ตอนที่ 40 ผู้เฒ่ามาเยือน...ชักชวนสาวมาเต้นรำ!
ตอนที่ 40 ผู้เฒ่ามาเยือน...ชักชวนสาวมาเต้นรำ!
หลังจากเปิดเทอมสอง ได้ไม่กี่วัน... ก็มีคนที่คาดไม่ถึงมาเยือนบ้าน
เสือน้อยที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเก้าอี้ไม้ วันเสาร์ส่วนใหญ่เช้า ๆ เขาจะมานอนรับแดดรับวิตามินดีเสียหน่อย…ส่วนยัยนกแก้วตัวแสบก็ยังนอนสายไม่ตื่นตามเดิม
พ่อกับแม่ก็ยังนอนอยู่ เสือคิดว่าเมื่อคืนคงเล่นจ้ำจี้กันจนดึกละมั้ง? “เขาคิดหวังว่าตัวเองจะมีน้องเร็ว ๆ นี้เสียแล้ว...”
หลังจากเสือนอนแอ้งแม้งได้หลายสิบนาที ก็มีผู้เฒ่าสองคนเดินขึ้นมาบนบ้าน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ‘ปู่เพิ่ม’ กับ ‘ย่าทับทิม’ ของเสือน้อยนั่นเอง
กลิ่นน้ำหอมของสองผู้เฒ่าฟุ้งมาแต่ไกล เสือทำท่าเหมือนแมวได้กลิ่นผิดปกติ…ทำจมูกฟุดฟิด แต่ก็ไม่สนใจยังคงนอนต่อไป เพราะเดี๋ยวมีอะไรพี่แม่บ้านก็คงเรียกเขาเอง จนเสียงเดินคล้ายกับโจรย่องเบาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ เสือน้อยที่ได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งก็ลืมตาขึ้น จากนั้นเด็กหนุ่มก็ตาโตลุกวาว คลี่ยิ้มออกมากว้าง ตะโกนเสียงดัง “ปู่ย่า!”
เสือน้อยกระโจนลุกขึ้นกอดเพราะคิดถึงพวกเขาจริง ๆ จากนั้นก็จับมือปู่ย่าสองคนมาให้นั่งข้าง ๆ …ครู่ต่อมาสองแม่บ้านก็ยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาบนบ้าน พวกเธอจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่สองผู้เฒ่ากลับบ้านก็หลายปีแล้ว
เสือน้อยก็ชวนคุยตามที่คิดถึง แต่ไม่ลืมแซวด้วย “นี่ถ้าปู่กับย่า กลับมาช้าอีกสักหลายปีคงได้อุ้มเหลนแล้วมั้ง?”
ปู่พูดหยอกล้อ “อ่าว! ถึงฤดูแล้วหรือ?”
ย่าก็แทรกขึ้นขัดคอตาเฒ่าข้างกาย “เจ้าตัวดีไปติดสาวบ้านไหนเล่า? อย่าผลีผลามไปทำเขาท้องเข้าล่ะลูก” ย่าจับแขนด้วยความเป็นห่วง สายตาแฝงไปด้วยความเมตตา…
เสือน้อยตอบกลับปู่ไปว่า “ก็ใกล้ถึงฤดูแล้วครับ…ส่วนลูกสาวบ้านไหนปู่ย่าอยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็ได้เจอ” เสือน้อยหยอดคืนปู่ไปหนึ่งที ส่วนประโยคหลังหันไปมองยิ้มให้กับย่า
แต่พอเห็นสองผู้เฒ่าทำท่าเลิ่กลั่ก เสือน้อยจึงจับพิรุธได้ว่า “อย่าบอกนะว่าแค่แวะมาน่ะ ปู่ย่า? เดี๋ยวนะนี่บ้านไม่ใช่โรงแรมจะอยู่นาน ๆ หน่อยไม่ได้หรือ?” เสือน้อยบ่นน้อยใจ
อย่างน้อยมีผู้ใหญ่อยู่ติดบ้านไว้ก็ดีกว่า ทั้งให้ลูกหลานได้ดูแล ทั้งยังเป็นเป็นที่หลบภัยให้เวลาเสือน้อยก่อเรื่องอะไรมา!
“ก็ปู่กับย่าวางแผนไว้แล้วนี่ลูก และที่กลับมาเนี่ยก็เห็น เจ้าผันมันโทรไปบอกว่าเดี๋ยวนี้ เอ็งอู้ฟู่ใหญ่แล้ว ปู่ก็เลยมาดูกับตาเสียหน่อยน่ะ” ปู่พูดไปพลางลูบหัวหลานรัก แต่เสือน้อยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก!
เสือน้อยนึกขึ้นได้ จึงตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน “พ่อจ๋า แม่จ๋า…ปู่ย่ากลับมาแล้ว! ตื่นเร็ว!!” เสือน้อยตะโกนดังลั่น “…พอพ่อผันกับแม่ชบาที่นอนกอดกันอยู่ ก็ตื่นเต้นดีใจพ่อแม่กลับบ้านเสียที”
จึงรีบแต่งเนื้อแต่งตัวพากันวิ่งออกมาหา ส่วนนกแก้วก็วิ่งพรวดออกมานานแล้ว… เสือน้อยจึงแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ “จริง ๆ แล้วเขาเคยคุยผ่านโทรศัพท์เล่าให้ปู่กับย่าฟัง”
ย่าก็เหมือนจะเอ็นดูหลานสาวคนนี้ “ยัยนกแก้วตัวแสบก็ได้แต่พูดออดอ้อน” รอจนพ่อแม่มาถึงก็กอดทักทายกันอยู่พักใหญ่ ถามสารทุกข์สุกดิบ…
ชวนกันนั่งคุยกันอยู่นานสองนาน ปรากฏว่าปู่ย่าแค่แวะมาพักสักอาทิตย์เดียว “ประเดี๋ยวก็ขึ้นเหนือต่อ ลงมาเพราะอยากเห็นหน้าลูกหลานเฉย ๆ” พอได้ยินดังนั้นก็ทำเอาทุกคนยิ้มเจื่อนกันหมด
พ่อผันก็อดบ่นไม่ได้ แม่ชบาก็เช่นกัน …สองผู้เฒ่าก็เตรียมใจรับฟังคำบ่น ของครอบครัวไว้แล้ว แม่ชบาพูดขึ้นว่า “เงินเหลือเยอะมั้ยจ้ะ ขาดเหลืออย่าลืมบอกฉันนะจ๊ะพ่อแม่” ผันสามีก็พยักหน้าเห็นด้วย
เสือน้อยยิ่งตบอกเสียงดัง “มีอะไรต้องกลัว ประเดี๋ยวหลานรัก จัดการให้เอง!”
“เดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวให้ปู่กับย่าไปพักผ่อนก่อนเถอะน่ะพ่อแม่” เสือน้อยพูดแทรกขึ้น วันนี้ทั้งวันแม่ชบาก็ทำกับข้าวสุดฝีมือ นกแก้วก็มาคอยช่วยด้วย ส่วนพ่อผันก็รอ “พ่อแม่ตัวเองตื่น” เขามีเรื่องจะคุยกันเยอะแยะเลยแหละ
มื้อเย็นก็คุยกันสนุกสนานปู่ย่าบอกว่าที่เมืองเหนืออากาศดีมาก อยากชวนลูกให้ไปอยู่ด้วยเลย ส่วนเรื่องเงินทองพวกแกอยู่วัดปฏิบัติธรรม เงินทองไม่ได้ใช้อะไรเลย “แต่เสือน้อยพูดแทรกว่ามีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าพอจะใช้แล้วไม่มี”
คราวนี้เขาพูดขึ้นในฐานะผู้สืบสันดานโดยตรง ไม่อนุญาตให้ปู่กับย่าปฏิเสธเด็ดขาด…เสือน้อยพูดพรรณนา จนปู่ย่าปฏิเสธไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเล่นเอาเรื่องกตัญญู ศีลธรรมพูดจ้อไม่ยอมหยุด “ก่อนทั้งคู่จะยอมรับเอาไว้”
เสือน้อยก็ดีใจเขาก็บอกว่า “เดี๋ยวปู่ย่าก่อนจะกลับประเดี๋ยว ไอ้เสือน้อยคนนี้ จะพาไปเปิดบัญชี และทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ด้วยเลยดีกว่า!”
จากนั้นปู่กับย่าก็เล่าเรื่องที่ปฏิบัติธรรมให้ฟัง “อีกทั้งยังเล่าไปถึง…นายเม่นที่มาขอซื้อภาพวาดของผัน ว่าช่วยดูแลตามสมควรตามที่เอ็งฝากฝังเขาไว้ แถมยังชวนไปกินข้าวด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ที่บ้านเขา” ปู่ย่าผลัดกันพูดบรรยาย
พอถึงคราวเสือบรรยายบ้าง “ก็คุยโวบอกปู่ย่าว่าช่วงนี้ทำอะไรอยู่ เรียนเป็นอย่างไงบ้าง แถมชี้เจ้าควายทองสุขให้ดู...ปู่ย่าก็หัวเราะชอบใจ”
ช่วงเวลาดี ๆ ก็มักจะล่วงเลยผ่านไปไวเสมอ
จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่ปู่กับย่าบินขึ้นเหนือ เสือน้อยยังอดหยอดไปสองสามคำ หลายวันก่อนเขาพาปู่กับย่าไปเปิดบัญชีใหม่ ทั้งยังกดเงินสดให้ปู่กับย่าติดตัวไว้เพิ่มด้วย…
พ่อผันก็ขับรถไปส่งที่สนามบินดอนเมืองด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก
พอปู่ย่าจากไปพ่อผันก็ดูเหมือนจะคิดถึงอยู่เนือง ๆ หลายวันหลังจากนั้น ก็ยังโทรถามเช้าโทรถามเย็น
“เขายังไม่ลืมโทรไปขอบใจ ‘นายเม่น’ เศรษฐีเมืองเหนือที่ช่วยดูแลพ่อแม่ของเขา” ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันเรื่องภาพวาดที่ซื้อมา
เขาบอกช่วงนี้ปล่อยของให้คนอื่นได้ราคามาดีเชียวล่ะ…ยังไม่ลืมขอซื้อภาพวาดจากผันรูปใหม่
พ่อผันก็ตกปากรับคำ “ถ้าได้คิวเดี๋ยวผมโทรไปหาคุณเองเลย!”
...…
ธุรกิจที่เสือน้อยวางแผนไว้ ก็เริ่มพอจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว
ทั้งงานก่อสร้าง ทั้งการรับสมัครพนักงานเพื่อที่จะเตรียมคนเอาไว้…
ส่วนที่จะเสร็จก่อนคงเป็นร้านสะดวกซื้อที่อยู่แค่หน้าบ้านนี่เอง เขาเปิดเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง และเหตุผลที่ฟังดูบ้า ๆ บอ ๆ เช่น ด้วยเหตุผลเพราะเบื่อปากของแม่ค้าร้านขายของชำแถวบ้าน
“แต่ความจริงแล้ว…เขาต้องการที่กระจายสินค้า เหมือนที่คิดไว้ในตอนไปเดินบูทงานเมืองทอง” ส่วนเหตุผลอื่น ๆ แค่เอามาเสริมให้มันดูเยอะขึ้นก็เท่านั้น!
แต่จะสร้างทั้งทีเผื่อไว้ในอนาคตขยายสาขาได้ใครจะไปรู้? เสือน้อยจึงเลือกสร้างให้ดี ๆ ไปเลย…แน่นอนทีมก่อสร้างเดิมงานล้นมือ
พ่อผันจึงไปขวนขวายหาบริษัทใหม่ผ่านทางลุงสิน เพราะคนในวงการเดียวกันย่อมรู้จักกัน เสือน้อยก็ฟังมาบ้างพวกรับเหมาก่อสร้างงานชุ่ย ๆ ชอบทิ้งงาน ดังนั้นเรื่องพวกนี้เสือน้อยระมัดระวังเป็นพิเศษ
“เขาว่าฟังผู้รู้ ดูผู้เฒ่า นั้นได้ผลนักแล” เสือน้อยก็ต้องสืบเสาะคนที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่เอาแค่สั่งอย่างเดียวผู้นำที่ดีเสือเรียนรู้มาว่าต้องลงมือทำให้ลูกน้องเห็น ต้องซื้อใจลูกน้องได้ ลูกน้องจึงจะทำงานถวายหัว…
“เหมือนเช่นหลักการปกครองคนในสามก๊ก ผู้นำขี้ระแวง ผู้นำโง่เขลาแต่มีอำนาจ ผู้นำพาลูกน้องไปทำเรื่องโง่ ๆ” เสือน้อยดูผ่านในละครและนำมาใช้ในชีวิต…
ลุงถิ่นสถาปนิกใหญ่ย่อมหนีไม่พ้นรับงานเสือน้อย…
สำหรับลุงถิ่นแกต้องมาสำรวจพื้นที่ด้วยตนเองก่อนกลับไปร่างแบบที่บริษัทฯ พร้อมลูกน้อง เสือน้อยเพียงแค่บอกสิ่งที่อยากได้ พร้อมความเรียบหรูดูแพง ในแบบที่เข้าถึงได้ สีต้องไม่ไปตรงกับคู่แข่ง ทั้งยังให้ออกแบบโลโก้ แถมช่วยดูชื่อให้ด้วย ตั้งยังไงให้ “มันดังให้มันโดน”
หลังจากโยนงานและมอบหมายงานเสร็จสิ้น…เสือน้อยก็เข้าสู่วิถีประจำวัน
...
หลังจากเปิดใจคุยกันมากขึ้นตั้งแต่เปิดเทอมมา เสือน้อยก็มักจะเดินควงเหมือนฝัน ออกหน้าออกตา ทำเอาเพื่อน ๆ ในกลุ่มแซวอิจฉากันยกใหญ่ เขาเองก็ยิ้มดีใจ
ในมุมมืด…พียืนมองด้วยสายตาอาฆาต เพราะว่าโดนแมวคาบไปกิน ทุกคนรู้ดีว่าเทอมก่อนพีกำลังดูใจอยู่กับเหมือนฝัน แต่ตอนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าเสียแล้ว เพื่อนบางคนก็แซวพีจนเจ้าตัวอยากจะชกปาก
หากติดที่เรื่องที่ก่อไว้ยังไม่ซามันจะกลายเป็น “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกเสียก่อน” หลังจากได้รับบทเรียนมาสองครั้งสองครา เขาจึงรู้จักควบคุมอารมณ์มากขึ้น
ถึงขาดเหมือนฝันไป ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปเลย แต่กลับยิ่งมีคนมาชอบมากยิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีพันธะ จนตอนนี้เขากำลังควงสาวรุ่นพี่ ม.3 ที่ดุเด็ดเผ็ดมันมาก ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็ยิ่งเข้ากันได้ดียิ่งขึ้น รุ่นพี่ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ‘จิตดี’ ซึ่งเป็นคนมากล้นเสน่ห์
จิตดีไม่ได้ด้อยไปกว่าเหมือนฝันเลย สำหรับความน่ารักของเธอ ทั้งยังมีเพื่อนร่วมรุ่นคอยจีบอยู่ไม่ขาด
‘พี’ ก็ได้เธอมาด้วยการจีบแย่งผู้ชายคนเก่าของเธอ จึงทำให้เกิดเรื่องบาดหมาง แต่ว่าคราวนี้เขานัดกันไปชกกันที่ข้างนอกโรงเรียน เพราะผู้ชายที่โดนแย่งรู้สึกรับไม่ได้ คล้ายถูกรุ่นน้องเดินมาตบหัวต่อหน้าผู้คนมากมาย
ความหวานที่เปล่งประกายออกมาจากทั้งเสือน้อยและเหมือนฝัน คล้ายกับดวงตะวันอันแรงกล้า ที่ตกกระทบสายตาบรรดาขาเม้าท์มอยทั้งหลาย
ทำให้คนบางคนทั้งยินดีและอิจฉา คนที่ชอบเสือน้อยก็มีไม่ใช่น้อยที่เห็นว่าได้คนขยันทำมาหากิน ส่วนบางคนก็อิจฉาที่ ‘ไอ้ลูกแมว’ มันได้หล่อนไปควง…
เพื่อนร่วมกลุ่มก็งง ๆ กับความสัมพันธ์ของทั้งสอง “โดยเฉพาะมะปราง…ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเลือกเสือน้อย แทนที่จะเป็นนายพี หากเป็นเธอจะต้องเลือกนายพีแน่ ๆ ทั้งหล่อกว่า รวยกว่า…” ในความคิดของเธอ
ส่วนตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอก็เริ่มระหองระแหงกับพี่ธร รุ่นพี่ที่เข้ามาแย่งจีบเธอไปจากเสือน้อยเมื่อปีก่อน
ทุกวันเวลาที่ผ่านมา ทั้งคู่หมั่นเติมความหวานให้กันอยู่พอเหมาะพอเจาะ ทั้งไปกินข้าวดูหนังตามประสาคนดูใจกันทั่วไป เสือน้อยเริ่มรู้จักเธอมากยิ่งขึ้น
บางครั้งเธอก็เล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง เช่น แม่ทำงานเป็นนายหน้าพาและหาคนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกรุงเทพฯ
ส่วนพ่อของเธอก็เปิดร้านขายค้าวัสดุก่อสร้าง ถือได้ว่าเป็นเจ้าใหญ่ในเมืองปทุมทีเดียวเชียว
เหมือนฝันบอกว่า “แม่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ เพราะแม่บินไปกลับอังกฤษบ่อยมาก เพราะต้องติดต่อนักเรียนและโรงเรียนที่อยู่ที่นั่น”
ส่วนตัวเธอเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอวาดฝันว่า “ถ้าโตขึ้นอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เช่น เรียนต่อหรือว่าทำงาน”
แน่นอนว่าเสือน้อยก็เล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้ฟัง ทั้งพ่อเป็นจิตรกรวาดภาพชื่อดัง แม่เป็นแม่ค้าขายกับข้าว
ส่วนพวกเรื่องที่เขาเปิดร้านโน่นนี่นั่น ก็ไม่ได้พูดเสียเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเบี่ยงประเด็น หรือไม่ก็ตอบไปแบบคลุมเครือ
วันนี้เสือน้อยก็ได้นัดเธอไปซ้อมเต้นรำที่บ้าน หลังจากที่เปิดเรียนมาได้เดือนกว่า ๆ แล้วจึงสบโอกาส ซึ่งตัวเขาได้นัดเธอไว้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว
เด็กสาวที่กำลังจะไปบ้านผู้ชายเป็นครั้งแรก ในใจก็ลอบตื่นเต้น เธอจับมือของเสือน้อยไว้แน่น ยิ่งเดินยิ่งกุมแน่นขึ้น ด้วยความประหม่าของเธอเอง
แต่เสือน้อยก็บอกว่า “ที่บ้านไม่คิดอะไรมาก…”
ส่วนแม่ชบารู้ตั้งแต่วันก่อนแล้วว่า เสือน้อยจะพาแฟนมาบ้าน มาซ้อมเต้นลีลาศพร้อมกับนกแก้ว วันนี้เธอจึงนั่งวางมาดแม่ผู้แสนใจดี ที่พร้อมจะใช้รอยยิ้มเชือดเฉือนแฟนลูกชายคนนี้ เธออยากดูเสียจริงว่าจะน่ารักเสียแค่ไหนเชียว ที่ทำให้เจ้าเสือน้อยมันหลงรักหัวปักหัวปำ
แน่นอนว่าวันนี้ครูโจ้ก็มาสอน ส่วนเจ้ายักษ์-ใหญ่สมุนซ้ายขวา กลับมาก่อนนานแล้ว และก็ตอนนี้กำลังเต้นคู่อยู่กับนกแก้ว
เสือน้อยพาเหมือนฝันค่อย ๆ เดินเข้ามาในบ้าน ระหว่างทางก็แนะนำโน่นนี่นั่นไปตามระเบียบ “สำหรับเหมือนฝัน ตอนนี้กลายเป็นว่า ‘ถามคำตอบคำ’ ด้วยเพราะความตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกับผู้หลักผู้ใหญ่ ครอบครัวของเสือน้อยในไม่กี่อึดใจ”
แต่ทันทีที่เหยียบเข้าบ้าน เธอก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศร่มรื่น ที่แผ่ซ่านออกมาจากพืชไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ใหญ่ยืนต้นไม้ประดับ
ในบ้านให้ความรู้สึกต่างจากบริเวณรอบบ้านเขาอย่างสิ้นเชิง เสียงเพลงลูกกรุงบรรเลงมาคลอเคลียมาตามสายลมเย็น ที่พัดโชยเข้ามาจากโดยรอบทั้งต้นไม้และแม่น้ำ ให้ความรู้สึกร่มรื่น สดชื่นเป็นอย่างมาก
เสือน้อยจึงจับมือเธอ…เดินไปหาแม่ชบาที่คอยอยู่ด้านบน!
-------------------
อย่าลืมกดติดตาม แสดงความคิดเห็น หรือว่า...กดหัวใจ
เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับ