ตอนที่ 42 มาเยือนฉัน ไปเยี่ยมเธอ คิดถึงดวงจันทร์ (2)
ตอนที่ 42 มาเยือนฉัน ไปเยี่ยมเธอ คิดถึงดวงจันทร์ (2)
...…
ส่วนเสือน้อยที่อาบน้ำประแป้ง ก็นอนหลับกอดหมอนข้างอารมณ์ดี ยังไม่ลืมส่ง SMS ไปบอกฝันดีด้วย “ช่วงนี้อะไร ๆ เขาก็มักคิดถึงเหมือนฝันไว้ก่อน รูปถ่ายแปะอยู่บนกระดานที่เตรียมมาเป็นพิเศษ เป็นรูปที่ให้ไอ้เข้มแอบถ่ายแบบเผลอ ๆ โดยไม่ให้เจ้าหล่อนรู้ตัว…”
จากนั้นก็ปิดไฟนอน แถมยังหลับฝันดีตลอดคืน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ตัวเขาก็รีบตื่นไปยืนขายหมูปิ้งตามปกติ แต่พอขายเสร็จเขาก็รีบวิ่งห้อไปหาเหมือนฝัน เขาทำอย่างนี้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีขาดบ้างหากช่วงไหนยุ่ง ๆ แต่ว่าก็จะโทรไปบอกเธอก่อนเสมอเช่นกัน
ทางด้านเหมือนฝันเอง ตั้งแต่ที่ไปเยี่ยมบ้านเสือน้อย เธอก็เปิดใจรับเด็กหนุ่มเข้ามาเต็มหัวใจ เธอยังหลงใหลในลีลาท่าเต้น พร้อมทั้งเสียงเพลงขับกล่อมในตอนท้ายของวัน เหมือนฝัน เล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟังอยู่เช่นกัน
แม่ของเหมือนฝันก็ถามถึง ‘เสือน้อย’ อยู่เหมือนกัน
วันก่อนตอนแม่ชบาขับรถมาส่งก็ยังสวัสดีทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง “แม่ยังกระเซ้าเย้าแหย่ให้พาแฟนมาพบพ่อแม่บ้าง ไปเยือนบ้านเขาแต่ไม่ยอมชวนเขามาบ้าน เดี๋ยวจะเสียมารยาทเอา” แม่พยายามหว่านล้อมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนวันหนึ่งเธอก็ยอมตกปากรับคำ
นึก ๆ ไปแล้วเธอก็คลี่ยิ้มออกมา ลูกสาวโตเป็นสาวจนมีพวกหนุ่ม ๆ มาติดพันเสียแล้ว เธอนึกย้อนกลับไป ตอนที่เหมือนฝันพึ่งเกิด ที่ตั้งชื่อนี้ก็เป็นเพราะว่า ทั้งเธอและสามีกว่าที่จะมีลูกได้จำต้องไปหาหมอทำทุกวิถีทาง และใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะประสบผลสำเร็จ
ดังนั้นพอตั้งท้องก็เลยรู้สึกว่า “เป็นเหมือนฝันเลยที่เธอกับสามีได้มีลูก…”
เหมือนฝันเองก็เคยถามที่มาที่ไปของชื่อเสือน้อย
ส่วนเสือน้อยก็ย่อมอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงชื่อว่าเหมือนฝัน ขณะนี้ทั้งคู่ดูเหมือนว่าโลกใบจะกลายเป็นสีชมพู พวกเขาก็เปิดใจคุยกันแทบทุกเรื่อง…
และเมื่อมีมา ย่อมมีไป…
วันหนึ่งเหมือนฝันก็มาบอกเสือน้อย ว่า “พ่อกับแม่ของเธอชวนไปทานข้าวที่บ้าน ทำเอาเด็กหนุ่มหัวใจเต้นตึกตักดังระรัว ตอนนี้เสือน้อยเริ่มเข้าใจความประหม่า…ตอนเหมือนฝันไปที่บ้านเขาขึ้นมาบ้างแล้ว...”
จึงแอบไปปรึกษาพ่อกับแม่ทันทีที่กลับบ้าน เสือน้อยรู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก จึงได้พ่อกับแม่ช่วยปลอบใจ ทั้งยังเตรียมเอากระเช้าของขวัญไว้ให้ เอาไปฝากบ้านโน้นด้วยเลย เสือน้อยยังซักซ้อมเหมือนจริงกับพ่อผัน
แม่ชบาก็ยิ้มขำ มองดูไปคล้ายกระต่ายตื่นตูมเสียก็ไม่ปาน ในใจด่าขำ ๆ ว่า “เจ้าเสือโง่เอ๊ย!”
พอถึงวันนัด…ในวันนั้นทั้งวันเสือน้อยไม่เป็นอันเรียน เขาดูกระวนกระวาย ดูไม่สงบนิ่งเหมือนอย่างปกติที่สนุกสนาน ปล่อยมุกเล่นมุกตลกเฮฮาจนเพื่อน ๆ ร่วมในกลุ่มจับสังเกตได้ แต่เสือน้อยก็ไม่ยอมปริปากบอกว่าเป็นอะไร…
พอตกเย็น หลังจากลงจากรถแท็กซี่เสร็จ เสือน้อยก็มองไปที่บ้านเดี่ยวสองชั้น สภาพใหม่เอี่ยม ดูเหมือนได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แตกต่างจากบ้านด้านข้างอย่างชัดเจน...หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก
เสือน้อยหิ้วกระเช้าของขวัญที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้มาด้วย ตอนเช้าเขาเอาไปฝากไว้ที่ร้านทองสุข “เหมือนฝันที่ลงมาจากแท็กซี่ด้วยเช่นกัน ก็ยืนดูเสือน้อยตื่นตัว เธอแอบยิ้มหัวเราะในใจ แต่ก็ตีหน้านิ่ง!”
เสือน้อยทวนคำพูดของพ่อกับแม่ ทั้งคู่บอกให้ไม่ต้องลนลาน หรือทำอะไรมาก และไม่ต้องกระวนกระวาย เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด จึงทำให้เขาลดอาการประหม่าลงไปได้พอสมควร!
ไม่นานเหมือนฝันก็กดกริ่ง บอกสัญญาณว่ากลับมาแล้ว ซึ่งปกติแล้วเธอจะเปิดประตูเข้าบ้านไปเลย ทว่าวันนี้มีคนพิเศษมาด้วย “เมื่อเห็นอาการประหม่าของเสือน้อย เหมือนฝันก็หัวเราะในใจ จนบางครั้งหลุดขำออกมาไม่ได้จริง ๆ”
เสือน้อยเดินตามเหมือนฝันเข้าไปในบ้าน จนเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารวางเรียงรายอยู่เป็นระเบียบ ดูท่าพ่อแม่ของเธอจะใส่ใจมากเป็นพิเศษ “กับอาหารมื้อนี้!”
ไม่นานก็เห็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเกือบสี่สิบกว่า ๆ เดินออกมา เขาวางมาดนิ่ง หน้าตาและใบหน้าก็เย็นชา เป็นแบบนี้ทำให้เสือน้อยเดาทางไม่ถูกไปใหญ่ ปกติแล้วเขาก็คิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีพอสมควร “แต่ทว่า…”
เสือน้อยที่ตื่นตัวก็ลุกขึ้นเตรียมกล่าวสวัสดีทักทาย “สวัสดีครับคุณพ่อ…ผ…ผม” ยังพูดคำว่าผมไม่ทันเสร็จก็ได้ยินเสียงพูดตัดบทดังขึ้นมาแทน
“หือ…ใครพ่อแก?” คุณพ่อวางมาด ทำเสียงเข้มใส่ทันทีที่เจอ
เสือน้อยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้วคุณพ่อ...เอ๊ย...คุณลุงจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ”
“เรียกฉันว่าคุณอาก็พอ ถ้าจะให้ดีเรียกคุณมิ่งจะดีมาก ฉันยังไม่อยากนับญาติกับใคร!” ระหว่างนั้นคุณมิ่งก็ลูบหนวดไปพลาง ๆ
เสือน้อยแก้ตัวใหม่อีกรอบ เขายิ้มแห้ง ๆ “เอ่อ....สวัสดีครับคุณอามิ่ง!” เขาเรียกรวบไปเลยทีเดียว...
“นี่แกย้อนฉันเหรอ?” คุณอามิ่งพูดเสียงเข้ม
“เปล่าครับคุณอามิ่ง” เสือน้อยพูดลนลาน มือโบกไปมาเป็นพัลวัน
เหมือนฝันเดินไปข้าง ๆ พ่อของเธอ ก่อนกระซิบที่หูพ่อเธอเบา ๆ “พ่อเลิกเก๊กเสียงได้แล้วน่า! หนูเห็นแล้วเจ็บคอแทน!”
ขณะนั้นเองก็มีหญิงสาวสวย เดินเข้ามาพร้อมอาหาร...มองดูแล้วน่าจะเป็นพี่สาวอายุราว ๆ ยี่สิบกว่าปี เสือน้อยก็ลุกขึ้นยืนกล่าวสวัสดีมือไม้อ่อน “สวัสดีครับ…พี่” ก่อนหันไปมองทางเหมือนฝัน ทำทีว่าให้ช่วยแนะนำ…แต่เธอดันหลุดขำออกมาเสียนี่!
“เจ้ากรรม…เออใช่จำไม่เห็นได้ว่าเธอมีพี่สาว?” เสือน้อยคิดขึ้นมาได้
เหมือนฝันหลุดหัวเราะร่าเสียงดัง ใช้มือป้องปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแนะนำว่า “นี่แม่เราเอง…แม่ขวัญ!”
ส่วนแม่ก็ยืนระบายยิ้ม...ผู้หญิงมีอายุคนไหนบ้าง ที่ไม่อยากให้คนชมว่าสวยหรือดูเด็กเธอเองก็อดป้องปากหัวเราะเหมือนลูกสาวไม่ได้
ส่วนคุณอามิ่งที่ตอนนี้หนวดกำลังกระตุก พูดเสียงเข้ม “ปากหวานเชียวนะเอ็ง!”
เสือน้อยที่ยิ้มแก้เขินทำตัวไม่ถูกก่อนจะพูดว่า “คุณแม่ดูเด็กมาก! ผมนึกว่าพี่สาวจริง ๆ นะครับ” เขายืนยันเสียงแข็ง
“ขอบใจจ้ะพ่อหนุ่มน้อย...มาสิเชิญกินข้าวกัน” เธอยิ้มดูมีเสน่ห์ ไม่แปลกเลยเหมือนฝันสวยได้ใครมา “โบราณว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
“พอดีพ่อแม่ของผม ฝากกระเช้าของขวัญมาให้…คุณน้ากับคุณอาน่ะครับ” เสือน้อยประคองส่งกระเช้าให้คุณอามิ่ง ก่อนจะเริ่มกินข้าวกัน
อามิ่งก็ทำได้แต่เพียงวางมาดตีหน้านิ่ง “ขอบใจนะ”
จากนั้นก็กินไปได้ไม่นานแม่ขวัญก็ชวนคุย “เหมือนฝันบอกว่า เห็นเสือน้อยขายของกิน หน้าโรงเรียนทุกวันเลย ใครจ้างหรือทำเองเหรอจ๊ะ?”
เสือน้อยคิดคำตอบในใจครู่หนึ่ง พอกลืนข้าวเสร็จก็ตอบว่า “จ้างตัวเองขายครับ” ทุกคนก็ฟังผ่าน ๆ ไม่ได้คิดอะไรได้ยินคำว่า “จ้าง” ก็เป็นพอ
แม่ขวัญก็ถามสืบประวัติต่อ “แล้วที่บ้านทำมาหากินอะไรกันหรือลูก?”
เสือน้อยก็ตอบไปตามความจริง ทั้งยังเสริมอีกว่า “ตอนเด็ก ๆ ผมเนี่ย…ช่วยแม่ขายของแลกค่าจ้างเป็นประจำเลยครับ”
จากนั้นก็ถามถึงเรื่องเรียน อนาคตโน่นนี่นั่น ส่วนเสือน้อยก็ตอบแบบเท่าที่คิดออก
“ก็พ่อแม่บอกให้เป็นตัวของเราเองนี่เนอะ” เขายึดหลักการนี้ไว้
“แล้วนี่จะกลับบ้านยังไง ให้คุณอามิ่งหรือน้าไปส่งดีมั้ย?” แม่ขวัญถาม
“อันที่จริงถ้าค่ำเกิน…หารถกลับไม่ได้ก็คงต้องเรียกคนมารับ หรือขอร้องให้คุณน้าคุณอาขับรถไปส่งนี่แหละครับ แต่ถ้าอยู่ช่วงหัวค่ำ แท็กซี่น่าจะมีอยู่ไม่น่าจะมีปัญหาครับ” เขายิ้มหวานตอบตามจริง
หลังจากคุยกันอยู่นานสองนาน สรุปแล้วคุณอามิ่งก็ได้รับบทคนขับรถจำเป็นพาเสือน้อยกลับบ้าน “ก่อนกลับสองสามีภรรยาปรึกษากันว่าตอนเหมือนฝันไปบ้านโน้น แม่เขายังขับรถมาส่งลูกเราเลย จะได้ดูไม่เสียมารยาท นี่คุณไปส่งด้วยตัวเองดีกว่านะ” จึงเป็นที่มาทำให้เสือน้อยนั่งเกร็งอยู่บนรถ
เพราะตลอดทางคุณอามิ่งก็ไม่ลืมเก๊กลูบหนวด “แถมทำเสียงเข้มใส่ ทำเอาเสือน้อยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ”