บท
ตั้งค่า

แครอทโง่ๆ

ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า

“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”

อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร

“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”

เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ

“น่าอร่อย”

ศรีไพรพูดยิ้มๆ

“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”

ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที

“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไป

คิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมด

ส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด

“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”

ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย

“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเขาเล่ากันว่า”อี้เอ่อร์เอามือป้องปาก

“ฝ่าบาทโปรดปรานนางกว่าใคร แต่ก็แปลกโปรดปรานแต่ไม่ยักกะมีลูกแล้วก็ไม่เคยเรียกหาเกือบจะครึ่งปีตั้งแต่กลับมาจากด่านชายแดน ข้าว่าป่านนี้คงเหี่ยวแห้งไปแล้ว”

หัวเราะคิกคักศรีไพรได้แต่ยิ้มๆเรื่องนินทามีอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะที่ไหน

ผู้ชายก็แบบนี้ตัวเองถึงจะแก่จะงอมแค่ไหนก็ยังมีโอกาสหาสาวๆ สวยๆ ได้เรื่อยๆ ยิ่งมีอำนาจก็แค่กระดิกนิ้ว ต่างกับผู้หญิงที่ต้องคอยรักษารูปร่างคอยดูแลตัวเองเผื่อว่าผัวจะกลับมารักเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ผัวก็เอาแต่เดินหน้าหาของใหม่ได้ตลอดเวลา”

ศรีไพรถอนหายใจพวกนางต้องทนทุกข์แค่ไหนในสถานการณ์แบบนี้ หากเป็นศรีไพรคงขอลาออกไปแล้ว ใช้สามีร่วมกับคนมากมายแล้วคอยระวังเรื่องตำแหน่งของตัวเองจะรักษาไว้ไม่ได้อีก กินข้าวกินข้าวสบัดหัวไล่ความคิดวุ่นวายพวกนั้นทิ้งไป

"อร่อยเชียวไก่ตุ๋นจนเปื่อยกับพริกเผ็ดนี่เข้ากันดีพิลึก"อี้เอ่อร์ยิ้ม

“กินเยอะๆพี่เข่อชิง วันนี้พวกชาวสวนขนเอาแตงโมลูกใหญ่มาส่งที่ห้องเครื่องเสียมากมาย ฝ่าบาททรงโปรดปรานแตงโมมาก ป้าตื้อเลยซื้อไว้ทั้งหมด เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วข้าจะแอบหยิบลูกไม่ใหญ่นักกลับไปกินที่ห้องพักของเราแล้วก็จะหยิบแครอทไปให้ท่านช่วยสอนเรื่องการแกะสลักกับข้าด้วย”

“ดีเลย ข้าก็อยากกินผลไม้เหมือนกันปกติ ต้องกินหลังอาหารแต่ช้าหน่อยไม่เป็นไรกลับไปกินที่ห้องวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

ป้าตื้อเดินหอบแตงโมลูกใหญ่มาในแขนสองข้าง

“อี้เอ่อร์มารับเอา”

อี้เอ่อร์อมยิ้มกระซิบกับศรีไพรเบาๆ

“ความจริงป้าตื้อเขาก็เอ็นดูพี่เหมือนกันนะ แต่เพิ่งจะมาแสดงออก”

ป้าตื้อมาถึงก็พูดขึ้นทันที

“พรุ่งนี้เจ้าคิดไว้หรือยังว่าจะทำชนิดใดถวายฝ่าบาท เมื่อเย็นฝ่าบาททรงเสวยได้มาก แล้วยังสั่งให่จัดเครื่อเสวยที่เหมือนกันกับของฝ่าบาทไปยังสองตำหนักเจ้าก็เหนื่อยหน่อย แต่คาดว่าคงอีกหน่อยก็คงจะให้คนอื่นช่วยแบ่งเบาเจ้า ลำพังแค่เครื่องเสวยของฝ่าบาท ที่ทรงตรัสหลายครั้งว่าไม่ต้องมากมายหรือหลากหลายแต่ขอให้เป็นเพียงเครื่องเสวยที่รสดี และกินอิ่มก็พอ บางตำหนักสั่งนู่นสั่งนี่จนวุ่นวายแล้วก็ยกกลับมาเหมือนไม่เคยแตะต้อง แต่ฝ่าบาทไม่แบบนั้น เจ้าต่อไปต้องรับผิดชอบเครื่องเสวยของฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียวหากเป็นตำหนักอื่นที่อยากเสวยเหมือนกันกับเครื่องเสวยฝ่าบาทก็ต้องรบกวนเจ้าช่วย สั่งสอนคนในห้องเครื่องของเรา”

ป้าตื้อพูดเสียยาว

“ท่านป้าแบบนี้พี่เข่อชิงก็ควรจะได้เบี้ยหวัดเพิ่มจริงไหม เพราะไม่มีใครที่ทำเครื่องเสวยถูกพระทัยฝ่าบาทและไม่มีใครทำแทนได้ ท่านป้าท่านจะทำอย่างไรหากคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเบี้ยหวัดจ่ายเบี้ยหวัดให้เฟยฟางมากขึ้นเพราะคิดว่าเป็นคนปรุงเครื่องเสวยของฝ่าบาท แล้วพี่เข่อชิงของข้าเล่า”

ป้าตื้อขมวดคิ้ว

“จริงด้วยข้าลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป หากข้าเสนอใต้เท้าไป๋เรื่องนี้ ก็จะเป็นที่สงสัยยิ่งใกล้วันจะปรับเบี้ยหวัดประจำปีแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี”

ศรีไพรยิ้ม

“จะเอาไปทำอะไรก่อนแค่มีที่อยู่ที่กินได้รับการชื่นชมจากคนในห้องเครื่อง วันไหนทำเครื่องเสวยถูกใจฝ่าบาทหากเฟยฟางได้ของกำนัลมาก็ต้องให้เจ้าเลือกหยิบก่อนอยู่แล้วหากเป็นเงินทองก็ให้เจ้าสองส่วนเฟยฟางหนึ่งส่วนก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก

“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”

ป้าตื้อตวาดแว๊ด

“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”

“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”

อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ

“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”

ป้าตื้อถอนหายใจยาว

“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”

ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ

“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้าไม่ใช่ท่านยังแทบจะทนฟังสิ่งที่ลุงซุนพูดไม่ได้เลย”

อี้เอ่อร์พูดรัวเร็วด้วยโทสะ

“ข้าไม่ใส่ใจ เอาน่าอี้เอ่อร์หงส์ก็ยังเป็นหงส์ถูกตัดปีกก็ยังเป็นหงส์จะเป็นเป็ดเป็นไก่ไปไม่ได้แน่ ข้าเชื่อเรื่องความลับไม่มีในโลก ข้าไม่ขออะไรขอแค่ข้ายังมีตัวตน”

ศรีไพรถอนหายใจ ขอแค่มีตัวตนเหมือนที่แกะสลักกระต่ายน้อยไว้ในผักเคียงนั่นประไร แค่อยากจะบอกโลกว่าศรีไพรก็มีตัวตนไม่ได้หวังอะไรแค่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีก็เท่านั้น

“ข้าไปก่อนนะ อยากอาบน้ำตัวเหนียวมากเจ้ากินเสร็จรีบกลับไปนะข้ากลัวผี555” อี้เอ่อร์ยิ้ม

“ข้าจะตามไปพี่อาบน้ำแล้วพักเสีย พอข้าไปถึงก็รบกวนพี่อีก”

ศรีไพรโบกมือเดินหายไปด้านหลัง ตรงไปยังเรือนพักที่เมื่อเย็นนำเอาอาภรณ์ที่ป้าตื้อซื้อใหม่ไปเก็บไว้

อี้เอ่อร์ถอนหายใจยาว

“พี่เข่อชิงนะพี่เข่อชิงใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ฝ่าบาท ที่หล่อเหลาที่สุดในเจ็ดคาบสมุทรแล้วยังไม่แต่งตั้งฮองเฮา จับผลัดจับพรูได้เป็นฮองเฮาแต่พี่ดันเปิดโอกาสให้นางจิ้งจอกนั่น นี่นางยังไม่ได้เป็นสนมนะหากนางได้ดีเพราะการปุรงเครื่องเสวยของพี่เกรงว่าคงเหยียบหัวพี่เสียจมดิน”

บ่นไปกินไป

ค่ำคืนมืดมิด เป่ยกงกงเดินนำหรวนหนิงหลงยังห้องเครื่องเพื่อมอบของกำนัลให้กับเฟยฟาง

“ฝ่าบาททางนี้พ่ะย่ะค่ะ ห้องเครื่องเดินตัดผ่านทางนี้”

เป่ยกงกงผายมือเชิญหนิงหลงให้เดินไปทางด้านหน้า

“ไม่สิ ข้าอยากลองเดินอ้อมไปทางนั้น ทางนั้นเป็นที่พำนักของเหล่านางในห้องเครื่องมิใช่หรือข้ามาเป็นการส่วนตัวก็ไม่ควรให้เอิกเกริก”

ชี้มือไปทางด้านหลัง

เป่ยกงกงพยักหน้าช้าๆ เดินตามหนิงหลงที่เอามือไพล่หลัง

ตรงหัวมุมนั่น ไม่มีใครทันได้มองใครเพราะความมืดไม่คิดว่าใครจะมาเดินอยู่ตรงนี้ อี้เอ่อร์ที่หอบเอาแตงโมและแครอทไว้ในตะกร้าทั้งสองแขนชนเข้ากับหนิงหลงอย่างจัง

แครอทกับแตงโมกลิ้งตกไปคนละทางสองทาง

“ใต้เท้าโปรดอภัย อุ๊ปฝ่าบาทโปรดละเว้นโทษตายอี้เอ่อร์ไม่ทันได้มองโปรดไว้ชีวิตด้วย”

หนิงหลงขมวดคิ้วก้มมองแครอทที่กระจายไปทั่วพื้น อี่้เ่อร์ก้มหน้าความรุ้สึกตื่นกลัวปรากฎไปทั่วใบหน้าซีดขาว

เป่ยกงกงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

“รีบเก็บแล้วไปเสีย”

อี้เอ่อร์รีบก้มหน้าก้มตาก้มลงเก็บของที่ร่วงลงพื้นใจเต้นตึกตักด้วยความกลัวว่าหนิงหลงจะลงทัณฑ์

“ฝ่าบาทเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เป่ยกงกงผายมือให้หลบไปอีกทาง

“เดี๋ยว เจ้าเอาของพวกนี้ไปไหนนี่คือวัตถุดิบในห้องเครื่องแล้วเจ้ากำลังจะนำมันไปที่ใดกัน”

อี้เอ่อร์ยิ้มเจื่อนๆ กลัวความผิดยิ่งนัก

“เอ่อ เอ่อแครอทพวกนี้ข้าน้อยกำลังจะนำไปให้ พี่เข่อชิงสอนแกะสลักเป็นรูปร่างต่างๆ”หรวนหนิงหลงสะดุดหูกับคำว่าแกะสลัก

“แล้วทำไมต้องเป็นตอนนี้”

อี้เอ่อร์พยายามเรียบเรียงคำพูด

“เพราะนี่คือเคล็ดวิชาลับที่ห้องเครื่องยังไม่มีใครสามารถทำได้พี่เข่อชิงตั้งใจรับข้าเป็นศิษย์คนแรก”

หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงแต่ทำสีหน้าเรียบเฉย

“นางเป็นอาจารย์เจ้าหรือ แล้วเจ้าเห็นหรือไรว่านางแกะสลักแครอทเหล่านี้เป็นรูปร่างต่างๆ”

พูดเหมือนไม่เชื่อนั่นทำให้อี้เอ่อร์มีแรงฮึดอยากจะอวยเข่อชิงที่ตัวเองปลาบปลื้มอยู่แล้ว

“หม่อมฉันเห็นมากับตา พูดแล้วจะหาว่าคุยพี่เข่อชิงนางแกะดอกไม้จากแครอทนี่งดงามราวกับของจริง นางยังรับหม่อมฉันให้เป็นศิษย์คนแรกของนางอีกด้วยพี่เข่อชิงนางเก่งจริงๆ”

หนิงหลงหลุบตามองพื้น

“เจ้าไปได้แล้ว อ่อแล้วอย่านำเรื่องโกหกนี้ไปเล่าให้ใครฟัง คนแบบไหนจึงใจเย็นพอและมีเวลามานั่งแกะแครอทโง่ๆ นี่”

อี้เอ่อร์หน้าเง้ารีบย่อตัวจากไป

ลับหลังหนิงหลงก็บ่นกระปอดกระแปด

“หาว่าเราโกหกได้ คนแบบนี้ต้องได้เห็นกับตา บังอาจมาว่าพี่เข่อชิง ว่าแกะแครอทโง่ๆเชอะ ดีแล้วที่พี่เข่อชิงไม่อยากเจอฝ่าบาท ที่เอาแต่ใจดูถูกคนแบบนี้”

เป่ยกงกง เดินตามหนิงหลงไปติดๆสงสัยจนอดถามเสียไม่ได้

“ฝ่าบาทไม่เชื่อเรื่องที่นางในห้องเครื่องพูดจริงๆ หรือ แต่จะว่าไปห้องเครื่องหรือที่ไหนๆก็ไม่มีใครคิดจะแกะสลักแครอท”

หนิงหลงอมยิ้ม

หันกลับมา ยื่นกระต่ายน้อยที่แกะจากหัวแครอทให้กับเป่ยกงกง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel