ตอนที่ 36 ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าร้อง (2)
ตอนที่ 36 ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าร้อง (2)
….
ผลสรุปออกมาก็ยังไม่พ้นนายพีอยู่ดี เพราะแกนนำทั้งสี่ได้ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันนั่นแหละคือตัวการ…ซึ่งพวกเขามีรูปภาพของนายพีด้วย” จึงยืนกระต่ายขาเดียวเช่นกัน
ก่อนที่จะเลิกเรียนผลก็ออกมาจากที่ทุก ๆ ฝ่ายประชุมกัน พวกนักเรียนฝ่ายปกครองที่ไม่ยอมสารภาพ มีมติเชิญไปเรียนที่อื่น เพื่อไม่ให้เสียประวัติครูนัยนาอธิบายว่า “ถ้าเกิดถูกไล่ออกก็จะเสียประวัติไปสมัครที่อื่นไม่ได้…”
“ส่วนคนที่ซัดทอด และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุด ก็แค่จะถูกตัดคะแนนจิตพิสัย ส่วนคนที่ให้การไม่มีประโยชน์ก็โดนพักการเรียน หรือเชิญออก” ทาง ผอ.ให้ทางเลือก “ไม่มีการรอลงทัณฑ์บนสำหรับพวกเธอ”
“ส่วนนายทิดเชิญออกสถานเดียว” ซึ่งในตอนแรกฝ่ายแกนนำไม่ยินยอม…ต้องการให้ไล่ออกสถานเดียว
แต่ครูนาก็ได้พูดขอร้องไว้ โดยบอกว่า “เผื่ออนาคตไว้ ถ้าเกิดพวกเธอทำผิด ก็คงหวังจะได้ไปแก้ตัวใหม่”
“ส่วนนักเรียนทั้งหมดที่มาร้องเรียน จะได้คะแนนจิตพิสัยคืนให้ทั้งหมด” ผอ. ขอไว้แทนนักเรียนทุกคนที่ต้องโทษ แกนนำทั้งสี่ทำทีว่าตัดสินใจไม่ได้จึงเดินออกไปคุยกับรุ่นน้องหน้าห้อง “...ถ้าคะแนนคืนมาก็ยังดีวะอย่างน้อยก็ไม่ต้องบวช!” เด็กรุ่นน้องในกลุ่มพูดขึ้น
ผอ.นัยนา พูดต่อ “นายทิด ยอมรับผิดมั้ย?” เจ้าตัวก็พยักหน้ารับโดยไม่บ่ายเบี่ยง
“ส่วนนายพีมีคนรับผิดแทนเธอ แต่โทษก็ยังมีอยู่ ครูจึงขอสั่งพักการเรียนเธอหนึ่งเทอม หรือถ้ารับไม่ได้ก็เชิญออก…เธอสามารถเลือกได้” พีหนุ่มน้อย ที่คิดว่ารอดแล้วแต่ปรากฏว่าก็ยังไม่พ้นผิดอยู่ดี
ทว่าวันนี้จึงต้องยอมรับไปก่อน “ผ…ผะ…ผมยอมรับครับ แต่ถ้าผมจะขอยื่นอุทธรณ์มันจะเป็นไปได้มั้ยครับ? เพราะกรณีนี้ผมโดนขู่นะครับครู!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน
กลุ่มครูจึงหันหน้ามาปรึกษากัน มีครูคนหนึ่งพูดว่า “เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายเราแค่ฝ่ายเดียว…ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทั้งสี่ที่เป็นแกนนำมาร้องเรียนด้วย เพราะอีกฝ่ายมีรูปถ่ายและคลิปเป็นหลักฐานดังนั้น’ ครูว่าอาจจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง สำหรับกรณีของเธอ!”
....
พอสิ้นสุดวันนั้น พวกนักเรียนทุกคนต่างก็กลับบ้านด้วยความสนอกสนใจกับเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้น ผอ.นัยนารู้ดีว่าไม่นาน ก็ต้องมีคนสืบเสาะจนได้ จึงได้ชิงประกาศออกมาทางเสียงตามสายเสียก่อนเพื่อระงับข้อสงสัย
“อย่างที่ทราบกันดีวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น...ครูไม่อยากให้ทุกคนด่วนสรุปและคาดเดากันไปส่งเดช ดังนั้นจะขออธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของ นักเรียนปกครอง...” จากนั้น ผอ. ดึงความสนใจของทุกคนไปที่เรื่องนักเรียนปกครองแทน และจบลงด้วยทางโรงเรียนได้ดำเนินการกับพวกเขาแล้วเรียบร้อย
ในมุมหนึ่งของโรงเรียนผู้คนกำลังสุมหัวนินทากันอยู่ “แม่งโคตรเลว เหมือนพวกตำรวจยัดยาเลย ไม่น่าแปลกใจที่โรงเรียนจะเชิญออก”
“ไอ้เหี้ย! นี่แม่งเล่นกันแบบนี้เลยเหรอวะ…ไอ้พวกนักเรียนปกครอง!” พวกผู้ชายหลายคน พูดสนทนาถึงหัวข้อร้อนประเด็นดัง
“ส่วนพวกนักเรียนที่ได้คะแนนจิตพิสัยกลับคืนมา ก็คล้ายปลากระดี่ได้น้ำ” และทาง ผอ. ก็ได้ขอไว้อย่าได้กระจายข่าวไม่ดีออกไป ซึ่งทุกคนต่างก็รับปาก พวกเขาอดภูมิใจไม่ได้ที่ก่อเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมมีการคุยโวกันบ้างเล็กน้อย
…
เมื่อพีกลับถึงบ้าน...
พ่อจับไม้เรียวฟาดก้นพีทันทีที่กลับถึงบ้าน ทำเอาเจ้าตัวร้องโหยหวน เขาด่าเสียงเกรี้ยวกราด “ไอ้ลูกเลววัน ๆ ก่อแต่เรื่อง มึงคิดบ้างมั้ยวะ? สมองมึงมีไว้คั่นหูหรือไง? มึงขาดเงินขาดทองถึงขนาดไปยัดบุหรี่ขายเลยเหรอ ไอ้ลูกเวร!” ส่วนไม้เรียวในมือก็ยังไม่หยุดฟาด
จนแม่ต้องเข้ามาห้ามปราม ร้องห่มร้องไห้ไหว้ขอแทนลูก “...สักพักลูกน้องคนสนิทก็ขับรถ พานายทิดลูกชายตัวเองมาพบ”
พาทีพูดเชิญขอโทษ “ขอบใจเอ็งมากไอ้ทิด น้าได้ติดต่อขอย้ายโรงเรียนให้เอ็งแล้ว ส่วนเรื่องเงินค่าทำขวัญน้าจะไม่ให้ขาดสักบาท เอ็งก็ด้วยไอ้ไทม์” เขาขอบคุณสองพ่อลูกจากใจ ที่เป็นแพะรับบาปแทน
เพราะถ้าลูกชายกลายเป็นขี้ปากเพราะถูกไล่ออก ชื่อเสียง สจ. ที่สะสมมาคงหมดกัน
แม่ของพีถามขึ้นว่า “แต่ทางโรงเรียนก็ยังพักการเรียนลูกอยู่นะ...”
พาทีผู้เป็นพ่อพูดขึ้น “อันนี้ไม่ยากแต่ คุณคงต้องจ่ายเงินเสียหน่อย เพื่อทำเรื่องอุทธรณ์” เขาหันไปทางภรรยาตัวเอง
“เท่าไหร่ฉันก็ยอม ไม่อยากให้ลูกเสียประวัติ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
จากนั้นเองพาทีก็ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ ผอ. เพื่อเตรียมการขอเข้านัดพบ
……
วันถัดมาหลังเกิดเหตุ…
สจ.พาที เข้าพบผู้อำนวยการ ทั้งคู่สนทนาถึงความเป็นไปได้ที่จะขอลดโทษ เขาไม่ปิดบังแม้กระทั่ง “ผมยินยอมบริจาคเงินสร้างอาคารเรียนด้านหลัง ถ้าทางโรงเรียนให้โอกาสอุทธรณ์”
ผอ.นัยนา รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกผู้ปกครองมักจะมาไม้นี้กันหมด ส่วนตัวเธอเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะว่าหลักฐานที่นำมาของนายพีไม่ได้มากอะไร
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสี่แกนนำยังเก็บเอาไว้อีก
“สมมติถ้าผ่านอุทธรณ์ ทางแกนนำนักเรียนทั้งสี่คนก็คงจะเอาความ ด้วยการแจ้งความนะคะ” ครูนัยนาเตือน
“เป็นไปได้มั้ยที่ผมจะขอพบนักเรียนทั้งสี่เพื่อเยียวยาและชดเชย ผมขออาสาเจรจาด้วยตัวเอง และจะไม่มีการข่มขู่ใด ๆ ทั้งสิ้น” สจ.พาทีเสนอ
พอได้ยินดังนั้น ผอ.นัยนา จึงตอบรับนัดทั้งสี่คน ให้มาคุยกันหลังเลิกเรียน
……
และในระหว่างนั้นเสือน้อยก็นั่งคุยอยู่กับแกนนำทั้งสี่ “ตามที่ตกลงกันไว้ส่วนแบ่ง 10 : 90 แล้วถ้าเกิดไม่ถึงสองแสนห้า ก็ไม่ต้องยอมเข้าใจมั้ย ใครหักหลังรู้ดีนะว่าจะเจอกับอะไร?” เสือน้อยหรี่ตามอง
“อยู่ดี ๆ ได้เงินเป็นหมื่น ถ้ารู้สึกว่าไม่พอใจพูดได้นะ...” เขาได้เตรียมพวกสายสืบแฝงตัวเป็นแกนนำ ทั้งรูปภาพ ทั้งคลิปหลักฐานต่าง ๆ เขาเป็นคนนำออกมาส่วนพวกสี่คนตรงหน้าได้แต่ออกหน้าเท่านั้น ทุกอย่างอยู่ภายใต้แผนการของเขา ส่วนเขาเหมือนขงเบ้งนั่งอยู่ในกระโจมคอยวางแผน
“เข้าใจ! อยู่ดี ๆ ก็ได้เงินเป็นหมื่น แถมคะแนนจิตพิสัยกลับคืนมา พร้อมกับความสะใจ ลาภลอยแบบนี้ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว” อีกสามคนก็พยักหน้า ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำตามแผนที่เสือน้อยวางไว้
ภายในใจก็หวาดกลัวอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดหักหลังกันก็คงมีหวังโดนหนักกว่านี้หลายสิบเท่า
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อไอ้คนที่ทำให้ทั้งโรงเรียนปั่นป่วนวุ่นวาย มันอยู่แค่ ม.2 เท่านั้น!”
แล้วก็เป็นดังคาด “พาทีขอพบแกนนำโดยเสนอเงินให้ พร้อมทั้งขอให้หยุดเอาความ กับนายพีและห้ามร้องเรียน” ตอนนี้มีผู้ปกครองทั้งสี่ ซึ่งเป็นคนที่เสือน้อยจ้างมาอีกทีมีหน้าที่แค่เซ็นรับเงิน
สจ.พาที ใจป้ำกว่าที่เสือน้อยคิดไว้มาก “ให้คนละสามแสนห้าหมื่นเลย เพื่อยุติการแจ้งความ” เสือน้อยได้ยินผ่านโทรศัพท์ที่เปิดลำโพงไว้ของสายสืบ
เสือน้อยที่คล้ายกุนซือ คอยสั่งการอยู่ “คิดไม่ถึงว่าจะใจป้ำขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่เรียกราคาสูงกว่านี้อีก เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูเขาเสียหน่อย เอาแค่สมน้ำสมเนื้อก็พอ”
ทางพาทียังขอให้พวกเขาหยุดคนอื่น ๆ ไม่ให้ไปแจ้งความ หนึ่งในสี่คนพูดว่า “คนอื่น ๆ แจ้งความไม่ได้หรอกครับ หลักฐานอยู่ในมือพวกผมที่เป็นแกนนำ”
ซึ่งพอได้ยินดังนี้ก็ทำเอาพาทีโล่งใจ
พาทีจึงเสนอเงินเพิ่มให้พวกเขาอีกเล็กน้อย “ตกลงตามนี้นะ…ถ้าใครผิดสัญญาเจอดีนะบอกก่อน!” เขายังไม่ลืมขู่ก่อนจากไป
ก่อนผู้ปกครองสวมรอยคนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า “แต่ลูกคุณมันก็แสบใช่เล่นนะครับ เตือน ๆ มันบ้างก็ดี....” จากนั้นสจ.พาทีก็ผงกศีรษะแสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว
หลังจากไปพวกเขาทั้งหมดก็ไปหาเสือน้อย “หลังจากนั้นก็จัดการแบ่งเงิน ให้ทั้งแปดคนตามที่ตกลง” หนุ่ม ม.ปลายทั้งสี่ ได้คนละสามหมื่นห้าพันบาทกลับบ้าน พวกเขาหน้าชื่นตาบาน ยังไม่ลืมหันมาหาเสือน้อยพร้อมพูดว่า “ถ้ามีงานแบบนี้เรียกพวกเขาได้เลย…”
ส่วนอีกสี่คนที่ปลอมตัวเป็นผู้ปกครองก็เอาไปคนละสองพันบาท…ก่อนที่จะแยกย้ายกันจากไป
-------------------
ก็ต้องมานั่งนับเงินกันไป ฮึฮึ