ตอนที่ 10 ความทรงจำครั้งวัยเยาว์
ตอนที่ 10 ความทรงจำครั้งวัยเยาว์
หลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเสือน้อยก็เดินลงมา ‘ในชุดนอนลายหมี’ ที่แม่ซื้อไว้ให้เขาใส่เต็มตู้เสื้อผ้า…
วันแรกของการเรียนก็ผ่านไปเช่นนี้ ดูเหมือนจะยากสำหรับเขา ส่วนการบ้านในวันแรกไม่มีอะไรพิเศษ ลำพังเพียงแค่เช็กชื่อก็แทบจะหมดเวลาเรียนไปเกือบ 1 ใน 3 อยู่แล้ว นี่ยังไม่นับรวมการเดินจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่งด้วยซ้ำ
การบ้านจากโรงเรียนไม่มี แต่การบ้านจากพ่อผันที่มอบให้ไว้เขานั้น มีเยอะ...แถมเยอะเชียวล่ะ…
เสือน้อยเดินออกมาจากห้องนอน เตรียมไปที่โต๊ะกินข้าว กิจกรรมของครอบครัวที่สำคัญก็คือต้องมากินข้าวกันพร้อมหน้า
หลังจากแม่มาสก์หน้าเสร็จก็มานั่งรอเขาอยู่นานแล้ว อาหารของแม่แปลกแยกไปจากคนอื่น ส่วนใหญ่มักเป็นผักสีเขียว เนื้อไก่ฉีก เรียกได้ว่ากินคลีนสุด ๆ รักษาสุขภาพ
“ส่วนของเขากับพ่อก็เป็นอาหารทั่ว ๆ ไป ที่แม่ทำไว้ให้…”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง...พ่อก็เดินออกมาจากห้องซ้อม พร้อมกับแม่บ้านคนหนึ่งชื่อพี่นาง แม่ชบารับเข้ามาทำงานหลังจากเสือน้อยอายุ 2-3 ขวบ เพราะยายไหมแม่บ้านวัยชรา หมดเรี่ยวแรงเสียแล้ว จึงขอเกษียณอายุตัวเองอยู่กับหลาน ๆ ที่บ้าน
ดังนั้นจึงรับคนใหม่มาสองคนเป็นทั้ง ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ ควบกับตำแหน่ง ‘แม่บ้าน’ คอยดูแลงานทั่ว ๆ ไปช่วยกับพี่แหม่ม
พอพ่อมาถึงทุกคนก็นั่งจัดแจงเข้าที่ของตัวเอง แม่บ้านทั้งสองคน ก็นั่งกินข้าวด้วยกันไม่มีแบบในละครไทย ที่แม่บ้านเป็นคนรับใช้ต้องนั่งแยกกินข้าวในห้องครัว เพราะที่นี่อยู่กันแบบครอบครัวอย่างแท้จริง!
“เป็นไงบ้างล่ะ เรียนวันแรก?” พ่อถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“เรื่องเรียนก็ไม่มีอะไรมากพ่อ...แต่วันนี้น่ะ เจอสาวโคตรน่ารักเลยพ่อ ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ” เสือบรรยายเหตุการณ์เล่าให้พ่อฟังด้วยความตื่นเต้น ปกติพ่อลูกมักเปิดใจพูดกันตรง ๆ อยู่แล้ว เขากับพ่อแทบคุยกันได้ทุกเรื่อง แม่ก็ถามสอดแทรกบ้างเป็นบางครั้ง “ส่วนใหญ่เธอจะฟังสามีกับลูกชายตัวดีคุยกัน”
“น่ารักขนาดนั้นเลยเหรอ?” พ่อผันถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ… ปกติแล้วเจ้าเสือน้อยก็ไม่ได้บ้าผู้หญิงเสียเท่าไหร่? “แล้วที่บอกรวบรวมความกล้าสิบสามปีเพื่อเดินไปถามชื่อ สรุปแล้วเธอชื่ออะไรล่ะ!?”
