บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 19 เกมชิงบัลลังก์ของจ่าฝูง (1)

ตอนที่ 19 เกมชิงบัลลังก์ของจ่าฝูง (1)

เสือน้อยเข้ามาเรียนได้เกือบสองเดือนแล้ว เขาก็ทำตัวเป็นปกติสุข และสนิทอยู่กับเพื่อนสี่คนในกลุ่มเวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ในโรงเรียนก็มักจะเป็นเสือน้อยที่ชี้นำ…

เสือน้อยเป็นเด็กตั้งใจเรียนในห้อง เพราะเขาขี้เกียจที่จะต้องมานั่งอ่านหนังสือ หรือตามไปลอกการบ้านเพื่อน โดยมากเขาก็มักทำทันทีที่มีเวลา หรือตอนเล่นเกมอยู่ นั่งเพลิน ๆ ทำไปเล่นเกมไป

เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก นอกจากเพื่อนสนิทสี่คน เพราะเพื่อนในห้องเยอะเกินไปจริง ๆ จึงแบ่งกันเป็นก๊ก เป็นเหล่า

ช่วงนี้หลังจากเล่นเกมกับเพื่อนได้ไม่นาน เสือน้อยก็ขอตัวกลับบ้านไปเลี้ยงควายตัวน้อย ด้วยความเป็นห่วงมัน บวกกับตื่นเต้นที่ได้เลี้ยงควาย พ่อผันผู้มีความสามารถอันเลอเลิศในการตั้งชื่อ ก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่า “ทองสุข”

ทั้งร่ำรวย ทั้งสุขใจ นี่คือความหมายที่พ่อนิยาม ทันทีที่คิดชื่อได้

เสือน้อยก็ยิ้มแห้ง ๆ “…กับเรานี้ใช้แค่ตุ๊กตาแถมตั้งแต่เด็กก็ถูกล้อเรื่องชื่อมาหลายปี ตั้งแต่ประถม...กระทั่งขึ้นมัธยมมันก็เหมือนจะเริ่ม ๆ มีตั้งเค้าว่าจะกลับมาอีกแล้ว”

สำหรับวัยเด็กแล้วสิ่งที่ควรเก็บเป็นความลับมากที่สุดก็คือชื่อพ่อชื่อแม่มันคือสมบัติอันล้ำค่าที่จะลดทอนการถูกล้อเรียกชื่อพ่อชื่อแม่ ทว่าสำหรับเสือน้อยแล้ว ชื่อพ่อชื่อแม่เขามีคนรู้จักกันมากอยู่แต่ไม่ยักจะเห็นใครเรียก! “กลับเป็นชื่อของเขาที่กลายเป็นปัญหา!”

ในระดับชั้นเดียวกัน ชื่อที่เด่นสะดุดตาแบบนี้ ก็ได้กระจรกระจายไปทั่วแล้วถึงเพื่อน ๆ ร่วมชั้น ม.1 ทั้ง 14 ห้อง รุ่นพี่บางคนก็ยังเคยได้ยินเลย…

ครั้นเวลาอยู่โรงเรียนเสียงร้อง “เหมียวๆ” มักจะดังอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะพวกเพื่อนในห้องเรียน เวลาที่เขาเดินเข้าห้องเรียนมา พวกกลุ่มที่ไม่ชอบขี้หน้าเขาก็จะพร้อมใจกันร้องเลียนแบบเสียงแมวขึ้นมา สำหรับเสือน้อยก็คุ้นชินอยู่บ้างตอนเด็ก ๆ พอขึ้นมัธยมดูเหมือนการกลั่นแกล้งจะหนักกว่าเก่า โดยเฉพาะไอ้เปรมกับไอ้วา

เปรมเป็นคนสูงใหญ่ สูงกว่าคนวัยเดียวกันมากนัก หากแต่ความละอ่อนบนใบหน้ายังคงบ่งบอกอายุได้เป็นอย่างดี…ส่วนวาเด็กหนุ่มผิวดำคล้ำใบหน้ากวนโอ๊ย เข้าเรียนมาได้ไม่นานก็เริ่มออกลายไถตังค์เพื่อน

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า จึงเข้าขากันได้เป็นอย่างดี และนิสัยก็ย่ำแย่พอกัน

พวกเขากลายเป็นหัวโจกประจำห้อง โดยมีลูกสมุนเดินตามก้นอยู่เกือบสิบกว่าคน ชอบกลั่นแกล้งเพื่อนทั่วทั้งห้องเรียน หญิงชายไม่มีเว้น ส่วนคนที่ทำตัวหงิม ๆ หน่อยก็จะถูกแกล้ง “โดยเฉพาะเด็กเรียนหน้าห้อง…ที่แยกออกไปอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะเป็นเด็กตั้งใจเรียน”

เด็กห้าสิบกว่าคนมาอยู่ด้วยกัน ย่อมต้องแบ่งกลุ่มก๊วนไปตามนิสัยของตัวเอง ผู้หญิงใครก๋ากั่นหน่อยก็รวมตัวกัน ใครรักเรียนเด็กเรียบร้อยก็จะอยู่ด้วยกัน “เป็นอย่างงี้เรื่อยไปทั้ง 14 ห้อง ไม่มีความแตกต่าง”

ส่วนกลุ่มของเสือน้อยก็เป็นพวกสนุกสนานเฮฮา นิยามได้ว่า ‘เป็นพวกขำขัน’ พากันไปเล่นเกม หรือชอบนั่งมองสาวสวยทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ อะไรที่เจริญหูเจริญตา มองมาก ๆ หน่อยไม่เห็นจะเป็นไร

แตกต่างจากกลุ่มของเปรม-วาที่พร้อมจะหาเรื่องคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะกับกลุ่มของเสือน้อย ด้วยเป็นคนที่ทำตัวสงบเสงี่ยม เรื่องไหนที่ยอม ๆ ได้ก็ยอมกันไป “แต่เขาไม่ลืมนับครั้งเวลาโดนแซวโดนล้อแบบนี้ และทุกวันนี้ก็ใกล้ครบสามครั้งแล้ว!”

กลุ่มของเขาก็มี “สิงหา ต่าย เอส สมชาย และตัวเขาเอง” นิสัยก็ไปในทำนองเดียวกัน แตกต่างกันบ้าง ทว่าก็อยู่ร่วมกันด้วยดี เสือน้อยกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มโดยปริยาย เพราะว่าการบ้านเป็นจุดสำคัญ ซึ่งพวกเพื่อนในกลุ่มมาขอลอกในทุกเช้า

....

หลังจากพักเที่ยงในวันหนึ่ง…

คาบบ่ายก็ได้เริ่มขึ้น แต่เห็นว่าครูติดประชุม ทว่ากลับให้ไปนั่งรอที่บนห้องเรียนโดยสงบ ไม่ปล่อยผีเหมือนวิชาอื่น ๆ …เสือน้อยกับพวกที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องก็โดนกลุ่มเปรมที่นั่งอยู่ก่อนพูดหยอกล้อ เป็นทำนองเชิงท้าทาย

ทุกวันนี้หัวหน้าห้องคือผู้หญิงคนหนึ่งหล่อนชื่อเมธาวีชื่อเล่นเมย์พูดไปก็แปลกในห้องมีคนชื่อเล่นเมย์อยู่สามคนด้วยกัน ส่วนใหญ่เธอจึงถูกเรียกว่า “เมย์หัวหน้า” ซึ่งเป็นคนแจ้งข่าวครูประจำวิชาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบ

ดูเหมือนกินอิ่มแล้ว พวกมันไม่มีอะไรทำกลุ่มของเปรม-วาจึงเดินมาเท้าโต๊ะเสือน้อย พร้อมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ทำท่าทียียวนกวนประสาท ก่อนที่วาสุเทพจะพูดขึ้นว่า “เฮ้ย! กูได้ข่าวว่ามึงเก๋าเหรอ?”

เพื่อนรอบด้านเริ่มเห็นว่าบรรยากาศไม่ดี เพราะใจจริงทุกคนก็รู้อยู่ว่า พวกเขาห้าคนไม่ยอมศิโรราบให้กลุ่มหัวโจก ที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ “ดังนั้นวันนี้ เกมชิงบัลลังก์จึงได้เริ่มต้นขึ้น!”

สุภาษิตว่า “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” สำหรับพวกเขาแล้ว จัดการเสือน้อยก็เป็นเหมือนเครื่องมือที่ใช้เพื่อแสดงอำนาจ ใช้เพื่อเป็นการข่มขวัญเหยื่อผู้อ่อนแอ

เสือน้อยเงยหน้ามอง เขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องทำนองนี้ “สำหรับเสือน้อยที่เป็นพวกบ้ากำลัง ถ้าจะพูดถึงใครในห้องที่ชื่นชอบใช้ความรุนแรง คงไม่พ้นเขา…หากแต่เขาเรียนรู้ที่จะเก็บงำประกาย ไม่ให้มันเด่นสะดุดตาก็เท่านั้น!”

“เพราะว่าไม้ที่เด่นเกินพงไพร ย่อมต้องต้านทานรับแรงลมฝน” หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่า “อย่าเด่นจะเป็นภัย” นั้นเหมาะกับเขานักและ

“เอ่อ…ก็พอตัวนะ!” เสือน้อยยิ้มตอบแบบกวน ๆ คนรอบข้างสะดุ้ง บรรยากาศเริ่มระอุขึ้นมาทันที เสือน้อยลุกขึ้นยืน “กูก็ได้ยินมาบ้างนะว่าพวกมึงไม่ชอบกู...แต่ว่ากูก็อยู่ของกูเฉย ๆ ไปหาเรื่องพวกมึงตอนไหนวะ?”

เปรมตอบ “แค่ไม่ชอบขี้หน้ามึงแค่นี้พอไหม ถ้าจะให้หาเหตุผลก็เป็นเพราะมึงขี้เก๊กอะ!” อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาร้องเหมียว ๆ ยั่วอีกฝ่าย อีกฝ่ายไม่สนใจทั้งยังส่งยิ้มกลับคืนมาให้ “และที่กูไม่ชอบที่สุดก็คือ เวลาที่มึงยิ้มบอกตรง ๆ”

เสือน้อยเลิกคิ้วข้างหนึ่งพูด “แค่เนี่ย…?” ภายในใจของเขาก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตนได้ทำผิดตรงไหน จึงตอบไปตามสัตย์จริง “กูยิ้มให้พวกมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว ถ้าเอารองเท้าปามันจะเป็นยังไงวะ...พวกมึงบ้าหรือเปล่า?” เขาพยายามอธิบาย

“ถ้าปารองเท้าใส่พวกกู? มึงก็คงได้เละคาตีนของพวกกูนี่แหละ” น้ำเสียงดุดันของเปรมเริ่มดังขึ้น

“เละคาตีนพวกมึง?” เสือน้อยหัวเราะ “ยังไม่ลองจะรู้ได้ไงวะ…ว่าใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่า?” เสือน้อยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป “เอาไงดีล่ะ? จะเอาตรงนี้เลยหรือที่ไหนดี พวกมึงเข้ามาพร้อมกันสองคน เลยกูต่อให้” เขาฉีกยิ้มสองมือกอดอก

เพื่อน ๆ ร่วมห้องสงสัยไอ้หมอนี่มันไปเอาความกล้ามาจากไหน? ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร?

เสือน้อยตัดบท “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน...พวกมึงไปเจอกันซอยข้างโรงเรียน เดี๋ยวเรียนเสร็จไปกันเลย!” เสือน้อยหันไปมองเพื่อน ๆ ร่วมห้อง

สองเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินดังนี้จึงโกรธเพราะคำว่า “เข้ามาพร้อมกันสองคน!” นี่มันไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยนี่หว่า! “ได้...เดี๋ยวมึงเจอกู” ก่อนจะหันไปขู่ใส่เพื่อนร่วมห้อง “ใครปากดีเอาไปฟ้องครู...เจอกูแน่!” วาสุเทพพูดจาข่มขู่

....

หลังจากได้เวลานัดหมาย ทั้งสองฝ่ายก็เดินตามกันมา ฝ่ายเพื่อนร่วมห้องที่อยากรู้อยากเห็นก็ตามมาด้วยกันเกือบทั้งห้องเสือน้อยบอกให้เพื่อนช่วยยืนกระจาย ๆ ตัวกัน เพื่อที่จะได้บังไม่ให้คนอื่นเห็นเหตุการณ์

เสือน้อยแสยะยิ้ม “มาเลย…เข้ามาพร้อมกันเลยพวกมึงอะ!” เขาบอกพวกมันตามตรง

“นี่มึงพูดเองนะ” จากนั้นเปรมก็พุ่งปรี่เข้าไปหาเสือน้อยก่อน แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเสือน้อยถีบกระเด็นออกมา

ส่วนทางด้านวาได้เตรียมจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้า กลับถูกเสือน้อยเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที ก่อนจะถูกสับศอก ย้อนกลับเข้าที่ลำตัวอีกฝ่าย

วาสุเทพจุกจนเอามือกุมท้องไว้ เพราะตอนนี้ตัวเขาแทบจะสำรอกออกมา

“นี่มันเรี่ยวแรงราวกับควายชัด ๆ” มีคนบ่นขึ้น

พอเปรมลุกขึ้นได้ ก็เดินตั้งท่าเข้ามาหาเขา…อย่างพอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง

แต่เสือน้อยกลับรุกเข้าหา “ประดุจหมาป่ากระโจนใส่เหยื่อ” เขาจับแขนที่พึ่งออกหมัดมาของอีกฝ่ายกำไว้แน่น ก่อนจะปล่อยหมัดเสยเข้าที่ปลายคาง ทำเอาเลือดซึมออกจากจมูกและปาก

ทางด้านวาที่โดนสับศอกไว้ยังไม่ทันหายดี เขาเจ็บจริง ๆ ที่บริเวณชายโครงกระดูก

เสือน้อยยังเตะข้อพับ ที่ขาขวาของอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่วงลงไป ตัวเขาเองอารมณ์ไม่ดี และก็เขาไม่เคยปรานีคู่ต่อสู้ จึงได้เตะเข้าชายโครงอีกฟากหนึ่งของวา พร้อมพูดเสียงดังขึ้นว่า “ลุกขึ้นมา!”

-------------------

ดูเหมือนเส้นทางสู่หัวโจก หัวหน้าแก๊งอันยิ่งใหญ่ “มันจะเริ่มต้นจากตรงนี้หรือเปล่า!?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel