ตอนที่ 7 : ไป๋เฟินเยว่เอาใจคนงาม
ตอนที่
[7]
ไป๋เฟินเยว่เอาใจคนงาม
“คุณชาย ที่จริงยังมีอีกเรื่อง.......”
“อันใด”
อันหยงคิดว่าเรื่องนี้ควรจะรายงานคุณชายหรือไม่ แต่อย่างไรก็บอกให้สืบทุกเรื่องอย่างละเอียด เรื่องนี้ก็คงต้องรายงาน
“คือว่า....คุณหนูไป๋นั้น ตั้งแต่ผ่านวัยปักปิ่นมา ก็มีผู้มาทาบทามหมั้นหมายไว้มากมาย แต่เพราะว่านางบอกมาตลอดยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ นานวันเข้าแม่สื่อจึงค่อยน้อยลง แต่ยังไม่หายไปโดยสิ้นเชิง เพียงรอถามไถ่เป็นช่วง ๆ แต่....จะมีผู้หนึ่งที่ไม่ได้ว่างเว้นในการเทียวไล้เทียวขื่อคุณหนูไป๋เลยแม้แต่น้อย นั่นก็คือ..คุณชายถง ถงชิ่งอัน บุตรชายของนายอำเภอถงแห่งอำเภอไห่ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมื่อตัวเมืองซานหลินเท่าใดขอรับ แล้วก็..ยังมีคุณชายมู่ มู่เจียวจ้าน บุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอกของมู่หลงฟาน คหบดีชื่อดังของเมืองซานหลิน ที่คล้ายกับไม่ได้ตอแยแต่ยังมีความสัมพันธ์อันดีไม่น้อยกับคุณหนูไป๋ แต่ถึงอย่างนั้น...นางก็ไม่ได้ตกลงปลงใจกับผู้ใดขอรับ”
เมื่อกล่าวจบก็ลอบมองปฏิกิริยาผู้เป็นนาย เขาเพียงรับฟังนิ่ง ๆ เท่านั้น
“มีอันใดอีกหรือไม่”
“ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็มีที่คุณหนูไป๋ชื่นชอบการทำการค้า ชอบการทำอาหาร ชอบซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับบ้าง แต่ที่ซื้อมากเป็นพิเศษน่าจะเป็น.... เอ่อ.....”
“อันใด”
“หนังสือนิยายขอรับ”
หนังสือนิยายงั้นหรือ....
“ที่จริงแล้วเหมือนจะมีกิจการลับที่คุณหนูไป๋กำลังจะเปิดตัว เป็นกิจการเกี่ยวกับนิยาย เพราะนางจ้างนักเขียนมาไว้มากมายหลายคนนักขอรับ”
ชอบจนถึงขั้นเปิดคลังนิยายเองเลยหรือ
หึ ไป๋เฟินเยว่ ช่างชอบทำอะไรที่ผู้อื่นคาดไม่ถึงเสียจริง
เมื่อได้รับข้อมูลที่มากพอสมควรแล้ว เขาจึงโบกมือให้อันหยงออกไป และนั่งอยู่ในภวังค์ของตนเองอย่างเงียบเชียบ
ด้านไป๋เฟินเยว่ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนเองถูกผู้อื่นสืบประวัติไปละเอียดเพียงใด แม้กระทั่งกิจการลับ ๆ ที่นางจะแอบเปิดก็ยังถูกล่วงรู้อีก นางเพียงเตรียมการสำหรับกิจการที่จะเปิดเท่านั้น “กิจการคลังนิยายลี่กัน” คือกิจการที่ว่า เป็นศูนย์รวมของนิยายสนุกน้ำดีและไม่น้ำเน่าแบบไร้เหตุผล นางเป็นคนคิดเนื้อเรื่องทั้งหมดเอง และให้เหล่านักเขียนที่นางจัดจ้างมาเป็นผู้เขียนเพื่อบรรยายเรื่องราวเหล่านั้น และนางก็จะมาเรียบเรียงรวมถึงตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ทำอย่างไรได้ นิยายในยุคนี้ไม่มีเรื่องไหนถูกใจเอาเสียเลย เช่นนั้นก็แต่งเองมันเลยเป็นอย่างไร!
ในยามนี้มีหลายเล่มที่ใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว เมื่อสั่งการกับทุกฝ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกไปที่ประตูด้านหลังกิจการลับของนางทันที ราวกับว่านางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับที่นี่แม้แต่น้อย
วันรุ่งขึ้นไป๋เฟินเยว่รู้สึกว่าอยากไปกินขนมและน้ำชาที่โรงเตี๊ยมฟู่เฟิง คล้ายกับอยากไปนั่งกินเค้กกับเครื่องดื่มสดชื่น เช่นการไปคาเฟ่ในยุคปัจจุบัน เมื่อบอกกล่าวกับท่านแม่เรียบร้อยแล้ว จึงรีบลากลี่ลี่ออกไปทันที
เมื่อผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเห็นนางก็รีบออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ที่จริงโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคู่ค้าของนาง เพราะรับผักดองและผักสดจากนางไปประกอบอาหารในโรงเตี๊ยมมากมาย
“คุณหนูไป๋เชิญห้องพิเศษเลยขอรับ” เขากล่าวพร้อมเชิญนางไปอย่างนอบน้อม แต่ก่อนที่จะเดินไปนางกลับเห็นคนผู้หนึ่งกำลังเดินมาหานางพร้อมนัยน์ตาแดงก่ำ
คุณชายมู่คนงาม นี่เอง
เป็นอันใดนะ
” คุณชายมู่มาทานอาหารหรือเจ้าคะ” เป็นนางที่ถามเขาก่อน
“เจียวจ้านมาซื้ออาหารไปให้ท่านแม่ขอรับ... วันนี้บ่นอยากกินอาหารขึ้นชื่อของที่นี่”
“คุณหนูไป๋........” เขาคล้ายเหมือนมีเรื่องอยากพูด นัยน์ตาก็คล้ายมีน้ำตาคลอ
อ่า คนงามจะร้องไห้หรือ เห็นแบบนี้แล้วอยากซับน้ำตาให้เลย
“คุณชายมู่มีเรื่องจะพูดกับข้าหรือ”
เขาพยักหน้าหงึกหงัก
“เช่นนั้น.... ไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันเถิด” แม้ยามนี้ในโรงเตี๊ยมจะมีคนไม่มากนัก แต่นางก็ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นเท่าใด
นางจึงพาเขาไปห้องพิเศษที่ทางโรงเตี๊ยมเตรียมไว้ให้นาง
“คุณหนูไป๋กับคุณชายมู่ ดูเหมาะสมกันดีนะขอรับ งามทั้งคู่” เป็นอันหยงที่พูดขึ้น
ที่จริงหยางเยว่เล่อนัดกับนายช่างใหญ่มาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเขื่อนที่โรงเตี๊ยมฟู่เฟิงแห่งนี้ครู่ใหญ่แล้ว จึงได้เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ของผู้ที่เขารู้สึกว่าช่วงนี้จะพัวพันกับนางมากเป็นพิเศษ ไป๋เฟินเยว่กับบุรุษผู้นั้น เขาเห็นสายตานางอ่อนโยนราวกับพระโพธิสัตว์ยามมองคุณชายมู่ผู้นั้น
หึ!
“อันหยง ช่วงนี้คอกม้ามีมูลเต็มไปหมด กลับไปแล้ว ไปเก็บกวาดให้เรียบร้อยให้ดีเล่า!”
หา!
เก็บกวาดมูลม้าอันใด นั่นใช่หน้าที่เขาที่ไหนกัน คุณชายเข้าใจอันใดผิดหรือไม่
ยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วนอันใด เขาก็เห็นผู้เป็นนายลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทิศทางหนึ่งเสียแล้ว ทิ้งให้ผู้ที่ถูกนัดให้มาคุยงานด้วยนั่งอยู่ในห้องงง ๆ เพียงผู้เดียว ส่วนอันหยงก็รีบตามเจ้านายไปทันที
ด้านไป๋เฟินเยว่เมื่อเดินถึงห้องพิเศษแล้ว จึงได้สั่งนำขนมและน้ำชาทันที เมื่อทุกอย่างมาครบ คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ออกไปทั้งหมด จนตอนนี้เหลือในห้องเพียงสามคนคือ นาง คุณชายมู่และลี่ลี่ ลี่ลี่ก็เขยิบออกห่างจากคุณหนูของตนออกไป แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณห้อง
“คุณชายมู่ มีอันใดจะกล่าวกับข้าหรือ” นางเริ่มถามคนงามตรงหน้าทันที
“คือว่า.... เจียวจ้านได้ยินว่า คุณหนูไป๋กับ...ใต้เท้าหยาง เป็นความจริงหรือ....ขอรับ” ว่าจบแล้วก็คล้ายกับได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ
อ้อ ที่แท้เรื่องนี้
“คือว่า เป็นความจริง ที่ว่าได้พูดคุยกัน...” เมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำตาก็ไหลจากสายตาคู่งามทันที
“ฮึก ๆ”
“แต่ว่ายังไม่ได้หมั้นหมายอันใด และอาจจะไม่ได้เกิดการหมั้นหมายขึ้น” นางรีบอธิบายออกไป มิเช่นนั้นคนตรงหน้าคงมีน้ำตามากกว่าน้ำท่วมในซานหลินเป็นแน่ อีกทั้งท่าทางเขาดูน่าสงสารยิ่ง น่าสงสารจนนางอยากกอดปลอบโยน
“จะ...จริงหรือขอรับ” มู่เจียวจ้านคล้ายกับมีความหวังขึ้น
“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้ายืนยันกับเขา
ที่จริงมู่เจียวจ้านไปติดต่อค้าขายกับท่านพ่อของตนตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพิ่งได้กลับมา พอกลับมาก็ได้ยินข่าวใหญ่ที่ผู้ใดก็พูดกันไปทั้งเมือง ว่าคุณหนูไป๋นางใจดวงใจ จะหมั้นหมายกับใต้เท้าหยาง ขุนนางตำแหน่งใหญ่แห่งเมืองหลวง เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่ง ที่จริงคุณหนูไป๋เคยพูดกับเขาแล้วว่าจะไม่แต่งงาน ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังรู้สึกดีใจที่นางยังไม่มีผู้ใด หากนางไม่แต่งงาน เขาก็จะไม่แต่งงานเป็นเพื่อนนาง หากนางลำบากเขาก็มีกิจการคอยช่วยเหลือนางได้ แต่นางคงไม่ลำบาก เพราะนางเก่งกาจกว่าเขาเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นยามนี้ พอได้ยินว่านางจะมีคู่หมาย มันคล้ายกับทุกอย่างพังทลายไป เขาคงจะพูดคุยกับนางไม่ได้อีก.....
แต่พอได้รับการยืนยันว่าแม้จะเป็นถึงใต้เท้าหยาง นางก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดตนแต่อย่างใด มันทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมา
เมื่อเห็นคนงามหยุดร้องไห้และมีสีหน้าที่ดีขึ้น นางจึงยกยิ้มอย่างอ่อนโยน มู่เจียวจ้านไม่เหมือนกันกับถงชิ่งอัน บุรุษผู้นั้นดีแต่ตามตื้อให้นางลำบากใจ ส่วนคนงามผู้นี้เพียงพูดคุยกับนางอย่างสุภาพอ่อนโยน และตามใจนางเป็นอย่างยิ่งในหลายเรื่อง ๆ อีกทั้งคุณชายมู่เป็นคนที่งามมาก น่าจะงามกว่าสตรีหลายคน ใบหน้าหวานนี้มองแล้วดูเพลินตายิ่ง
เมื่อพูดคุยทุกอย่างเข้าใจแล้ว ทั้งคู่กับกินขนมและดื่มน้ำชากันพร้อมพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป มู่เจียวจ้านแม้จะเขินอายแต่ก็พยายามเล่าเกี่ยวกับการค้าที่เขาไปติดต่อด้วยตลอดหนึ่งเดือนให้นางฟัง
ซึ่งไป๋เฟินเยว่ก็รับฟังอยากสนอกสนใจยิ่ง ด้านผู้ที่แอบฟังเรื่องราวของผู้อื่นอยู่ห้องติดกัน กลับรู้สึกว่าตนมีความรู้สึกหงุดหงิดในใจแปลก ๆ ตั้งแต่ที่นางรีบปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์กับเขาเพื่อให้มู่เจียวจ้านผู้นั้นสบายใจ เขาเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมสั่งการ
“ไปจวนตระกูลไป๋เดี๋ยวนี้!”