เสือน้อยตอบอย่างฉะฉาน “เธอชื่อเหมือนฝันเหมือนตอนที่เสือเจอเลยพ่อ..ที่เล่าไปตะกี้ เพลงมันดังเข้ามาในหัวเองจริง ๆ นะ” เสือร้องเพลงคลอให้ฟัง
♪ “ฉันคิดว่าฝันกลางวันทันทีที่เห็นเธอ ฉันนึกว่าเจอนางฟ้า…ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไม่อาจหลบสายตา มองแต่เธอไม่หยุด เพ้อสุดสุด เกือบลืมหายใจ นี่เธอดูดีไปหรือเปล่า หรือเดินออกมาจากฝันของใคร…” ♪
แม่ชบาแอบบ่นในใจ “ไปเรียนวันแรกก็ติดสาวเสียแล้ว หน็อยแน่ไอ้เสือน้อย เดี๋ยวได้เจอดี!” เธอไม่แสดงท่าทีอะไรรอจนสองพ่อลูกคุยกันเสร็จ ค่อยมัดจับรวบทีเดียว “ฮึ! น่าแพ่นกบาลนักเชียว”
“อ๋อวง Basher ดนตรีเขาแน่นดีนะ เพลงเพราะติดหูเยอะเหมือนกัน” พ่อเกริ่นขึ้น “แต่จะให้อย่าลืมเพลงพี่ป้อม-พี่โต๊ะล่ะ” พ่อยังไม่ลืมสนับสนุนศิลปินคนโปรดของตัวเอง
“โถ่! พ่อก็ตอนนั้นเพลงมันดังขึ้นมาในหัวเองจริง ๆ มันมาจากจินตนาการ มาจากห้วงลึกของจิตใจ” เสือน้อยเริ่มสาธยายพร้อมใส่อารมณ์อธิบาย มีมาดคล้ายจิตรกร ที่กำลังละเลงผลงานภาพวาดของตัวเองอยู่…
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เขาได้รับสืบทอดมาจากพ่อของเขาเอง “เล่นใหญ่ ไว้ใจผม” เสือน้อยคิดทำนองนี้มาตั้งแต่เด็ก เวลาอยู่กับพ่อเขาพูดคุยกันทุกเรื่อง และหลากหลายทัศนคติก็ได้รับอิทธิพลจากพ่อมาเป็นส่วนใหญ่
“ส่วนของแม่ชบา เสือน้อยก็ได้รับสืบทอดมาไม่น้อยเหมือนกัน…แต่มาเป็นแบบที่เขาไม่รู้ตัว!”
แม่กระแอมเล็กน้อย “กินข้าวก่อนดีมั้ย?”
จากนั้นเสือน้อยก็รีบเก็บอารมณ์ศิลปินที่พรั่งพรู กลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่หยุดประเดี๋ยวจะเจอเรื่องร้าย ๆ
“ได้จ้ะแม่!” เสือน้อยตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ส่วนแม่บ้านทั้งสองก็คล้ายจะชินกับพฤติกรรมของครอบครัวนี้แล้ว จึงฟังไปกินไป แต่จะว่าไปแล้ว คุณนายชบาแกก็ใจดีกับพวกหล่อนมากจริง ๆ เตรียมสำรับปิ่นโตอาหารไว้ เก็บไปฝากที่บ้านได้
โดยปกติมีอะไรพวกหล่อนมักจะเข้าข้างคุณนายเสมอ ก็แน่นอนล่ะ เพราะเธอใหญ่ที่สุดในบ้านยังไงล่ะ!
ทีนี้ถึงคราวแม่พูดบ้าง “นี่คุณบริษัทของเพื่อนคุณติดต่อฉันมา…ให้ไปตรวจสอบบัญชี ลองไปถามดูให้หน่อยสิว่า ทำธุรกิจสีเทา ๆ บ้างหรือเปล่า…ฉันจะได้ตัดสินใจรับหรือไม่รับ” แม่พูดเข้าประเด็น เพราะวันนี้มีสายโทรศัพท์ถึงเธอบอกว่าเป็นเพื่อนกับผันสามีของเธอ จะจ้างให้เธอเข้าไปตรวจบัญชีให้หน่อย
เสือน้อยฟังก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพราะทุกวันนี้แม่ก็ยังรับจ้างตรวจสอบบัญชีให้บริษัทต่าง ๆ “เห็นว่าเมื่อปีสองปีก่อน มีการออกกฎเกณฑ์ว่า…ทุกบริษัทจะต้องมีผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของบริษัท
ส่วนแม่ที่ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริม รองจากขายข้าวแกง เธอทำมาสิบกว่าปีแล้วก่อนที่ทางราชการจะออกข้อกำหนดเมื่อปีก่อน “ให้ขึ้นทะเบียนและต้องได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี” ซึ่งแม่ชบาก็ผ่านข้อกำหนดแบบสบาย ๆ ทีมของเธอเชี่ยวชาญด้านนี้นักแหละ
พ่อถามรายละเอียดเล็กน้อย ก่อนตกปากรับคำ...
จากนั้นพ่อก็ถามเสือน้อยว่า “ที่ให้ CD Box Set ไปดูได้ดูบ้างหรือยัง?”
เสือตอบเสียงแผ่ว “เอ่อ...กำลังจะดูอยู่พ่อ เนี่ยะเดี๋ยววันนี้นอนดูเลย” ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากดูหนังดูละครที่พ่อให้มามากนัก เพราะเห็นว่ามีเป็นชุด ๆ หลายสิบแผ่นกว่าจะจบ
ถ้าเป็นปกติเขาดูแผ่นสองแผ่นจบก็ว่าไปอย่าง “แต่นี่ 56 แผ่นแม่เจ้า! ดูละครเรื่องเดียว 56 แผ่นนี่ไม่เอียนจนตายเลยหรือ?”
แต่ปกติพ่อมักทำอะไรมีเหตุผลเสมอ…เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธ และตั้งแต่เด็กมา พ่อก็ได้สอนแนวความคิดหลากหลายให้กับเขา คำที่ติดปากแกเลยก็คือ “พ่อไม่มีอะไรให้ นอกจากความรู้!”
เรื่องเงินมรดกก็อย่าได้หวัง อยากได้ไปหาเอาเอง ถึงเวลาพ่อกับแม่ก็คงไปเที่ยวเหมือนปู่ย่า นั่นแหละ ดังนั้นตั้งแต่เด็กเสือน้อยถ้าอยากได้ของเล่นอะไรก็ต้องใช้แรงกายแลกมา ต้องช่วยแม่ทำกับข้าวหั่นผัก หั่นหมู ขายของถึงจะได้เงินมาอย่างยากลำบาก
แม่ชบาใช้ลูกชายอย่างเต็มประสิทธิภาพ บางครั้งก็หนักกว่าลูกจ้างของเธอเสียอีก กว่าเด็กน้อยจะได้เงินมาแต่ละบาท…มิใช่เรื่องง่าย!
พอเสือน้อยนึกถึงปู่ย่าขึ้นมา ในใจก็นึกขำทุกวันนี้ห้องของปู่กับย่า ถ้าไม่มีแม่บ้านสองคนอยู่ หยากไย่ใยแมงมุมคงขึ้นเต็มห้องแล้วล่ะมั้ง? “ล่าสุดเจอปู่กับย่าก็ปีก่อนเห็นว่ากลับจากเชียงราย และอยู่ปฏิบัติธรรมที่เมืองเหนือ ส่วนตัวเขาก็โทรไปหาบ้างเป็นบางครั้ง”
พอเห็นพ่อพูดเรื่อง CD ขึ้นมาเขาก็รีบกินรีบไปดู อยากรู้นักพ่อให้เขาดู เรื่องนี้เพราะว่าอะไร และทำไมถึงคะยั้นคะยอนักหนา หลังจากกินข้าวเสร็จเสือน้อยก็เดินเข้าห้องนอน ก่อนจะเปิดกล่อง Box Set ชุดใหญ่ ด้านบนปกเขียนว่า “สามก๊ก”
….
หลังจากกินข้าวเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายห้องใครห้องมัน
“เอาเวลาให้ลูกไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอพ่อ!?” แม่ชบาถามด้วยเสียงหวาน เธอไม่ค่อยเข้าใจความคิดของสามีเธอสักเท่าไหร่ เดาทางไม่ค่อยถูก
แต่นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของสามีเธอ ซึ่งทำให้เธอตกหลุมรักเขาเมื่อครั้งเรียนมหาลัย
พ่อตอบเรียบ ๆ “มันอาจมีประโยชน์ก็ได้ใครจะรู้ แต่ก็ดีกว่า…ให้ไปอยู่ค่ายมวยซ้อมมวยทั้งวันแหละน่า!”
“เออ...ก็จริงเนอะ!” พอพูดแบบนี้เธอก็เห็นด้วย เจ้าลูกชายตัวดีของเธอถ้าไม่ห้ามปราม ป่านนี้คงขึ้นสังเวียนเดินสายชกมวยไปแล้ว ครูมวยยังชมว่าเสือน้อยมีพรสวรรค์จึงอยากได้มาเป็นนักมวยในสังกัดใจจะขาด
แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ปฏิเสธเสียงแข็ง เรียนไว้แค่เอาไว้ป้องกันตัวน่ะพอได้ แต่ถ้าให้ขึ้นไปสู้ทุกอาทิตย์ คนเป็นแม่อย่างเธอคงไม่อยากเห็นเท่าไร อีกอย่างสองพ่อลูกนี้มีชนักติดหลังอยู่เรื่องชกมวย โดนเธอกำราบจนเข็ดไปหลายเดือน
แม่เริ่มจะออดอ้อนทำเสียงหวานกับคู่ชีวิตของเธอ…ทั้งคู่แค่มองตาก็รู้ใจกัน
...จากนั้นทั้งคู่ก็โน้มตัวลงนอน ปิดไฟหลอดใหญ่ เหลือไว้เพียงโคมไฟปลายหัวเตียง พวกเขาเริ่มเล่นผีผ้าห่มกัน หวานแหววอยู่ในห้อง
ส่วนตัวเสือน้อยก็กำลังนั่งดูสามก๊กแผ่นแรกอยู่ แต่ดูด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ทว่าพอดูไปได้หนึ่งตอนก็หยุดดูไม่ได้เลย จึงตามมาด้วยแผ่นที่สอง และแล้วแผ่นที่สามก็ตามมา จวบจนกระทั่งเที่ยงคืนกว่าเขาจึงเริ่มง่วงนอน ก่อนที่จะผล็อยหลับไป
....
พอรุ่งเช้าเสียงนาฬิกาดังขึ้น “กริ๊ง ๆ” ทำเอาเสือน้อยสะดุ้งตื่น แต่ว่าเมื่อคืนยังหลับไม่เต็มอิ่ม จึงหันไปกดหยุดนาฬิกาปลุก และนอนต่อ
จนแล้วจนรอด เมื่อเห็นเด็กหนุ่มไม่ออกมาเสียที แม่ชบาก็เคาะประตูเสียงดัง “ปัง ๆ” ก่อนตะโกนเสียงดัง “ไอ้เสือน้อย! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วจะไปไหมโรงเรียนน่ะ ประเดี๋ยวก็เข้าแถวสายหรอก!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมันเขี้ยว
พอเสือน้อยรู้ตัวว่าสายก็ดีดตัวลุกจากที่นอน พร้อมอุทานในใจ “ฉิบหายสายแล้ว!”
เขารีบกุลีกุจอวิ่งเข้าไปอาบน้ำ พร้อมตะโกนตอบแม่ว่า “เดี๋ยวแม่กำลังอาบน้ำ ยังทันอยู่” …อย่าได้เรียกว่าอาบน้ำ เขาแค่วิ่งผ่านน้ำดีกว่า สำคัญที่แปรงฟัน ถูสบู่จากนั้นก็เช็ดตัว ภายใน 2 นาทีก็กระโดดออกจากประตูห้องพร้อมกระเป๋าหนังสือที่จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แม่บ่นกระปอดกระแปด “นี่อาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำจ๊ะพ่อคุณ” เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ดมอยู่สองสามที ก่อนจะพยักหน้า “แปรงฟันหรือยัง?”
เสือน้อยตอบกลับทันที “แปรงแล้วจ๊ะ เรื่องที่แม่สอน ‘ไอ้เสือน้อยคนนี้’ ไม่ลืมหรอกน่า!” แม่ชบาเน้นย้ำเรื่องแปรงฟันตลอด ทั้งยังเตรียม ‘กล่องแปรงฟัน’ ใส่ในกระเป๋าไว้เพื่อที่จะไปแปรงที่โรงเรียนด้วย
เหตุผลก็ง่าย ๆ “ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ คนปากเหม็น เห็นคนฟันขาวใสยิ้มทีไรก็น่ามอง” ประโยคหลัง ๆ นี้เป็นความรักสะอาดของเธอ ที่ปลูกฝั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
แม่สวนทันที “ก็ทำให้มันได้จริง...ไป...ไปได้แล้ว เดี๋ยวเข้าแถวสาย” เธอยื่นเงินให้ลูกพร้อมกับบอกมีอะไรก็โทรมานะ เธออดส่ายหัวไม่ได้ มีเรื่องให้บ่นเยอะแยะ แต่ถ้าบ่นมากไปประเดี๋ยวไปสายไม่ทันเข้าแถวเช็กชื่อพอดี
เสือน้อยนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าโรงเรียน จากนั้นก็พุ่งปรู๊ดวิ่งเข้าโรงเรียนไปตามหาเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ ไปช้าประเดี๋ยวไม่ทันข่าวสาร
พอวิ่งมาถึงก็เห็นไอ้สิงหานั่งอยู่พร้อมกับผองเพื่อน นั่งกันเป็นแก๊ง 20 กว่าคน
สิงหาพูดขึ้น “ไอ้เสือน้อย…เมื่อวานไม่เห็นเอ็งเพิ่มเพื่อนข้าใน MSN มาเลยวะ! เนี่ยข้าเตรียมจะส่งเมลของเหมือนฝันให้เอ็ง…แต่ไม่เห็นเอ็งเพิ่มเพื่อนข้ามาสักที!” เขาอดบ่นไม่ได้ แต่เพราะตัวเขาเอง ก็ดันเผลอไปกดลบเบอร์ของเจ้าหมอนี่ด้วยส่วนหนึ่ง มิเช่นนั้นคงโทรไปหานานแล้ว
เสือน้อยยิ้มแห้งพูดขอโทษขอโพยเพื่อน “เออ…ข้าลืมเลยว่ะ ขอโทษที! พอดีเมื่อวานยุ่งนิดหน่อย แต่เดี๋ยววันนี้ไม่ลืมแน่นอนเอาหัวเป็นประกันได้เลย!”
คนในกลุ่มที่ได้ยินก็พูดแทรกขึ้นมา “เสือน้อย…เอ็งจะจีบเหมือนฝันเหรอวะ?” เสือน้อยจำนายคนนี้ได้ ในก๊วนแก๊งเทพเขาชื่อวรุณ ชื่อเล่นน้ำ แน่นอนล่ะ คนที่แนะนำตัวเองเป็นคนแรก ๆ ก็มันนี่แหละ
เสือน้อยพูดพลางยิ้มแย้ม “ตัดคำว่า ‘จะ’ ทิ้งไปเสีย เปลี่ยนเป็นจีบแน่นอน!” เขาพูดอย่างเปิดเผย “ทำไมเอ็งก็จะจีบแข่งกับข้าเหรอ?” เสือน้อยมองไปยังเพื่อนใหม่ “แต่บอกก่อนนะ…เพื่อนกันก็ไม่ออมมือให้นะโว้ย”
น้ำกล่าวปฏิเสธ “ไม่เอา…ไม่ร่วมวงด้วยหรอก แต่พอดีว่าเพื่อนที่โรงเรียนเก่าของข้า มันกำลังไปตามจีบเหมือนฝันอยู่เหมือนกัน มันชื่อไอ้พี แถมหล่อมากสาวกรี๊ดมันเต็มจะไหวเหรอวะเพื่อน…”
เสือน้อยตบอก พูดเสียงดัง “นี่ข้าพูดตรงนี้เลยนะ เพื่อน ๆ ใครจะจีบเหมือนฝันแข่งกับข้าก็ได้ เหมือนคำโบราณบอกว่า ‘ศาลา นารี วิถี คงคา’ ใคร ๆ ก็สามารถจับจองได้โว้ย ตราบใดที่เขายังไม่ยอมรับคนอื่นเป็นแฟน ตัวข้าก็มีสิทธิ์”
เขาพูดจบก็หัวเราะร่า “ฮ่า ๆ” มองดูคล้ายคนบ้า
“นั่นแน่ะเจ้าบทเจ้ากลอนเสียด้วย” สมชายพูดขึ้น “แต่ข้าได้ยินมานะว่า มันนักเลงนะไอ้นี่ เห็นว่าเป็นนักกีฬาเทควันโด ที่โรงเรียนเก่าแม่งตัวจี๊ดประจำโรงเรียนเลยนะ เมื่อวานแม่งเปิดเรียนมาวันแรก ก็นัดต่อยกับรุ่นพี่เลยเพื่อนจากโรงเรียนเก่าข้า ที่อยู่ห้องเดียวกับมันเล่าให้ฟัง” สมชายกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง
เสือน้อยยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำว่าตัวจี๊ด มันทำเอาเขาหวนนึกถึงตอนเด็ก ส่วนเรื่องชกต่อยอะไรนั้น “อื้อ...” เอาเป็นว่าสำหรับเขาเฉย ๆ มากกับเรื่องนี้
“ช่างมันเถอะ… ผลสุดท้ายก็ให้ฝ่ายหญิงเขาเป็นคนเลือก” เสือน้อยตอบแบบชัดเจน เพราะท้ายที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายหญิงเลือกจริง ๆ นั่นแหละ
เสือน้อยไม่เก็บมาใส่ใจเลย เรื่องพวกใช้กำลัง ในอดีตตอนอยู่ประถมเขาก็ใช่ย่อย พอนึกขึ้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงครั้นตอนเรียนประถม…
_____________
มีคนเคยพูดเปรียบเปรยว่า “ดูสามก๊กจบ…คบไม่ได้!”