บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 ความสามารถไม่ถึง?

ตอนที่ 7 ความสามารถไม่ถึง?

จนแล้วจนรอด เมื่อเถียงกันไปเถียงกันมา…

เมื่อได้ฟังทัศนคติของครูหนุ่มหน้าดุ ก็ทำเอาพ่อผันหัวเสียอยู่เหมือนกัน ขนาดที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ด้วยเพราะพ่อผันเป็นคนชิล ๆ ยังไงก็ได้ “อารมณ์ศิลปินค่อนข้างสูง” เป็นคนเข้าใจในหลักเหตุและผล

พ่อพูดว่า “คุณครูอคติเพราะคิดว่ามัดถุงข้าวแกง มันไม่ใช่ความสามารถดีเด่นอะไรเลยใช่มั้ย!?”

ครูหน้าดุทำเชิงว่าเป็นเช่นนั้น…เขายักไหล่ตอบ “ถ้าเช่นนั้นเอาเด็กคนอื่นไม่ดีกว่าหรือครับ เช่นคนที่เล่นดนตรี เล่นกีฬา หรือคนที่เก่งด้านภาษา…” เขาอธิบายเหตุผล

ครูเดือนก็แสดงความเห็นออกมาเป็นบางครั้งบางครา ทำนองว่าแล้ว ‘เด็กมัดถุงข้าวแกงเร็วมันไม่ดีตรงไหน?’ เธอในมุมมองของผู้สูงวัย ที่เห็นโลกมามากกว่าย่อมเข้าใจดี

พ่อพูดเสียงหนักแน่นว่า “งั้นทำไมคุณครูถึงไม่ถามลูกผมละครับว่า เขามีความสามารถอย่างอื่นมั้ย เช่น เป็นนักกีฬา นักดนตรี?”

ครูเดือนก็พยักหน้าหันไปรอคำตอบของครูหนุ่มหน้าดุ

ครูหนุ่มยิ้มเย้ยภายในใจ หลังจากเถียงไปพักหนึ่ง เขาพูดว่า “ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง กับจิตรกร เขาจะไปมีความสามารถอะไรมากมายล่ะครับครูเดือน แค่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ก็เท่านั้น!?”

พอพ่อได้ยินคำนี้หลุดออกจากปากก็ควันออกหู ตัวของเสือน้อยก็ไม่แพ้กัน เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ

พ่อพูดขึ้นว่า “คุณดูถูกอาชีพแม่ค้าขายข้าวแกง กับนักวาดภาพอย่างผมงั้นหรือ? คุณเป็นครูเพราะจับฉลากได้ใช่มั้ย? ผมถามจริง ๆ”

หลังเถียงกันไปเถียงกันมา จนคนมากยิ่งขึ้นครูที่เข้าร่วมฟังเหตุการณ์ต่างมีวุฒิภาวะพอจึงสามารถแยกแยะคำพูดคำจา ยิ่งนานก็ยิ่งมีครูเข้ามาฟังการสนทนามากขึ้นเรื่อย ๆ

ครูหนุ่มหน้าดุคนนั้นพูดขึ้นว่า “ถ้าลูกคุณแน่จริง ก็ให้แสดงความสามารถอย่างอื่นมาสิครับ! ทำไมต้องบอกว่ามัดถุงแกงเก่ง ผมว่าคำตอบแรกมักเป็นความจริงเสมอ”

เสือน้อยตอบโดยพลัน “ตัวผมยังพูดไม่ทันจบครูก็...เชิญออกจากห้องเสียแล้ว ความจริงไม่ว่าจะเป็นวาดภาพ เล่นดนตรี ผมก็ทำได้หมด…แต่ปัญหาคือยังไม่ทันได้ตอบเลยครับ” ตอนนี้หูเขาก็แดงไปด้วยแล้ว

พ่อพูดเสริม “เอางี้ไปคัดเลือกเด็กเก่ง ๆ ที่คุณว่ามามีความสามารถนักหนา มาแข่งกับลูกชายผมจะให้เขาเล่นดนตรีแข่งกันไปเลย ใครที่ครูคิดว่าเล่นกีตาร์หรือเปียโนเก่ง ก็เอามาวัดประชันไปเลย ผมล่ะอยากรู้ผลจริง ๆ” พ่อผันภาคภูมิใจมากถ้าเป็นเรื่องพวกนี้

ครูหนุ่มพูดเย้ยขึ้น “แน่ใจเหรอครับขนาดผมถามว่ามีความสามารถอะไรบ้าง ความคิดแรกที่ลูกชายคุณตอบมาคืออะไร…มัดถุงข้าวแกงเร็ว!” เขาส่ายหน้า พร้อมพูดว่า “เสียดายเวลาทดลองเปล่า ๆ ครับ ผมว่าคำตอบแรกมักเป็นความจริงเสมอ!”

พ่อปวดกบาลกับครูคนนี้ “เอ่อ...ขอโทษนะครับ เรื่องนี้ให้เจ้าตัวตอบดีกว่า อยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์เยอะแยะ บอกไปสิลูกว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น ทำไมถึงตอบว่า ‘มัดถุงข้าวแกง’ ก่อนอย่างอื่น”

เสือน้อย ยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “ผมช่วยแม่ทำมาหากิน ต้องใช้แรงกายเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าขนมพิเศษ จึงไม่รู้สึกว่า…มันเป็นความสามารถที่ด้อยกว่าอย่างอื่นตรงไหน ที่แน่ ๆ ตอนนี้ผมไม่สามารถเล่นกีตาร์ วาดภาพ เพื่อหาเงินได้ แต่ผมมัดถุงข้าวแกง ตักแกงช่วยแม่ได้ แถมยังหาเงินให้กับตัวเองได้อีก!”

เด็กหนุ่มอธิบาย รวดเดียวจนเห็นภาพ นี่ไม่ใช่เพราะเตี๊ยมมา หากแต่เป็นความคิดจากใจจริงของเขา “ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ตอบไปว่า…มัดถุงแกงเร็วเป็นอย่างแรก ในทันทีที่ครูสอบสัมภาษณ์ได้ถามถึงความสามารถพิเศษ”

พ่อพูดเสริม “พูดถึงในแง่คุณธรรมความกตัญญู ผมว่าลูกผมไม่บกพร่อง หากพูดถึงในแง่ประโยชน์ที่คนอื่นได้รับก็คงเป็นการยืนรอเข้าแถวซื้อกับข้าวของเมียผมเร็วขึ้น…เพราะยิ่งลูกผมมัดเร็วเท่าไหร่ คนที่ได้ผลประโยชน์ก็เป็นทั้งเมียของผมและลูกค้าที่ยืนรอ”

ครูบาอาจารย์ที่อยู่โดยรอบก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะมีบางคนเป็นลูกค้าร้านแม่ของเด็กหนุ่มอยู่ในกลุ่มนี้ เขาเห็นเด็กหนุ่มช่วยแม่เป็นประจำตอนเย็น เรื่องนี้พิสูจน์ได้ด้วยตา ซึ่งมีประจักษ์พยานอย่างชัดเจน

ครูหนุ่มพูดขึ้นว่า “ครับเก่งมากครับ…แต่ถึงอย่างไรผมก็ตัดสินไปแล้ว ถือเป็นเด็ดขาด ผมว่านะเอาเวลาที่จะมาเถียงกับผม ไปบนบานศาลกล่าวดีกว่ามั้ย? …ไปหวังกับจับฉลากจะดีกว่านะครับ” เขายิ้มเยาะเห็นฟัน

พ่อสีหน้าไม่เปลี่ยนกับพูดถามตรง ๆ ขึ้นมาว่า “ตามนั้นครับ ว่าแต่คุณพอจะแนะนำชื่อตัวเองสักหน่อยได้มั้ย ผมจะได้จำไว้น่ะครับ…”

