บท
ตั้งค่า

เคล็ดวิชา

“ท่านป้า เฟยฟางไม่กล้ากับท่านป้าแล้วยิ่งไม่กล้ากับพี่เข่อชิงท่านป้าอย่าได้มองข้าแบบนั้น ข้าเข้ามาในวังหลวงเพราะต้องส่งเสียเลี้ยงดูทางบ้าน หนีความจน น้องๆ อดข้าวอดมื้ออิ่มมื้อ ท่านป้าท่านเกลียดข้าแล้วต่อไปข้าจะอยู่อย่างไร”

ก็จริงของนางในห้องเครื่องนี้ป้าตื้อกับลุงซุนเป็นเพียงสองคนที่กุมอำนาจไว้ เฟยฟางนางพูดไม่ผิด

“ไม่กล้าก็ดีแล้ว ต่อไปเอาใจเข่อชิงนางหน่อย”

“เฟยฟางไม่กล้าสู้หน้าพี่เข่อชิงเพราะกลัวว่าพี่เข่อชิงจะเกลียดข้าอีกคน แต่ตอนนั้นมันจำเป็นจริงๆ ข้าเองเดาพระทัยฝ่าบาทไม่ถูกเช่นกัน หากรู้ว่าฝ่าบาทไม่ทรงกริ้วก็คงไม่กล้าแอบอ้างความชอบแทนพี่เข่อชิง”

ป้าตื้อพยักหน้าขึ้นลงจริงของเฟยฟางหากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทมอบของกำนัลแต่คือการมอบโทษประหารเข่อชิงก็ยังอยู่ตรงนี้แต่เป็นเฟยฟางที่รับโทษแทน นับว่านางกล้าหาญไม่น้อยไม่กลัวตายยอมออกรับแทนเข่อชิงอย่างไม่ลังเล

“ไปได้แล้วแล้วต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก”

เฟยฟางก้มหน้าจากไป

อีกฝั่งหนึ่งศรีไพรกำลังปรุงน้ำพริก เฟยฟางยืนดูอยู่ไม่ไกลนัก

“นางมาแล้ว”

อี้เอ่อร์กระซิบบอกกับศรีไพร

“อ่อ มาสิเฟยฟางเจ้ามานี่สิข้ากำลังปรุงพอดี”

เฟยฟางยิ้มเศร้าๆ ก้มหน้าเดินเข้าไปหาศรีไพรที่ยืนจับตะหลิวท่าทีเคร่งเครียด

ศรีไพร หนังหมูติดมันลงไปเจียวจนเหลืองกรอบตักขึ้นพักไว้ นำกระเทียมหอมแดง รากผักชีโขลกลงไปผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่หมูสับที่อี้เอ่อร์สับไว้แล้วใส่พริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มสีแดงฉูดฉาดโขลกจนละเอียดลงไปผัดรวมกับหมูและหอมกับกระเทียมจนหอมใส่เกลือน้ำตาลก้อน ตักน้ำชุปไก่เข้มข้นขึ้นมาชิมที่นี่ไม่มีผงนัวหรือผงปรุงรสสิ่งเดียวที่มีคือน้ำซุปไก่เข้มข้น ที่หวานน้ำชุปกระดูกไก่ใช้ได้ทีเดียวตักใส่ลงไปในกระทะเดือดปุดๆ ใส่มะเขือเทศสีแดงสดลงไปเป็นอันดับสุดท้ายถึงคราวนี้เบาไฟเป็นไฟอ่อนเคี่ยวน้ำพริกให้สุกเพื่อมะเขือเทศกับพริกแดงจะสุกปนกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นมะเขือเทศหรือพริกทำให้สีของน้ำพริกแดงจัดจ้านแต่ไม่เผ็ดอย่างที่เห็น

“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”

อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม

“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”

“ข้าอยากจะลองชิม”

อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้

เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน

“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”

“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆ

ศรีไพรทำตาโต

“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”

ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว

“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ

“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ

“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”

“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิงหลงพูดขึ้นลอยๆ

เป่ยกงกงยิ้ม

“ไม่ว่าจะเรื่องกระเพาะสุกรหรือเรื่องสงครามล้วนสำคัญเพราะถ้าไม่มีเรื่องราวเหล่านี้ก็จะไม่มีบันทึกที่สมบูรณ์ และเพราะบารมีของฝ่าบาททำให้เราขยายดินแดนไปกว้างไกล ราษฎรล้วนมีสุขค้าขายง่ายขึ้นต่อไปจะต้องมีเรื่องราวดีดีให้จดบันทึกมากมาย”

“ข้าหิวแล้ว พอนางยกเครื่องเสวยมานี่ให้นางจัดเพิ่มอีกสองชุดส่งไปยังตำหนักพระพันปีและจันทราของหยินกุ้ยเฟยด้วย”

เป่ยกงกงประสานมือ

“ฝ่าบาทตั้งแต่กลับมาจากชายแดนยังไม่เคยเรียกหยินกุ้ยเฟยเข้าเฝ้า วันนี้เอ่ยถึงกุ้ยเฟยมิสู้ให้ข้าน้อยเชิญกุ้ยเฟยร่วมเสวย”

หรวนหนิงหลงส่ายหน้า

“คืนนี้บางทีข้าจะแวะไปที่ตำหนักจันทรา”

เป่ยกงกงยิ้มด้วยความปีติ พอเสวยได้ ก็จะมีแรงทำเรื่องอื่นหลังจากที่วันๆ หรวนหนิงหลงเอาแต่นอนในแท่นบรรทม และคอยกวาดเครื่องเสวยหน้าตาเดิมๆ ทิ้งอารมณ์ฉุนเฉียวและไม่พูดไม่จา

ห้องเครื่อง

ศรีไพรตักน้ำพริกอ่องใส่ในถ้วยกระเบื้องเคลือบใบเล็กวางไว้กลางถาด นำกากหมูที่ทอดจนเหลืองกรอบโรยหน้าในถ้วยน้ำพริกปิดฝาครอบไว้ จัดผักเคียงไว้รอบๆ ทั้งแครอทสดหั่นเป็นชิ้นตามยาว แครอทนึ่ง ฟักทองนึ่ง กะหล่ำปลีนึ่ง แตงกวาไม่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นตามยาวเช่นกัน ไข่ต้มจนสุกถูกแกะแล้วนำมาไว้ในถ้วยสองลูก

"พี่เข่อชิงท่านส่งไข่ต้มไปในเครื่องเสวยด้วยไม่กลัวว่าจะธรรมดาไปหรือไร"อี้เอ่อร์ถามเบาๆ

"ไม่หรอกน่าไข่นี่ลองได้กินกับน้ำพริกอ่องจะเปลี่ยนความคิดไปในทันทีมันคือของคู่กัน"

ครบสูตรกันเลยทีเดียวเชียวน้ำพริกอ๋อง หันไปจัดผักให้เป็นระเบียบดูดี

“ข้าช่วย”

เฟยฟางรีบมาช่วยจัดผัก แต่ศรีไพรกับคว้ามือเฟยฟางไว้

“ไม่ต้องเจ้าเตรียมยกเครื่องเสวยก็เหนื่อยแล้ว ข้ารับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวข้าแบ่งเบาเจ้าไม่ได้เจ้าก็ไม่ต้องมาก้าวก่ายเรื่องที่ข้ากำลังรับผิดชอบ”

เฟยฟางหน้าซีด อี้เอ่อร์ยิ้ม

“พี่เข่อชิงท่านเก่งจังทำไมถึงดูทะมัดทะแมงเพียงนี้ก่อนหน้านั้นข้าเห็นท่านเอาแต่นอน”

อี้เอ่อร์ถามขึ้นเบาๆ ศรีไพรยิ้มหันไปทางเฟยฟางที่รออยู่แล้วด้วยอาภรณ์ที่ลุงซุนเพิ่งจะถอยมาสดๆ ร้อนๆ จากการไปเดินตลาด นางก็ดูดีระดับหนึ่งทีเดียวด้วยผลบุญของนางที่มีใบหน้างดงามอยู่ก่อนแล้ว

“เสร็จแล้วเจ้ายกไปเถอะเฟยฟาง หากมีใครถามเรื่องการปรุงเจ้าก็คงได้เห็นหมดแล้ว ข้าคงไม่ต้องอธิบายซ้ำ”

เฟยฟางยิ้มอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ”

รับคำง่ายดายอี้เอ่อร์ถอนหายใจ ไม่ชอบขี้หน้าเฟยฟางที่วันๆ เอาแต่ยืนสวยไปก็เท่านั้น

“อี้เอ่อร์มานี่เจ้าต้องมาตรงนี้”

“ทำอะไรกันพี่เข่อชิงเราเสร็จงานแล้วนี่”

“ใครบอกเจ้าข้าจะสอนเจ้าทำสิ่งนี้”

อี้เอ่อร์ขมวดคิ้วเมื่อ ศรีไพรยื่นแครอทสีส้มที่แกะสลักเป็นดอกไม้สวยงามอ่อนช้อยราวกับมีชีวิต

“พี่เข่อชิงท่านไปทำเรื่องแบบนี้ตอนไหนแล้วท่านทำมันได้อย่างไรกัน แล้วๆๆๆ บลาๆๆๆๆ”

ศรีไพรอมยิ้มก็แค่เคยเรียนแกะสลักผลไม้มา ดอกไม้นี่ใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจ

“แล้วทำไมต้องสอนข้า”

ศรีไพรกอดคออี้เอ่อร์ไว้

“มันคือเคล็ดวิชาอย่างไรเล่า ข้าไม่มีทางสอนคนอื่นเจ้าจะเป็นศิษย์รุ่นแรกของข้า ที่เป็นปรมาจารย์ด้านการแกะสลัก”

อี้เอ่อร์ทำตาโตรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่นั้น

“พี่เข่อชิงท่านสอนแค่ข้าคนเดียวจริงๆ ใช่ไหม”

ศรีไพรพยักหน้า

“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”

ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย

“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”

อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย

“ขอบคุณท่านป้า”

“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”

“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”

ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย

“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”

ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา

“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจะตัดชุดเผื่อพี่อีกชุด”ศรีไพรยิ้ม

“อยากได้ผ้ากันเปื้อนมากกว่า”อี้เอ่อร์ยิ้ม

“แล้วแต่พี่เลย บอกข้ามาอยากได้แบบไหนปกติแล้วพวกเราก็แค่ใช้ผ้าพันๆ กันไว้ก็เท่านั้น”ศรีไพรพยักหน้า

“มาเถอะเรามาลองอาภรณ์ใหม่ของพี่เข่อชิงกันส่วนเรื่องเคล็ดวิชานั่นค่ำนี้ข้าจะขนเอาแครอทกลับไปที่ห้องพักให้พี่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับข้า”

ห้องเสวยของหรวนหนิงหลง

เป่ยกงกงทดสอบพิษเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาท เสวยไได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงหลงแสดงออกทางสีหน้าว่าตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้รู้ว่าของที่กำลังเสวยคืออะไร

เฟยฟางเปิดฝาครอบออกอย่างเบามือหรวนหนิงหลงทำสีหน้าเรียบเฉย

กลิ่นน้ำพริกยั่วน้ำลายไม่น้อยแต่จำต้องสงวนท่าทีไว้

“ตักข้าวเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”เป่ยกงกงถามเบาๆ

“เครื่องเสวยชนิดนี้มีชื่อว่าอย่างไร”

มองไข่ต้มสองใบในถ้วยอดสงสัยไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินของธรรมดาอย่างไข่ต้มมันเมื่อไหร่เกือบจะนึกรสชาติของมันไม่ออกด้วยซ้ำไป นางช่างเข้าใจเลือกสิ่งของธรรมดามาให้เขารู้สึกว่ามันพิเศษ ตอนนี้อยากจะหยิบไข่ต้มขึ้นมาชิมอย่างที่เคยทำตอนเป็นเด็ก ยามที่ไปวิ่งวุ่นในห้องเครื่อง

เฟยฟางย่อกายลงช้าๆ

“เครื่องเสวยชนิดนี้มีชื่อว่าน้ำพริกอ่องต้องเสวยร่วมกับผักเคียงหลายชนิดผักแต่ละชนิดล้วนให้ความรู้สึกและสัมผัสต่างกันฝ่าบาทจะต้องลองเสวยแต่ละอย่างดูว่าชอบผักชนิดไหน ส่วนไข่ต้มก็ไว้สำหรับแก้รสเผ็ดร้อนเสวยคู่กับน้ำพริกเหมือนกัน”

“อืมมม สีสันฉูดฉาดยิ่งนักจะเผ็ดหรือไม่”

โบกมือให้เป่ยกงกงส่งถ้วยข้าวมาตรงหน้า

เฟยฟางย่อกายลงข้างๆ ใช้ช้อนเงินตักน้ำพริกวางบนถ้วยข้าวของหนิงหลง

“ลองเสวยดูเพคะ”

หรวนหนิงหลงตักข้าวกับน้ำพริกเข้าปาก หยิบแตงกวาใส่ปาก เคี้ยวช้าๆ

“ไม่เผ็ดนี่ กากหมูที่ทอดนี่ก็ช่วยชูรสไม่จำเจ พริกชนิดนี้รสออกละมุนละไมเสียมากกว่าแต่เข้ากันได้ดีกับแตงกวานี่ เจ้าใช้พริกจากที่ไหนกันจึงไม่เผ็ดร้อนทั้งที่สีแดงฉูดฉาด”

ว่าแล้วก็ตักน้ำพริกมาอีกช้อนวางบนข้าวสีขาวใส เริ่มสนุกกับการเลือกว่าจะกินคู่กับผักชนิดไหน

“นั่นคือมะเขือเทศผสมกับพริกเพคะ”

หรวนนิงหลงพยักหน้าขึ้นลง นึกทึ่งกับความคิดที่นำมะเขือเทศมาเพื่อเพิ่มสีสันอีกทั้งยังทำให้มีรสเปรี้ยวเจืออยู่ในน้ำพริก

เป่ยกงกงยิ้ม มองสบตากับเฟยฟางเหมือนจะบอกว่ายินดีด้วยฝ่าบาทชื่นชอบเครื่องเสวยชนิดนี้ ผายมือเชิญเฟยฟางออกไปด้านนอก

“ต้องรบกวนเจ้าแล้วแม่นางเฟยฟางป่านนี้ยังไม่ได้พัก ฝ่าบาทให้จัดเครื่องเสวยอีกสองชุดเหมือนกันนี้ เพื่อส่งไปที่ตำหนักพระพันปีกับตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย”

เฟยฟางยิ้มบางๆ

“กงกงไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะจัดเครื่องเสวยตามบัญชาฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ ของหวานคนกำลังยกมา บางทีฝ่าบาทอาจอยากเสวยของหวาน”

เป่ยกงกงพยักหน้า เฟยฟางย่อกายจากไป

“อ่อ ถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปบางทีหลังจากนี้เแม่นางเฟยฟางอาจกลับมาที่นี่เพราะฝ่าบาทจะอยากประทานของกำนัล”

เฟยฟางยิ้มย่อกายแทนคำตอบ

หรวนนิงหลงตักน้ำพริกกับเลือกผักเคียงจนข้าวหมดไปหนึ่งถ้วย ฟักทองนึ่งนุ่มลิ้นทั้งหวานทั้งมัน ทำให้กินได้มากหน่อย แครอทนึ่งก็หวานอร่อยเข้ากันได้ดีกับน้ำพริกกะหล่ำปลีถึงจะมีรสจืดแต่ก็ฉ่ำน้ำไม่ต่างกับแตงกวาที่กินได้ไม่เบื่อแครอทสดก็หวานกรอบไข่ต้มก็ช่วยลดความเผ็ดร้อนได้มากแต่ถึงจะเผ็ดแต่ก็อร่อย ทุกอย่างล้วนลงตัวมื้อนี้จึงเจริญอาหารอีกตามเคย

“กงกงนำข้าวมาเพิ่ม”

เป่ยกงกงยิ้มพออกพอใจยิ่งนักตามประสาคนที่ภักดีไม่มีเปลี่ยนเมื่อฮ่องเต้เสวยได้นอนหลับจึงต้องยินดี ยกถ้วยข้าวมาวางแล้วถอยห่างออกไป

หรวนหนิงหลงหยิบแครอทสดขึ้นมา พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยที่ถูกแกะสลักขึ้นมาจากแครอทสีส้ม หรวนหนิงหลงเผลออมยิ้ม กำกระต่ายน้อยไว้ในมือ

“เป่ยกงกงนางในห้องเครื่องเฟยฟางนางกลับไปแล้วหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะนางจะต้องไปเตรียมเครื่องเสวยอีกสองชุดสำหรับสองตำหนักที่ฝ่าบาทมีบัญชาไว้”

หรวนหนิงหลงยิ้ม เป่ยกงกงมองหนิงหลงรู้ว่ากำลังคิดอะไร

“ฝ่าบาทจะให้ตามนางมาที่นี่ดีไหม”

“ไม่ต้องค่ำๆ ข้าจะแวะไปที่ห้องพักของนางมอบของกำนัลให้นางกับมือของข้าเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel