บทที่ 3 รอยปริศนา
หนิงเซียนกลับมาถึงกระท่อมหลังน้อย หญิงสาวจัดการคัดแยกของที่หามาได้แต่ละอย่างเพื่อให้เหมาะแก่การเก็บรักษา เห็ดที่ได้มานางจะยังไม่ล้างเพราะจะทำให้เน่าเสียได้ง่าย ส่วนผลแอปเปิลและมะยมก็แยกใส่ตะกร้าเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยนำมาดองและแช่อิ่มเก็บไว้กินได้อีกนาน
ผักกูดดูเหมือนว่าจะนำมาเยอะเกินไป หญิงสาวจึงได้แบ่งส่วนหนึ่งเอาไว้ให้ท่านป้าจิวในวันพรุ่งนี้ ส่วนที่เหลือนางก็จะเก็บไว้ทำกินเอง ในส่วนของอาหารเย็นหนิงเซียนจะทำผักกูดลวกกินคู่กับน้ำพริกปลาเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ
เสียงการทำอาหารดังออกมาจากกระท่อมหลังน้อยในยามพลบค่ำ ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เป็นอันพร้อมทาน กลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ มันช่างหอมเหลือเกิน พานทำให้หิวเสียจนท้องร้อง ในระหว่างนำอาหารขึ้นโต๊ะ หนิงเซียนได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ มีเรื่องให้แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านหลังนี้ ล้วนเต็มไปด้วยข้าวสาร แป้ง ธัญพืช เครื่องปรุง เนื้อตากแห้ง และของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มันมีมากพอที่นางจะอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่ต้องอดตายได้ทั้งปี
บางอย่างดูจะคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาในนิยายไปสักหน่อยหรือไม่นะ จากที่อ่านนางจำได้ในช่วงต้นเรื่อง อ๋องเหลียงเฟิงให้คนพาหนิงเซียนมาทิ้งไว้ที่กระท่อม มันแทบจะไม่มีอะไรเลย นางต้องทนอยู่อย่างอดอยาก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้หนิงเซียนขาดสารอาหารทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่พอเหลือบมองกระสอบข้าวสารที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ในครัวนั้นสิ มันสามารถเก็บไว้กินได้หนึ่งถึงสองปีโดยที่ไม่ต้องประหยัดเชียวล่ะ
“ผักสดใหม่นี่ช่างหวานกรอบอร่อยเสียจริง” ร่างบางตักข้าวในถ้วยเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ชื่นชมกับผลงานที่ตนเองหามาได้ ในเมื่อคิดมากไปก็ไม่ได้คำตอบ นางจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าจะดีกว่า
หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าจนอิ่มหนำสำราญ หนิงเซียนจัดการเตรียมต้มน้ำสำหรับดองแอปเปิลและมะยมที่เก็บมาได้ ส่วนการทำแช่อิ่มเอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ ในระหว่างที่กำลังดองผลไม้มือบางก็หยิบกินเล่นไปด้วย แต่ว่ายิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้เอาเสียเลย ในตอนแรกนางจะทำพริกเกลือจิ้มสักหน่อย แต่พอลองกินเปล่า ๆ มันกลับอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ รู้ตัวอีกทีก็หมดไปหลายลูก
กว่าหนิงเซียนทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จ ก็ล่วงเข้าปลายยามซวีไปเสียแล้ว(19.00-20.59 น.) ความเมื่อยล้าจากการแบกของหนักและเดินทางไกล ทำให้หญิงสาวรู้สึกง่วงจนตาแทบจะปิด ร่างบางเดินกลับเข้าห้องนอนราวกับคนละเมอ ปากก็เอาแต่หาวหวอด ๆ ไม่หยุด เพียงแค่ล้มตัวลงนอนไม่เท่าไรก็หลับไปได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งคืนนี้สายลมพัดเอื่อยเย็นสบายกว่าทุกคืน และยังหมดแรงไปกับงานอดิเรกอย่างทำสวนและหาของป่า ทำให้หนิงเซียนหลับลึกกว่าทุกวัน อีกทั้งเจ้าตัวยังตื่นสายกว่าปกติ เมื่อรู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจากการพูดคุยของผู้คนด้านนอก ร่างบางก็ถึงกับสะดุ้งตื่นตกใจ
“สายป่านนี้แล้วหรือ ไม่น่าโลภมากเก็บผลไม้มาเยอะเลยเรา ปวดเนื้อปวดตัวเมื่อยขาอย่างไรไปหมดเลยเรา” หญิงสาวก้าวลงเตียงด้วยอาการขาสั่นปวดเมื่อยไปทั้งตัว ราวกับว่าตนโหมทำงานหนักมากเกินไป จนร่างกายรับไม่ไหว ทั้งที่ก็แค่หาของป่าตามปกติเหมือนที่เคยทำ เห็นทีว่าต่อไปนี้ต้องออกกำลังกายบ้างเสียแล้ว ร่างกายจะได้แข็งแรงไม่ล้มป่วยได้ง่าย
เมื่อตั้งหลักได้ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะลงจากเตียงเก็บที่นอนให้เข้าที่ แต่ก็มิวายมองไปเห็นรอยคราบเลอะเปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอน หนิงเซียนได้แต่สงสัย
“หรือว่าข้าจะนอนน้ำลายไหลแล้วดิ้นมาถึงกลางเตียง” แต่ว่ามันดูคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นรอยคราบเช่นนี้ที่ไหนมาก่อนกันนะ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวหยิบเอาชุดใหม่และผ้าปูที่นอนออกไปด้านนอก อาบน้ำชำระร่างกายสักหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น ส่วนผ้าปูที่นอนคงต้องรีบซักไม่เช่นนั้นจะแห้งไม่ทัน
“หืม เหตุใดหน้าอกข้าถึงได้มีรอยเล่า” บนเนินอกมีรอยแดงอยู่หลายจุด หนิงเซียนใช้กระจกทองเหลืองอันเก่าเท่าฝ่ามือส่องตรวจดูตรงจุดอื่นก็ไม่พบอะไร มีเพียงเนินอกเท่านั้นที่เกิดรอย นางจึงคิดเอาเองว่ามันคงจะเป็นเพราะตอนที่นางเข้าป่า แล้วไปโดนตัวอะไรกัดหรือไม่ก็ถูกไม้ดีดกระมัง แต่เมื่อใช้นิ้วกดดูก็ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แล้วมันเกิดจากอะไรกันเล่า....เกิดเรื่องที่ทำให้นางประหลาดใจแต่เช้าเลยให้ตายสิ
เมื่อคิดหาเหตุผลเท่าไรก็คิดไม่ออก นางจึงเลิกที่จะหาต้นสายปลายเหตุ ในยามนี้รู้สึกหิวจนแสบท้องไปหมด คงต้องหาอะไรทานเสียก่อนเผื่อว่าจะช่วยให้สมองโล่งปลอดโปร่ง จากนั้นค่อยออกไปทำงานสวน
ในครัวยังพอมีข้าวสวยที่เหลือจากเมื่อคืน หนิงเซียนจึงทำข้าวต้มเกลือกินกับปลาย่าง มื้อกลางวันค่อยทำแกงหน่อไม้ใส่เห็ดที่ได้มาจากเข้าป่าเมื่อวาน คิดได้ดังนั้นหญิงสาวรีบเข้าครัวทำอาหารสำหรับมื้อเช้าโดยไว ในระหว่างรอให้ข้าวต้มและปลาย่างสุก ก็ไม่ลืมล้างเห็ดและต้มแหนงหน่อไม้ทิ้งไว้ เพื่อที่ว่าถึงมื้อกลางวันจะได้พร้อมทำทานได้เลย จะได้ไม่เป็นการเสียเวลาต้องรอต้มหน่อไม้ให้มีรสจืด
หลังจากกินอาหารเสร็จ งานต่อไปของเช้าวันนี้คือการรดน้ำผักในสวนหลังบ้าน ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่ามันดูเปียกชุ่มราวกับว่าถูกรดน้ำไปได้ไม่นานนี้เอง หนิงเซียนได้แต่ยืนเกาหัวด้วยความงงงวยและไม่เข้าใจเลยสักนิด วันนี้มันอะไรกัน ตื่นมาก็เจอแต่เรื่องแปลกประหลาด น้ำเต็มอ่าง สวนผักก็เหมือนมีใครมารดน้ำให้
‘หรือว่าข้าจะละเมอจนออกมารดน้ำผักเอง ไม่ใช่สิข้ามิใช่คนขยันเช่นนั้น’ หญิงสาวใช้ความคิดอย่างหนัก กระท่อมที่นางอาศัยอยู่ห่างจากบ้านเรือนของชาวบ้านออกมาไกล ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านจะมีน้ำใจช่วยเหลือ เห็นทีคงจะต้องเฝ้าสังเกตสักหน่อยแล้ว มันดูแปลกเกินกว่าจะคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ
ในเมื่องานทุกอย่างของเช้านี้นางไม่ต้องทำแล้วจึงกลับเข้ามาในเรือนอีกครั้ง หญิงสาวตรงเข้าไปค้นลังไม้ที่ใช้เก็บข้าวของส่วนตัว หลังจากที่ถูกพาออกมาจากวังอ๋อง นางจำได้ว่าหนิงเซียนคนเดิมนำสมุดและพู่กันมาด้วย ไหน ๆ ก็ว่างแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะจดบันทึกเนื้อเรื่องเอาไว้เท่าที่จะจำได้ กลัวว่านานวันเข้าตนจะลืมเนื้อเรื่องทั้งหมดเอาได้ ถึงอย่างไรก็ไม่รู้วิธีกลับไปโลกเดิม หากต้องติดอยู่ในโลกนิยายขึ้นมาจริง ๆ เพื่อความอยู่รอดนางก็ควรจะหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน
หลังจากได้อุปกรณ์การเขียนมาครบ ร่างบางจึงได้เริ่มเขียนเรื่องราวที่พอจะจำได้ออกมาเป็นข้อ ๆ แม้จะจดจำไม่ได้ทุกอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางจำได้ไม่เคยลืมนั้นก็คือสามีตัวร้าย ที่สั่งให้เมียตนเองดื่มยาแท้งบุตร จนทำให้สตรีตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรและลูกต้องตายอย่างอนาถ
“หึ!! เหลียงเฟิงไอ้คนเลว” ยิ่งนึกถึงใบหน้าเขานางก็ยิ่งมีน้ำโห คว้าเอาแอปเปิลลูกโตขึ้นมากัดกินไม่หยุด ราวกับว่ามันคือคนที่นางนึกถึง เคี้ยวไปบ่นไปมิได้หยุดจนไม่เหลือแม้กระทั่งเมล็ด
เดือนหน้าท่านอ๋องจะเสด็จมาหา จากนั้นก็จะได้ร่วมหอกันอีกครั้ง เหตุผลที่อ๋องเหลียงเฟิงเสด็จมานักเขียนไม่ได้ระบุไว้ในเรื่อง มีเนื้อหาบางส่วนบอกเพียงว่าเขาถูกพิษปลุกกำหนัดกำเริบ หนิงเซียนที่ไร้ซึ่งแรงต่อสู้มีหรือจะรอดพ้นเงื้อมมือ นางจึงตกเป็นของตัวร้ายอีกครั้ง
ปึก!!
หญิงสาวทุบโต๊ะดังลั่น เมื่อนึกถึงความใจร้ายของพ่อตัวร้ายในนิยาย ที่กระทำย่ำยีสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างไร้ความปรานี
“ไอ้คนหน้าไม่อายไล่เขาแล้วยังจะกลับมาย่ำยีอีก มันน่าบีบให้แตกคามือนัก ให้มันไร้ทายาทเสียให้เข็ด”
หากจะบอกว่ารักหนิงเซียนก็มิใช่ ในตอนที่อยู่ในวังอ๋องหนิงเซียนเป็นอนุที่ถูกท่านอ๋องหลงลืมมากที่สุด ทั้งความเย็นชาปากร้าย ไม่สนแม้กระทั่งในยามที่นางถูกเหล่าอนุด้วยกันรังแก หลายครั้งที่ถูกกระทำต่อหน้าต่อตาแต่ก็ไม่ยอมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเลยสักครั้ง
แต่ถ้าหากว่าเมื่อถึงเวลานางไม่สามารถหลีกเลี่ยงการร่วมหอได้จริง ยาห้ามครรภ์นั้นคือทางออกที่ดีที่สุดในยุคนี้แล้ว หรือหากยังพลั้งพลาดเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง เมื่อถึงเวลานางก็จะแกล้งดื่มยาแท้งบุตรแล้วตกเลือดแบบปลอม ๆ เพื่อเป็นการตบตา จากนั้นนางก็จะหนีไปใช้ชีวิตกันสองคนแม่ลูก ไปให้ไกลจนหาไม่เจอ ฉะนั้นระหว่างนี้สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดก็คือเงินสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่
ในเมื่อมีแผนไว้รองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าทั้งหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรอีก ระหว่างนี้นางจะหาเงินเก็บไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ว่าในภายภาคหน้าจะได้หนีอย่างไม่ลำบากมากนัก
‘เชิญพวกท่านแย่งนางเอกกันไปเถิด ข้าจะขอไปใช้ชีวิตอย่างอิสระก็แล้วกัน’