ครูหนุ่มดูเหี้ยมขึ้นทันที ก่อนตอบแบบกัดฟันพูด “ผมครูสุพล หิมะลัย ครูผู้ช่วย สอนวิชาคณิตศาสตร์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” พูดจบเขาก็สะบัดตัวเดินจากไป

พ่อผันตบมือเสียงดัง “ครู ๆ ทุกท่านครับ ผมขอประกาศไว้ตรงนี้เลยนะครับ ถ้าใครมีหลักฐานว่าครูสุพลท่านนี้ทุจริตในหน้าที่ ผมมีรางวัลให้อย่างต่ำสามหมื่นบาท” พ่อผันยื่นนามบัตรให้ครูทุกคน

“เบอร์โทรศัพท์ก็ตามนี้เลยนะครับ…ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับที่มารับฟัง แม้ว่าลูกผมจะสอบไม่ผ่านสัมภาษณ์ก็ตาม” เขาใช้เงินรางวัลแก้ปัญหา

“ประเดี๋ยวผมพาลูกไปรอคิว จับฉลากตอนบ่าย…ใครมีอะไรก็แจ้งมาได้เลยครับ ยิ่งหลักฐานเด็ด ผมเพิ่มเงินเป็นสองเท่าก็ยังได้!” พูดจบเขาก็จากไป

ผันหันไปปลอบลูกว่า “ทำได้ดีแล้ว”

เขาคิดจากใจจริง มีก็แค่ครูไร้วิสัยทัศน์แบบนี้ที่คิดอะไรทำนองนี้ออกมา…

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปรากฏว่ามีครูโทรฯ มาแจ้งเบาะแส

พ่อผันก็ออกไปคุยอยู่นานสองนาน เขาเดินเรื่องฉับไวยื่นเรื่องอุทธรณ์จนไปถึงท่านผอ. และยังเดินไปแจ้งเรื่องที่ทางสำนักงานเขตการศึกษา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียน รับผิดชอบดูแลโรงเรียน…ไปทั่วทั้งเขตจังหวัด

เสือน้อย…ก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เตรียมตัวรอจับฉลาก “ส่วนข้อที่ว่าพ่อเขาจะไปทำอะไร เขาไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ ประเดี๋ยวมีอะไรก็คงมาเล่าให้ฟังเอง”

รอจนเที่ยงพ่อก็กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนพาเขาเดินไปที่ศาลาพระครูที่ด้านหน้าโรงเรียน “ไหว้พระไม่ใช่เพื่อขอพร แต่เพื่อพามาทำจิตใจให้สงบ” พ่อผันยังพูดยืนยันว่า “ยังไงก็ได้เรียนที่นี่แน่!” เขายกยิ้มที่มุมปาก เผยให้เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา

ผ่านไปไม่นานนัก เสียงตามสายก็เรียกผู้มีสิทธิ์ไปจับฉลาก เสือน้อยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก เพราะพ่อเป็นคนเชื่อถือได้ อีกอย่างเขาก็สอบข้อเขียนผ่านแล้ว “มีช่องทางมากมายให้ได้เรียน…อยู่ที่ว่าพ่อจะเล่นด้วยเล่ห์หรือกลก็เท่านั้น”

พอถึงคิวเขา ขึ้นไปเหยียบบนแท่นกลางหอประชุม ก็ทำเอาเขินอยู่ไม่น้อย ไม่เคยอยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ทำเอาเด็กหนุ่มประหม่า…ก่อนจะล้วงมือไปจับฉลากพร้อมยื่นให้ครู

ครูที่ทำหน้าที่ก็ประกาศผลทันควัน ไม่ได้รอให้เด็กหนุ่มพักหายใจหายคอ “ไม่ได้…เสียใจด้วยนะคะ เชิญลำดับถัดไปได้เลย”

รอจนจับฉลากเสร็จ พอรู้ผลพ่อก็พาเด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องของผอ. ตลอดทางเขาผิวปากอารมณ์ดี

“ดูท่าจะเคลียร์ทางนั้นเรียบร้อยแล้วละมั้ง?” เด็กหนุ่มตั้งข้อสงสัย

ผ่านไปไม่นานเลขาผอ. ก็เชิญพ่อกับเสือน้อยเข้าไปด้านใน ภายในห้องประดับประดาไปด้วยรางวัล โล่คุณวุฒิต่าง ๆ รูปถ่ายผลงานมากมาย

เสือน้อยก็กล่าวสวัสดี และนั่งลงตามพ่อไปติด ๆ

ผอ.พูดขึ้นว่า “หลังจากเราได้พิจารณาคำขออุทธรณ์ของคุณแล้ว ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลมาก หลังจากที่ดิฉันได้ตรวจเอกสาร พบพิรุธของครูสุพลจริงดังว่า เขาพยายามยัดเด็กนักเรียนของตัวเองเข้าแทนชื่อผู้ที่สอบไม่ผ่าน”

พ่อผันพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนจะรอฟังท่าน ผอ.กล่าวต่อ “ตัวของดิฉันเองก็ได้พิจารณาแล้วว่า อีกฝ่ายทุจริตในหน้าที่ ดังนั้นเรื่องที่ทางเด็กชายเสือน้อยสอบตกก็เป็นอันว่า…ผ่านการสัมภาษณ์ไปได้เลยค่ะ อีกประเดี๋ยวดิฉันจะให้เลขาพาไปลงทะเบียนด้วยตัวเอง!”

ท่านผอ. พักดื่มน้ำครู่หนึ่ง “เรื่องที่ครูสุพลทำไปนั้น ทางเราจะยื่นเรื่องไปทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพราะมีหลักฐานที่คุณแจ้งมา คาดว่าโทษคงหนีไม่พ้นไล่ออก หรืออย่างเบาก็ย้ายโรงเรียน”

ความจริงแล้วก็ดันมีครูแหกกฎ แหกหน้าของผอ.เสียก่อน ช่วงเวลาของการฝากเด็กหรือยัดเด็กยังไม่มาถึง ต้องรอประกาศผลสอบก่อน…

อีกทั้งนโยบายของรัฐบาล ก็ยังไม่ประกาศให้ชัดเจนที่กล่าวว่า “เด็กทุกคนต้องมีที่เรียน”

แต่มีครูหนุ่มเล่นลัดคิวเอาชื่อของเด็กเส้นตัวเองไปแทรกใส่ เด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าเสือน้อยเสียอย่างงั้น “ด้วยคิดว่าเป็นพวกลูกแม่ค้าตลาดนัดกับยาจกจิตรกร”

“หากว่าครูคนนี้ฉลาดสักหน่อย รอเวลานั้นแม้แต่เธอเอง…ก็ไม่อาจทนรับแรงกดดันมหาศาลจากทุกทิศทาง ‘ทั้งกระทรวงศึกษา รัฐมนตรี ส.ส.ในเขตพื้นที่ นายกฯ อบจ. นายกฯ เทศบาล นายกฯ อบต. หรือตำแหน่งต่าง ๆ’ ได้!”

เพราะไม่เช่นนั้น ตัวเธอคงไม่เป็นอันได้ทำงาน เนื่องจากประสานงานกับใครก็ไม่ได้…

หน้าที่ของ ผอ. ต้องเป็นกันชนกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว “ดันมีปลาเน่าตัวหนึ่งโผล่ออกมาแบบนี้กลายเป็นว่าจะทำให้เสียระบบ” ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับการจัดการครูคนนี้ ‘เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู’  เพราะทางฝ่ายผู้ปกครองรายนี้เสนอขั้นตอนจัดการครูสุพล โดยไม่กระทบองค์รวมจึงทำให้ ผอ.เต็มใจให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

พ่อผันพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านผอ.มาก ๆ ครับที่ให้ความเป็นธรรม ส่วนเรื่องของครูสุพล ประเดี๋ยวผมจะให้ทนายความช่วยจัดการให้อีกแรงครับ ผมไม่วางใจให้เขาอยู่ในโรงเรียนนี้ ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ …เขาคงได้โดนยื่นฟ้องทุจริตโดยหน้าที่ ซึ่งทางทนายความของผมจะเข้ามาพบกับ ‘ท่านผอ. ในวันนี้’ อย่างไงก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ!”

พูดยังไม่ทันจบก็มีชายวัยสี่สิบกว่า ๆ สวมชุดสีเขียว ผูกเนกไท เคาะประตูเข้ามา พ่อผันเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พูดถึงก็มาพอดีเชียว เชิญครับพี่ดำรง…”

ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวให้ ผอ. ได้รู้จัก “คนนี้เป็นทนายที่ปรึกษาประจำตัวของครอบครัวผมเองครับ และเป็นเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งเรียนจบโรงเรียนนี้เหมือนกันกับผม ถ้าเช่นนั้นผมคงต้องส่งไม้ต่อให้ท่านคุยกับทนาย เพื่อช่วยขจัดคนชั่วในองค์กร ส่วนมีปัญหาอะไรติดต่อผมมาได้เลยนะครับ”

พ่อผันทิ้งนามบัตรไว้ ก่อนหันไปพูดกับทนาย “ฝากด้วยนะพี่ดำรง”

“เออ…ได้ไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการให้” ลุงดำรงตอบพ่อ

เสือน้อยก็ไม่ลืมไหว้สวัสดีลุงดำรงตามมารยาท

ที่หน้าห้องเลขาก็พาเด็กชายเดินไปลงทะเบียนอีกครั้ง ที่ชั้นสองคราวนี้พ่อก็ยิ้มสองมือไพล่หลัง ครูที่เห็นเหตุการณ์ก็เดินมาแสดงความยินดีที่อุทธรณ์ผ่าน

พ่อผันยังเปรย ๆ ให้ครูละแวกนั้นฟังด้วยว่ามีหลักฐานเล่นงานครูหนุ่มคนนั้นแล้ว “แถมยังได้ให้ทนายแจ้งความ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ…เจ้าตัวน่าจะโดนไล่ออกเร็ว ๆ นี้!”

พอได้ยินดังนั้น ก็เรียกเสียงฮือฮาจากครูในละแวกนั้นได้ไม่ใช่น้อย

จากนั้นขั้นตอนต่าง ๆ ก็ผ่านไปอยากราบรื่น ทั้งค่าเทอมค่าหนังสือ ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพ่อผันที่เตรียมตัวมาพร้อมจ่ายอยู่แล้ว...

....

พอกลับถึงบ้านพ่อผันก็อธิบายให้ฟังคร่าว ๆ ว่าตัวเองใช้แผนการอะไร... เริ่มแรกใช้เงินเป็นเหยื่อล่อให้ครูที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยหาข้อมูล

“ปกติแล้วคนทำผิด มักมือไม่สะอาด คนรอบข้างต้องพบพิรุธบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งกับคนที่ทำงานเห็นหน้ากันบ่อย ๆ แล้ว มักมีความหมั่นไส้ อิจฉาไม่พอใจอยู่เนือง ๆ ที่ไหนมีคนที่นั่นย่อมมีปัญหา นี่เรียกว่าการใช้เงินอย่างชาญฉลาด!”

จากนั้นพ่อผันก็สาธยาย “ตีงูต้องตีให้ตาย รู้ใช่มั้ย? ไม่เช่นนั้นมันจะกลายมาเป็นภัย และหากนำสุภาษิตนี้มาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ นั่นก็คือต้องดำเนินการให้ถึงที่สุดกับคนประเภทนี้ อย่าได้ยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ” จากนั้นเขาอธิบายหลักการ เหตุผลต่าง ๆ มากมายให้ลูกชายสุดที่รักได้ฟัง…ในขณะที่มือก็เล่นกีตาร์ไปพลาง ๆ

พอแม่ชบากลับบ้านมา และได้ฟังเรื่องราวเธอโกรธจนถึงขั้น ควันออกหู “พร้อมพูดจา ด่าสาดเสียเทเสียใส่ไอ้ครูสุพลนั่นอย่างไม่พอใจ…”

ด้วยความร้อนรนทนไม่ไหว เธอจึงโทรไปหาเพื่อนแม่ค้าขาเมาท์ที่ตลาด ให้ช่วยพากันประโคมข่าว เพื่อกระจายชื่อเสีย(ง) ของครูสุพล…

“กล้าดียังไงถึงมาตัดชื่อของลูกชายฉันออก แถมยังเอาเด็กเส้นของตัวเองมาแทรกใส่ดื้อ ๆ” เธอกัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปหาสามีตัวเอง “พ่อแล้วครูที่เอาข่าวมาบอกเราจัดการไปหรือยัง? อย่าให้เสียชื่อเด็ดขาดนะ เอ่อ…ว่าแต่แม่รู้จักมั้ยคุณครูคนนี้!?”

“จัดการเรียบร้อยแล้วจ้ะที่รัก...ส่วนครูที่บอกข้อมูลน่ะ ก็คือครูน้อยหน่าไงที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ชอบมาซื้อกับข้าวของแม่บ่อย ๆ พ่อจำได้”

แม่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่แป๊บหนึ่ง ก็นึกหน้าครูน้อยหน่าออก “อ๋อ…จำได้แล้ว ประเดี๋ยววันหลังแม่จะแถมให้เยอะ ๆ หน่อย!”

.....

ย้อนกลับมาที่ปัจจุบันที่เสือน้อยกำลังเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ ฟัง

“...นั่นแหละบทสรุป ก็คือปกติคนอื่นเขามีสามตัวเลือก ถ้านับว่า หนึ่งสอบผ่าน…สองจับฉลาก…สามเด็กเส้นเด็กฝาก” ทว่าส่วนข้าน่ะ “ใช้วิธีที่สี่นั่นก็คือข่มขู่” เสือน้อยเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ ฟัง

“เพราะตัวเขาเอง สอบผ่านก็เหมือนไม่ผ่าน จับฉลากก็ไม่ได้อีก แถมยังไม่ได้ฝาก หรือยัดอีกต่างหาก เขาคงเป็นกรณีเดียวที่หาได้ยากในรอบหลายปีของโรงเรียนเลยทีเดียว!”

เพื่อนที่นั่งฟังอยู่รอบ ๆ ก็อดด่าสาปส่งไอ้ครูคนนั้นไม่ได้… พวกเขาคิดอย่างกับว่าอยู่ในเหตุการณ์ เวลาล่วงเลยตั้งแต่ประกาศผล จวบจนถึงตอนนี้ แกถูกย้ายออกพักงานชั่วคราวแล้ว หมดสิทธิ์สอนที่นี่ มีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลมาอีกเพียบ

“พวกเอ็งรู้มั้ย ไอ้ครูคนนั้นมันพูดสารภาพว่าไง... มันบอกว่าก็เห็นถามข้อมูลส่วนตัวดูโง่ดี พอเหลือบไปมองพ่อข้าก็เห็นแต่งตัวปอน ๆ เลยเลือกข้าเป็นเป้าหมาย” เสือน้อยตบหน้าผากตัวเอง “จะให้ใส่สูตรเต็มยศ แดดร้อนเปรี้ยง ๆ แบบนี้พ่อข้าคงไม่บ้าจี้ทำหรอก แค่แต่งตัวสุภาพให้เกียรติสถานที่โรงเรียนก็พอ”

“สำคัญนักเชียว…ไอ้อดีตครูสุพล ที่มองว่ามัดถุงแกงข้าปัญญาอ่อนนี่สิ ทำเอากูปี๊ดเลย!” พอถึงช่วงหลัง ๆ “เขาเริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่…จึงเผลอหลุดพูด ‘มึงกู’ ขึ้นมา!”

_____________

อากาศมันร้อนน้องไม่เข้าใจ….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel