ตอนที่ 37 นกร้อง ต้อนรับการกลับมา ของเดทแรก
ตอนที่ 37 นกร้อง ต้อนรับการกลับมา ของเดทแรก
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์…
พีรพัฒน์ก็ได้กลับมาเรียน ส่วนเรื่องอุทธรณ์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะว่าหลักฐานไม่เพียงพอ แต่โดยมากเพราะทั้งสี่แกนนำไม่เอาความต่อ “นั่นคือประเด็นหลัก”
ทางโรงเรียนจึงตัดจิตพิสัยห้าสิบคะแนนปิดเทอมเขาต้องบวช ส่วนเพื่อดำเนินการ ยื่นเรื่องอุทธรณ์พ่อก็เสียค่าสร้างตึกด้านหลัง ให้กับทางโรงเรียนเป็นเงินก้อนใหญ่
ผอ.นัยนา ไม่รับสินบนใด ๆ ทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ จึงทำให้เสือน้อยรู้สึกนับถือจากใจจริง
พีบอกกับพวกเพื่อน ๆ ว่า “พอดีเขาบินไปต่างประเทศกับครอบครัว” ยังไม่ลืมเอาของฝากปลอม ๆ มาให้เพื่อนด้วย มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องเขาถูก ผอ.เรียกไปพบ เพราะว่าตอนเกิดเหตุ ก็ถูกสั่งให้อยู่แต่ในห้องหรือละแวกห้อง
ส่วนลูกหาบที่พากันไปร้องเรียนได้ความสะใจไปแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่า…เขาคือตัวตั้งตัวตี “รู้เพียงแต่ว่าตัวการชื่อทิดอยู่ ม.5” ซึ่งถูกจัดการแล้วจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก
ในระหว่างนี้คนที่หายไปส่วนใหญ่เป็นนักเรียนฝ่ายปกครองที่โดนเชิญออก “พีจึงจำต้องหาเรื่องแก้เกี้ยวมาให้ตัวเอง!”
“ยักษ์-ใหญ่” สองลูกน้องสนิทมือซ้ายขวาของเสือน้อย ถามลูกพี่เขาด้วยความสนอกสนใจที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดว่า “พี่รู้ได้ไงว่าพ่อมันจะเอาเงินมายัด?”
“รู้ได้ไง? แล้วมันจะมีกี่วิธีวะ ถ้าเป็นกูก็ทำแบบนี้แหละใช้เงินปิดปาก” เสือน้อยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ยักษ์บ่นในใจพี่เสือแม่งได้มาล้านกว่าบาท ทำเอาเขาอึ้งเหมือนกัน “สมองพี่มันคิดไกลไปถึงไหนวะนั่น” ทำให้ความเลื่อมใสเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าหนึ่งตัว
ส่วนกระเป๋าตอนนี้ใกล้จะปิดเทอมแล้วก็ปล่อยออกไปได้เกือบหมด เหลือไว้แค่อีกหนึ่งร้อยใบเอาไว้ปล่อยเทอมหน้า รายได้จากการขายกระเป๋าก็พุ่งทะยานหลายล้านบาทเช่นกัน
ทางด้านที่ดินที่ซื้อไว้ก็ให้พ่อคอยคุมงานที่ดินต้องหลายสิบแปลง เคยเป็นที่นาซึ่งกว้างมาก ดังนั้นค่าก่อสร้างจึงเยอะตาม เสือน้อยจึงรีบพยายามหาเงินเข้าไว้ ส่วนรายได้เล็กรายได้น้อยเขาก็ไม่ได้ปล่อยไป ถือคติว่า “กินน้อย ๆ กินนาน ๆ”
วันนี้เสือน้อยก็แวะไปหาเหมือนฝัน ยังไม่ลืมโบกมือทักทายมะปราง
“ฝันเราเอาขนมมาฝากมีทั้งช็อกโกแลต เห็นวันก่อนอยากอ่านหนังสือนิยายเรื่องนี้ เราผ่านไปพอดีจึงแวะซื้อมาให้!” ตั้งแต่ต้นจนจบเขาเพียงแค่มองไปที่เหมือนฝัน พร้อมกับรอยยิ้มละไม ส่วนทางด้านมะปรางเขาแค่โบกมือทักทายเท่านั้น
เสือน้อยยังเห็นขนมจอมปลอมของไอ้พี ที่บอกว่าเอามาจากเมืองนอก ซึ่งตัวเขาเองก็ได้แต่แอบหัวเราะในใจ
....
พอกลับบ้านไปเห็นครูสอนเต้นลีลาศเขาก็งงงวยก่อนไหว้ทักทาย “ครูโจ้มาหาใครหรือครับ?”
“อย่าบอกนะว่าแม่ชบาจะให้เขาลงแข่งเต้นลีลาศอีกแล้ว” เด็กหนุ่มคิดเตลิดไปไกล
เห็นสีหน้าซีดของหนุ่มน้อย ครูโจ้ก็อดขำไม่ได้ “ไม่ได้มาหาเธอหรอกจ้ะ…เจ้าเสือน้อย”
และไม่นานก็เห็นแม่เดินจูงมือนกแก้วออกมา…มันก็ทำให้ตัวเขาก็ถึงบางอ้อในทันที
ทั้งยังแอบหัวเราะเยาะในใจ “โดนสอนเต้นแล้วสินะ” เสือน้อยส่งยิ้มจาง ๆ ให้นกแก้วยัยตัวป่วน
เพราะว่าทุกวันนี้เจ้าหล่อนพยายามเลียนแบบเขา โดยเอาหมูปิ้งไปยืนขายหน้าโรงเรียนยืนเป็นมาสคอต…แต่ก็ทำได้ดีทีเดียวเชียว เพราะหน้าตานกแก้วก็น่ารักน่าเอ็นดูเรียกลูกค้าเก่ง เลียนแบบป้าชบาของเธอมา!
“ขอตัวก่อนนะครับครู…” เสือเตรียมไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ก่อนจะได้ยินเสียงของแม่ชบาดังไล่หลังมา “นี่…พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาเป็นคู่เต้นสอนน้องด้วยนะ”
เขาอุทานเสียงหลง “อะไรนะแม่!?” คล้ายกับว่ามีฟ้าผ่าใส่หัวกลางวันแสก ๆ
แม่ชบาพูดดักคอ “ก็น้องไม่มีคู่เต้น มาซ้อมเป็นเพื่อนน้องไม่ได้หรือไงฮะ ทำไมจะขัดใจแม่เหรอจ๊ะลูกเสือน้อย!?” รอยยิ้มพิฆาตที่ส่งมาก็ทำเอาเด็กหนุ่มเสียวสันหลังวาบ
“ได้จ้ะแม่...” เขาฝืนยิ้มรับ ช่วงนี้คุยกับแม่ต้องออดอ้อนเอาใจเป็นพิเศษ…ถ้าตั้งบริษัทก็ต้องหวังให้แม่ช่วยดูช่วยคุมแทน อีกอย่างแม่ดูแลบัญชีรายรับรายจ่ายให้เสือน้อย ส่วนมากเขามาคิด ๆ แล้วก็โยนงานให้ลูกน้องทำเสียมากกว่า
ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปเปลี่ยนชุด และก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมกับออกมาเตรียมเต้นกับยัยตัวเปี๊ยกนกแก้ว
เขาแอบเขกมะเหงกลับหลังแม่ ทำเอาเจ้าหล่อนบ่นอุบหันมาหยิกพี่ชายตัวดี
“ตอนเด็ก ๆ น้าชม้อยไม่ให้กินนมหรือไงทำไมตัวเตี้ยจังฮะ!” เขาลูบหัวแกล้งน้องสาว
นกแก้วก็ต่อยเข้าท้องเสือน้อยเต็มแรง “นี่แน่ะ” ดีที่มีกล้ามเนื้อคอยรับแรงกระแทก แต่เขาก็ยังไม่ทันตั้งตัวอยู่ดีทำเอาเสือน้อยจุกกุมท้องอยู่ครู่หนึ่ง “ยัยตัวแสบก็บ่นอะไรไม่รู้” แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาเจ็บ!
“คุณหนูไปเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ” พี่นางเรียก
จากนั้นเขาก็เต้นกับยัยตัวเปี๊ยกที่พึ่งตั้งไข่ ส่วนแม่กับครูโจ้ก็ดูอยู่ห่าง ๆ “ดีมากลูกเต้นแบบนี้แหละ”
เสือน้อยก็บ่นขึ้นมา “แม่เดี๋ยวช่วยไปเรียกไอ้ยักษ์-ใหญ่มาทีสิ พอดีมีงานจะให้มันทำ…”
แม่ชบาก็ขานรับก่อนหยิบโทรศัพท์โทรไปหาลูกสมุนซ้ายขวา เมื่อมาถึงเสือน้อยก็สั่งการนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนเขาจะกลับไปเต้นรำแต่โดยดี
วันต่อมาในตอนบ่ายหลังเลิกเรียน เสือน้อยก็ให้ไอ้ยักษ์-ใหญ่สองคน มายืนประกบข้างตอนกลับจากโรงเรียน ส่วนทางแม่ชบาที่รออยู่นานแล้ว เธอก็เตรียมน้ำเตรียมท่า พร้อมกับพวกขนมนมเนย รอให้ครูโจ้มาสอนที่บ้าน
“แม่เสือหาคู่เต้นมาให้ยัยนกแก้วได้แล้ว…” ก่อนชี้ไปที่สองคน เพราะทั้งสองคนเคยเรียนเต้นมาพร้อมกับเขา จึงถือเป็นคู่เต้นที่เหมาะสมที่สุด
เด็กหนุ่มยังไม่ลืมพูดต่อไปว่า “แม่เต้นยาว ๆ ไปได้เลย เหนื่อยก็เปลี่ยนคนเอานะ”
เสือน้อยพูดเสร็จเขาก็วิ่งจากไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบ เขาวิ่งไปให้อาหารเจ้าควายทองสุข วันก่อนที่เขาจ้างไอ้ยักษ์กับไอ้ใหญ่ให้มาช่วยเต้นหน่อย ค่าแรงดีเชียวกับสองคนนี้เสือน้อยไม่เคยงกอยู่แล้ว
หลังจากนั้นนกแก้วก็เต้นคู่กับยักษ์-ใหญ่สลับกันไป พอเห็นสีหน้าอมทุกข์ของยัยนกแก้ว
เสือน้อยก็พลันมีความสุขขึ้นมาที่ได้แกล้งน้องสาว “ไม่สิไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่ต่างหากล่ะ!” เขาแอบหัวเราะเยาะในใจ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
แม่คงอยากได้ลูกสาวมานานแล้วเห็นได้จากลูกหมี และพอนกแก้วก็เป็นเช่นเดียวกันเลย แม่ชบาเล่นจับใส่ชุดสวยแต่งเต้นลีลาศ ยังมีของพวกตุ๊กตาเสื้อผ้าที่ สามป้าหลาน ชบา ลูกหมี นกแก้ว ชอบไปเดินปิงตามห้าง
สำหรับนกแก้วแล้วยิ่งอยู่นาน เธอก็ยิ่งชอบบ้านหลังนี้ เธอจึงออดอ้อนป้าของเธอให้ไปนอนเป็นเพื่อนอยู่เป็นประจำ
...…
เหมือนฝันรู้สึกว่าช่วงนี้เสือน้อยดูแปลก ๆ วิ่งมาหาเอาอกเอาใจบ่อย ๆ แม้จะคิดกันแค่เพื่อนแต่นานวันเข้า “...น้ำหยดทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน”
ส่วนนายพีมีข่าวลือปล่อยมาถึงหูเธอว่า ที่พวกคณะกรรมการนักเรียนฝ่ายปกครองถูกเชิญออก เพราะมีพีชักใยอยู่เบื้องหลัง…อีกทั้งยังใช้เส้นสายพ่อให้รอดมาอีก “เรียกได้ว่าคนอื่นตายหมดยกเว้นหัวหน้าแก๊ง!”
ข่าวที่กระเด็นกระดอนมาเข้าหูเธอทีละนิดทีละหน่อย ก็ไม่ใช่จากใครที่ไหนอื่น แต่ว่าเป็นเสือน้อยซึ่งทยอย ๆ ฝากคนอื่นไปบอก…แน่นอนว่า “ถ้าเป็นเขาไปพูดเอง อีกฝ่ายมีหรือจะเชื่อ!”
ทำให้พักนี้เหมือนฝันกับพีดูไปด้วยกันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ยิ่งคราวก่อนที่เพลงขวัญมาเตือนเธอตรง ๆ เธอก็ฝากเพื่อนสืบอยู่ได้ไม่นานก็เห็นจะเป็นจริงดังคาด
ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ระหองระแหง เริ่มกลายเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น จนปิดเทอมนายพีพยายามรุกหนัก หมายมั่นปั้นมือว่าจะเผด็จศึกเธอให้ได้…จึงลวงเธอมาคุยที่ห้างก่อน และพยายามจับโน่นจับนี่อย่างถึงเนื้อถึงตัว แต่หญิงสาวก็ลุกหนีได้ทัน
ในหลายครั้งเขาพยายามพูดอ้อม ๆ ว่า “ขอมีอะไรกับเธอด้วย เพราะว่ารักเธอมาก แถมยังปฏิญาณอีกว่า จะใส่ถุงอย่างดิบดี…”
พอพีพูดแบบนี้บ่อย ๆ เข้าก็ทำให้เหมือนฝันรู้สึกอึดอัด และเริ่มไม่ชอบใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะหลงใหลเขาในรูปร่างหน้าตา และชื่อเสียงของการเป็นนักกีฬาดาวเด่นประจำโรงเรียนก็ตาม “ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น…เธอก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา!”
พอปิดเทอมได้ไม่กี่วันทั้งคู่ก็ทะเลาะกันยกใหญ่ ก่อนที่จะบอกเลิกกันไป โดยเหมือนฝันเป็นคนเอ่ยปากพูดเอง
แต่ทว่าในใจของเธอเองก็เสียใจมากเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตัดใจจากคนที่เธอชอบได้
อีกอย่างเพราะมีคนคอยเลื่อยขาเก้าอี้อยู่เนือง ๆ และนั่นก็คือเสือน้อย ตัวเขาไม่ได้อยากเอาคืนไอ้ทรพีเพื่อความสะใจเพียงอย่างเดียว
แต่พยายามดึงมันออกไปจากชีวิตเธอด้วย “เขาต้องการปกป้องเหมือนฝัน เพราะเธอเป็นนางในฝัน คนในฝันของเขามาตั้งแต่แรกพบอยู่แล้ว...”
พอเสือน้อยรู้ข่าวก็กระเหี้ยนกระหือรือ ออกนอกหน้าเป็นอย่างมาก ด้วยกลัวเวลาไม่คอยท่า หลังจากปล่อยให้เธอพักหายใจหายคออยู่พักใหญ่ ๆ เสือน้อยก็ได้โทรไปหลอกถาม “เหมือนฝันโสดแบบนี้...เราก็จีบเธอได้แล้วนะสิ?”
“แล้วที่ผ่านมาเธอไม่ได้จีบเลยเหรอ!?” เหมือนฝันพูดน้ำเสียงดูหยอกเย้าเล็กน้อย และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ตลอดช่วงปิดเทอมทั้งคู่ก็คุยกันผ่านโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งวันหนึ่ง…เสือน้อยก็นัดเหมือนฝันออกมาดูหนังใหม่เข้าโรง ความรู้สึกตื่นเต้นเกิดขึ้นในหัวใจเด็กหนุ่มอีกครั้ง เพราะครั้งล่าสุดเสือน้อย เข้าโรงหนังพร้อมมะปรางมันก็ทำเอาเลือดลมสูบฉีด เพราะมะปรางเอาเนินอกมาแนบแขนของเขา
วันนี้เหมือนฝันแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เสื้อยืดเอวลอยมองดูคล้าย “แคทรียา อิงลิช” ในวง 2002 ราตรี เอวคอดกิ่ว ผิวสวยเนียนตา จับคู่กับกางเกงยีนทรงทาทายัง และรองเท้าผ้าใบสีขาว ดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
อย่าว่าแต่เสือน้อยที่ตะลึงลานเลย ขนาดผู้ชายคนอื่นเห็นยังต้องเหลียวหลังกลับมามอง หุ่นของเธอถ้าประเมิน และจากมุมมองของครูโจ้ เธอก็คงเหมาะที่จะส่งเข้าประกวดเต้นลีลาศเป็นอย่างมาก
เสือน้อยที่ตะลึงค้าง…ตาไม่กะพริบ จวบจนเธอเดินมายืนอยู่ต่อหน้าแล้วก็ตาม เหมือนฝันต้องหยิกแขนเขาทีหนึ่งกว่าจะสะดุ้งตื่นจากภวังค์ได้
“ส…สวัสดี” นี้เป็นคำพูดแรกที่สมองของเขาพอจะคิดออกได้
พอรู้ว่าไม่เข้าทีจึงเบี่ยงประเด็นไปชมเรื่องแต่งตัวสวย “นี่…ถ้าครูสอนเต้นลีลาศเรามาเห็นฝัน คงอยากจับฝันทำเป็นนักกีฬาส่งประกวดแน่ ๆ” เสือน้อยพูดขึ้นด้วยความจริงใจ
ทว่าเหมือนฝันก็ตะลึง “เสือน้อยเรียนเต้นลีลาศด้วยเหรอ?” เธอถามขึ้นอย่างสนอกสนใจก่อนนั่งสบตามองด้านข้าง
“ใช่! ถูกแม่บังคับให้เรียนน่ะ...” จากนั้นเสือน้อยก็สาธยายความเป็นมาเป็นไป ระหว่างนี้ก็จับจ้องดวงตาคู่งามของเธอ สีหน้าสีตาบอกว่าเธอให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พอเล่าถึงการแข่งขันเสร็จ “เหมือนฝัน” ก็เหมือนจะตื่นเต้นไม่น้อย เสือน้อยจึงถามไปว่า “ฝันก็เรียนเต้นเหมือนกันหรือ?”
เธอก็พยักหน้า “ใช่เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว…ตอนแรก ๆ แม่ก็บังคับ แต่พอไปดูเขาแข่งเต้นตอนเด็กก็รู้สึกชอบมันมาก ๆ ทุกวันนี้แม่ยังให้ไปเรียนเต้นอยู่เลย” จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย… “ถึงขั้นนัดไปซ้อมเต้นที่บ้านกันด้วย”
“ที่บ้านเรากำลังจ้างครูสอนเต้น…มาสอนน้องสาวเราอยู่ ไว้ถ้าว่าง ๆ ไปจับคู่เต้นกันสักเพลงมั้ย?” เสือน้อยเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ ส่วนเหมือนฝันก็พยักหน้าตอบ
“ความฝันเราคือลงแข่งเต้นลีลาศสักครั้ง หรือไม่ก็เป็นคนเต้นเปิดฟลอร์” เธอนึกถึงภาพการแข่งขันกีฬา ที่ดูผ่านโทรทัศน์ ซึ่งบรรดาหนุ่มสาวที่เดินควงคู่ออกมาเต้นเปิดงาน “คล้ายกับในนิยาย จากนั้นก็มีคนตามมาสมทบ…”
เธอคิดว่านั่นคือความฝันอย่างหนึ่งของเธอ จึงเล่าเรื่องให้เสือน้อยฟังอย่างไม่มีปิดบัง
พออยู่ในโรงหนังเสือน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่าม เสือน้อยนั่งหนังอยู่ดูตามปกติ หากแต่ว่ามันก็พิเศษตรงที่มีสาวสวยมานั่งอยู่ด้วยกันกับเขา ทำเอาเจ้าตัวชื่นใจจะแย่อยู่แล้ว ยิ้มแก้มปริตลอดเวลาที่ดูหนัง แลดูมีความสุขมากเป็นพิเศษ
หลังจากเสือน้อยกับเหมือนฝันดูหนังจบ ก็พากันไปกินข้าวตามปกติ และก็พากันไปเดินเที่ยวห้างซื้อของ
โดยมากเหมือนฝันมักเลือกเข้าร้านขายนิยาย เพราะเป็นกิจกรรมที่เธอชอบมาก ๆ ยามว่างใน ยุคที่ไม่มีอะไรทำ
“ทั้งแฮรรี่ พอตเตอร์” ที่เป็นนิยายสุดโปรดของเธอ ทั้งนิยายรักของ นักเขียนนามปากกาดัง ๆ ช่วงนี้เธอติดนิยายรักตบจูบ เช่น จำเลยรัก สวรรค์เบี่ยง พวกนิยายตบจูบ เธอนั้นชอบนักแหละ แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน เพราะคิวหนังสือที่ต้องอ่านของเธอก็ได้วางแผนไว้เป็นลำดับ ๆ ไป
เวลาอยู่ในร้านหนังสือกับเธอ เสือน้อยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเธอมากนัก…เขาเลือกบางเล่มที่น่าสนใจเก็บเอาไปฝาก “ลูกหมีกับยัยตัวเปี๊ยก เช่น แฮรี่ หรือไม่ก็เพอร์ซีย์ แจ็กสัน จะได้ลดเวลามาป่วนเขาให้น้อยลงบ้าง ส่วนของลูกหมีเห็นเธอเปรย ๆ กับเพื่อนที่ร้านอาหารแม่ชบาว่าอยากได้แต่ยังไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อ”
ในมุมของเขาที่สนใจก็คือ “พวกหนังสือหมวดธุรกิจ ทำยังไงถึงจะรวย เล่นหุ้นอย่างมืออาชีพ ทักษะความเป็นผู้นำ หนังสือจากประสบการณ์” เสือน้อยชอบพวกนี้เสียมากกว่า และส่วนใหญ่ก็จะจ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งแน่นอนว่าเป็นของตัวเขาเอง
เด็กหนุ่มยังออกหน้าจ่ายให้เหมือนฝันด้วย “นี่...อยากได้อะไรหยิบเลยประเดี๋ยวเราจ่ายให้!” เดทแรกมันก็ต้องสร้างความประทับใจให้หน่อยสิน่า
เหมือนฝันกะพริบตา เธอยักคิ้วหลิ่วตา มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ป๋านักเหรอเราอะ?”
เสือน้อยเกาหัว เขายืนระบายยิ้มอธิบาย “เอ่อ....ก็พอมีบ้าง เงินเก็บเราเอง”
จากนั้นเหมือนฝันก็แกล้งหยิบหนังสือที่เล็ง ๆ ไว้ใส่ตะกร้า ความจริงเธอเตรียมเงินที่แม่ให้ไว้พอที่จะซื้อหนังสืออยู่แล้ว แต่ก็แค่พยายามแกล้งเสือน้อยเท่านั้น
เธอคิดว่า “เสือน้อยลำบากหาเงินทุกวัน ไม่อยากเบียดเบียนเสือน้อย หรือคิดจะเอาเปรียบเขาเลย!”
พอเห็นของในตะกร้าเสือน้อยก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร ก่อนที่จะบอกกับพนักงานว่า “แยกเป็นสองถุงครับ”
ตะกร้าของเขาก็เต็มไปด้วยหนังสือธุรกิจ กับนิยายที่ซื้อให้ลูกหมีกับนกแก้ว
ส่วนของเธอกลับเป็นนิยายล้วน ๆ เสือน้อยใช้บัตรรูดไม่ได้มีปัญหาอะไร เหมือนฝันเอ่ยปากแทรกขึ้นมาว่า “เฮ้ย! เสือน้อยเราพูดเล่น…เราเตรียมเงินมาไว้ต่างหากแน่ะ” เธอมองค้อนเสือน้อย เพราะไม่ทันการพนักงานรูดบัตรไปเสียแล้ว!
เสือน้อยจึงหันมายิ้มแห้ง ๆ “ไม่ทันแล้ว แต่ไม่เป็นอะไรหรอกเงินเก็บเรา อีแค่นี้มันไม่ได้มากมายเท่าไรนัก ไปขายหมูปิ้งสักหลาย ๆ วันก็ได้เงินกลับคืนมาแล้ว!” เสือน้อยปลอบใจสาวสวยว่าไม่เป็นอะไรเลย
….
จากนั้นเสือน้อยก็อาสาหิ้วของให้กับเธอ อีกทั้งยังพาเธอเดินเข้าร้านเสื้อผ้าอีกต่างหาก ก่อนจะซื้อเสื้อให้เธออีกหลายตัว
ตัวเหมือนฝันเริ่มสงสัยเสียแล้ว “ครอบครัวเสือน้อยเป็นแบบไหนกัน? ทำไมถึงให้เงินลูกใช้เยอะจัง หรือพวกของที่เอามาขายทุกวัน มันได้กำไรดี...ถึงพอเหลือกินเหลือใช้ขนาดนี้!?”
แน่นอนเธอรู้ว่าคนอื่นเรียกเสือน้อยว่าอะไร เช่น “มาสคอตประจำโรงเรียน” หรือ “พ่อค้าขายหมูปิ้ง”
ตอนที่มะปรางคบหาดูใจกับเสือน้อย เธอก็ได้ยินได้ฟังมาเยอะเช่นกัน!
-------------------
ถ้าชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ อยากลืมกดแชร์ บอกต่อ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับ : )