...พี่ตุลย์มีคู่หมั้น นี่เราฟังไม่ผิดใช่ไหม?

หญิงสาวเอ่ยถามตัวเองในใจซ้ำไปซ้ำมา แทบจะไม่ได้ยินประโยคที่พี่ชายพูดต่อ สมองของเธอมันอื้ออึง มึนเบลอไปหมด ตั้งแต่ที่ได้ยินว่าตุลธรมีคู่หมั้นแล้ว หัวใจที่พองโตห่อเหี่ยวแฟบลงทันที น้ำตาแทบจะไหลปรี่ออกมา แต่ต้องสะกดกลั้นมันไว้

“เอย ตกลงจะไปเกาะปะการังกับพี่ด้วยไหม?” อินทัชถามซ้ำ เมื่อเห็นน้องสาวจู่ๆ ก็นิ่งเงียบไป แล้วก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อเห็นว่าอิษยามีสีหน้าเหมือนกับคนกำลังจะร้องไห้ เสียงทุ้มจึงถามอย่างตกใจกับท่าทีของน้องสาว

“เอย ได้ยินที่พี่พูดไหม แล้วนั่นร้องไห้ทำไม” อิษยาถึงกับกระพริบตาปริบๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตา แต่มันกลับกลายเป็นว่าน้ำตาเธอดันไหลออกมาประท้วงหัวใจที่อ่อนแอลงกะทันหันเสียนี่ หญิงสาวพยายามยิ้มแหยให้กับพี่ชาย แล้วตอบเสียงสั่นๆ

“ผงเข้าตาเอยน่ะค่ะพี่อิน”

“ผงเข้าตา?” ชายหนุ่มทวนคำของน้องสาว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่อยากเชื่อ เขาประคองใบหน้าใสแล้วเพ่งมองเข้าไปในนัยน์ตาของน้องสาว ยิ่งเขาทำแบบนั้น อิษยาก็ยิ่งน้ำตาไหลเอ่อ จนต้องปัดมือของพี่ชายออก

“ออกแล้วล่ะค่ะพี่อิน ไม่มีอะไรแล้ว เอยจะมาร้องไห้ทำไมล่ะคะ ไม่ได้มีเรื่องเศร้าอะไรสักหน่อย” คำพูดของอิษยาทำให้อินทัชเชื่อว่าผงเข้าตาของเธอจนระคายเคืองแล้วน้ำตาไหลออกมาจริงๆ หาใช่เพราะเหตุอื่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel