บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 23 “คนขี่ควาย” (1)

ตอนที่ 23 “คนขี่ควาย” (1)

ค่ำคืนของวันหนึ่งประมาณสามทุ่มกว่าเห็นจะได้...เสือน้อยค่อย ๆ แง้มประตูบ้านออก “เขากลัวเหล็กบานพับส่งเสียงดัง ‘อ๊อดแอ้ด’ เสียเหลือก่อน ประเดี๋ยวจะกลายเป็นคนปลุกพ่อแม่ให้ตื่นขึ้นมา”

สายตาก็เหลือบไปฝั่งตรงข้ามเห็น…เจ้าทองสุขหลับปุ๋ย ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเดินเข้าบ้านคล้ายพวกตีนแมวที่จะเข้ามาลักทรัพย์

เสือน้อยขึ้นมาบนบ้านไม่เห็นใครจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง…ทว่าทันใดนั้นเองแสงไฟก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นหญิงหุ่นดีกำลังเดินเข้ามาหา บนศีรษะมีแกนดัดผมอยู่หลากสี

หญิงสาวเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเจ้าเสือน้อย…พร้อมกับรอยยิ้มสังหาร!

เสือน้อยคล้ายเห็นพญามัจจุราชซึ่งเตรียมพิฆาตเขาเต็มที่ แค่เพียงสายตาก็ที่สะกดให้เด็กหนุ่ม…ยืนนิ่งเป็นลูกแมวแต่โดยดี เสือน้อยนั้นเห็นว่าท่าจะยากพ้นเคราะห์ จึงยิ้มใจดีสู้นางพญาเสือ “สวัสดีจ้ะแม่...ยังไม่นอนอีกหรือ?”

เธอกอดอกมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตาอันคมกริบของเธอสะกดลูกชายได้อยู่หมัดนักล่ะ แม่ชบาพูดขึ้นว่า “พอดีเห็นพวกตีนแมว มันแอบย่องเข้าบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ น่ะ!” ก่อนมองลูกชายตัวแสบอีกครู่หนึ่ง “ไปคุยที่ศาลาริมน้ำ” เธอหันตัวเดินนำหน้าไป

เด็กหนุ่มเดินตามอย่างว่าง่าย “สุดหล้าฟ้าเขียวจะหนีไปไหนพ้น เขาคล้ายกับลูกแมวที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกล่องหน จับลากจูงไปมาตามใจชอบเมื่ออยู่กับเจ้าของที่แท้จริง ผู้เป็นดั่งเจ้าชีวิต”

ณ ศาลาริมน้ำ พ่อผันนั่งคอยพร้อมกีตาร์ตัวโปรดอยู่นานแล้ว แสงไฟจากหลอดนีออนส่องสว่างไปทั่วศาลา พร้อมกันนั้นเสียงดนตรีก็คลอเคลียมากับสายลมที่พัดโบก… เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแฝงอยู่ บนโต๊ะวางอาหารกับข้าวไว้พร้อม แม้จะเย็นไปนานแล้วก็ตามแต่ “เห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้…สำหรับเสือน้อย”

พ่อผันหันมามองลูกชายครู่หนึ่ง มือก็เกาดีดกีตาร์ไปพลาง ๆ “กินข้าวสิ…เตรียมไว้ให้แน่ะ ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วค่อยคุย!”

เสือน้อยแค่มองดูก็รู้ อาหารไม่ได้ร้อนเหมือนดั่งทุกวัน ใจจริงเขาอยากจะเดินเอาอาหารไปใส่ไมโครเวฟเสียหน่อยจะได้กินของร้อน ๆ ...ทว่านางพญาเสือยืนขวางลำไว้อยู่ เขาจึงฝืนใจกินทั้งอย่างนี้ “หลังจากนั้นไม่นานเสือน้อยก็รีบกินรีบอิ่ม ประเดี๋ยวนานไปมัจจุราชอารมณ์เสีย จะกระชากวิญญาณเขาไปเสียก่อน!”

“อิ่มแล้วพ่อ...” เสือน้อยยิ้มแห้ง ๆ เขานั่งตัวตรงสูดหายใจลึก ๆ

พ่อก็ไม่พิรี้พิไร “สี่วันก่อนเสือบอกพ่อว่า จะกลับมาให้ทันกินข้าวเย็น แต่ปรากฏว่ามาไม่ทันเลยสักวันหนึ่ง และยิ่งนานยิ่งดึก…อยู่แต่ร้านเกมทั้งวัน?”

แม่ชบาก็ตามมาสมทบนั่งจ้องอยู่ด้านข้างพ่อผัน

“วันนี้สามทุ่มกว่า พึ่งจะกลับมีเหตุผลจะอธิบายมั้ย?” พ่อผันถามขึ้น

เสือน้อยจนใจ เขารู้ว่าตัวเองผิดก็ยอมสารภาพเสียดีกว่า เผื่อว่าโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา “คือ...เล่นเกมเพลินไปหน่อยน่ะพ่อ พอดีเกมมันหยุดไม่ได้จริง ๆ ...ก็เลยกลับบ้านช้า”

พ่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามออกไปว่า “อืม...สรุปแล้วว่า นี่เราเล่นเกมหรือว่าเกมเล่นกำลังเล่นเรา?” พ่อพูดเข้าประเด็น และต่อด้วยประโยคปิดท้าย “ถ้าวันหลังถ้าจะกลับบ้านดึก...ก็ให้โทรมาบอกพ่อบอกแม่ก่อนดีมั้ย? จะได้ไม่ต้องปล่อยให้พ่อแม่นั่งรอ?”

ศรีภรรยาที่อยู่ด้านข้างผงะไปชั่วครู่ ในใจบ่นอุบ “นี่ยังจะปล่อยให้กลับดึกอีกหรือ?” ใจจริงเธออย่างดัดนิสัยเอาให้หนัก เช่นว่า “ต้องกลับบ้านทันทีหลังเลิกเรียน!”

แต่ก็ไม่อยากขัดใจสามี ด้วยเพราะเขาเป็นผู้นำครอบครัวประเดี๋ยวค่อยไปถามหาเหตุผลทีหลัง อีกอย่างทะเลาะกันต่อหน้าลูกชาย ประเดี๋ยวมันจะสับสนเอาว่าจะฟังใครดี...

“ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว... อย่าลืมกลับไปนั่งคิดคำที่พ่อถามล่ะ ไม่ต้องตอบพ่อหรอกตอบตัวเองก็พอ...” พ่อหันไปพยักพเยิดเชิงส่งสัญญาณให้ไปได้

ทว่าเด็กหนุ่มมีหรือจะกล้าไปทันที เขาหันไปมองแม่ชบาก่อน...

เธอก็เชิดจมูกทำท่าไม่สนใจ “จึงทำให้เด็กหนุ่มก็คลายใจ คล้ายกลับว่าได้รับอภัยโทษ รีบเดินกลับห้องนอนของตัวเองอย่างสงบเสงี่ยม”

....

หลังจากเห็นเจ้าเสือน้อยกลับเข้าห้องไปแล้ว แม่ชบาก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมไม่ลงโทษหนัก ๆ ไปเลยล่ะพ่อ?” แม่ชบาไม่เข้าใจจริง ๆ

“อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ถ้าฝืนเด็กมันมากเกินไป…ประเดี๋ยวจะเตลิดเอานะแม่ ขนาดเลิกเหล้า เลิกยายังต้องใช้เวลา เลิกรักก็ยังต้องใช้เวลาทำใจ ให้เวลามันอีกหน่อยเถอะแม่ เด็กวัยรุ่นก็เหมือนกันหมดนั่นแหละแม่ ไม่ว่าจะยุคเราหรือยุคนี้” ผันตอบตามประสบการณ์ความเป็นจริง

“เสือน้อยเก็บเอาคำพูดพ่อมาใส่ใจ คิดทบทวนอย่างละเอียด” ตอนที่อาบน้ำสระผมก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่ประโยคนั้น “เออสรุปว่าใครเล่นใครวะ?” จนนอนเอามือก่ายหน้าผากคิด นอนคิดอยู่นานมากจนผล็อยหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้นเสือน้อยก็ตื่นขึ้นไปเรียนตามปกติ “แต่ปัญหาก็ดันเกิดขึ้นมาจนได้เพราะเมื่อวานเขาลืมทำการบ้าน! ทั้งยังต้องพิมพ์งานส่ง แถมยังต้องเข้าสันปกอีก” เรียกได้ว่า…ตอนนี้เขาซวยเป็นแน่แท้แล้ว จึงรีบควักโทรหาเพื่อนรักทั้งหลายในห้องขอความช่วยเหลือ

ในโรงเรียนแม้จะมีห้องเฉพาะไว้พิมพ์เอกสาร แต่ก็มีเครื่องจำกัดจำนวน ถ้าจะมาพิมพ์ต้องมาเสียแต่รุ่งสางจองคิวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ …สำหรับคนที่มีเครื่องพิมพ์แบบเสือน้อยมันไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด “ทว่าวันนี้เขาดันลืมพิมพ์งานมา และไฟล์งานก็อยู่ที่บ้าน…ส่วนร้านรับพิมพ์เอกสารก็อยู่ห่างจากโรงเรียนไปหลายร้อยเมตร!”

ส่วนอื่นน่ะถ่ายเอกสารส่งได้ แต่สำคัญคือหน้าปกกระดาษแข็ง “มาพร้อม…ชื่อผู้จัดทำ เสนอโดย และวิชาอะไร!” เสือน้อยจึงยอมเข้าโรงเรียนสาย เพราะบอกให้เพื่อนเอาแฟลชไดร์ฟไฟล์งานมาส่งให้ที่รั้วโรงเรียนก่อนวิ่งไปหาร้านพิมพ์งาน “แต่ก็หายากเสียเหลือเกินผิดถนัดกับร้านเกม ที่เดินไปตรงไหนก็เจอ...” เขาบ่นอุบในใจ ระหว่างวิ่งไป

กว่าจะทำจนเสร็จ ผลก็คือวันนี้เสือน้อยเข้ามาโรงเรียนสายเป็นวันแรก เขาวิดพื้นอยู่กับที่ยี่สิบครั้ง ครูฝ่ายปกครองจึงปล่อยผ่านไป เข้าแถวพิเศษ! “สำหรับนักเรียนมาสายโดยเฉพาะ...” ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าโรงเรียน

แถวเด็กพิเศษนี่ แยกเพียงแค่ระดับ ม.ต้น กับ ม.ปลาย เขาดีใจนิดหน่อย อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมชะตาเยอะมาก ...

หลังจากเคารพธงชาติ ทำกิจกรรมเสร็จ ก็แยกย้ายไปตามห้องเรียนของตนเอง ทว่ายังโดนตัดคะแนนจิตพิสัยเล็กน้อย… “แต่ยังดีหากถูกตัดจิตพิสัยในคาบเรียนจะหนักกว่า เพราะแค่หนึ่งคะแนนก็มีผลต่อเกรดของรายวิชาได้”

….

จนพักเที่ยง… เสือน้อยก็ยังนั่งคิดเกี่ยวกับคำพูดพ่อ

เขาทบทวนตัวเองไปมา ดูเหมือนจะเป็นเกมเล่นเราเสียมากกว่า? จะว่าไปเพื่อนในห้องตอนเช้า ๆ ก็โดดเรียนไปเล่นเกมไม่ยอมมาเรียนจนครูประจำชั้นเชิญพ่อแม่มา ปัญหาเด็กติดเกม กลายเป็นปัญหาสังคมที่ให้ความสนใจ สื่อหลักก็เล่นข่าวอยู่เป็นประจำ

ส่วนเสือนั้นก็คล้ายคิดเหม่อลอยนึกเรื่องอื่นไปเรื่อยเพื่อลดทอนความกลุ้มใจ นึกไปนึกมาก็คิดถึงเจ้าทองสุข เขาไม่ได้ไปเล่นกับมันหลายวันแล้ว ทุกวันสิงอยู่แต่ร้านเกม พอนึกถึงเจ้าควายทองสุข…เขาก็บังเกิดความคิดขึ้นมา!

จึงย้อนกลับไปที่คำถามของพ่อ ถ้าลองปรับมาใช้ในกรณีของเขา “ซึ่งโดยปกติแล้ว เราขี่ควาย หรือว่าควายขี่เรา!?” พอเสือน้อยคิดได้ดังนี้…ก็ปรากฏภาพขึ้นในสมองของเขา

“ถ้าเกิดว่าควายมันขี่เรานั่นแสดงว่ามันต้องเกิดปัญหาอะไรสักอย่างแล้ว!” เขาสมองโล่งขึ้นมาทันที ตบเข่าดังฉาด

หรือถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง ควายโดยปกติแล้วเราเลี้ยงมันไว้เพื่อใช้งานไม่ใช่หรือ? ทั้งทำไร่ไถนา ทั้งขี่สัญจรไปไหนมาไหนได้

โดยไม่ทันไรความคิดของพ่อเพียงแค่จะปลุกสติเสือน้อย กลับทำให้เด็กหนุ่มคิดไปไกลกว่านั้นมากนัก!

“ดังนั้นเราต้องขี่ควาย และใช้ควายทำงานมันถึงจะถูกหลัก!” ดวงตาของเขาฉายแววเจิดจ้าออกมา คล้ายคนเบิกดวงตาเห็นธรรม ประมาณนั้น

“ถึงแม้จะเพียงเสี้ยวเดียวก็ตามที สมองของเขาก็ได้ครุ่นคิดหาวิธีการใช้ควาย” เขาเริ่มลูบคางไปมา ในขณะที่นั่งอยู่หน้าศาลาพระครู กับเพื่อนในกลุ่ม

“วันก่อนไอ้รุ่นพี่ ม.3 มันมาตื๊อขอซื้อดาบเราแลกเป็นเงินสดนี่หว่า!?” ตอนนั้นเขาไม่มีความคิดที่จะขายมันเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าตัวเขา ไม่ได้ขาดเงินขาดทองจึงได้บอกปฏิเสธไป

และพอคิดได้ดังนั้นจึงบอกเพื่อน ขอตัวเดินไปหาของหวานกินก่อน

พวกเพื่อน ๆ เองก็งงตั้งแต่เห็นมันเหม่อลอย จนตบเข่าดังฉาด ก่อนที่จะไปซื้อของหวาน

เดินมองไปในโรงอาหารไล่เดินดูทีละโต๊ะ ไม่นานก็เจอเป้าหมาย เสือน้อยแกล้งเดินผ่าน “เฮ้ย! พี่ต๊อดเมื่อวานไม่เห็นเจอเลย จะชวนลงดันเจี้ยนเสียหน่อย” เขากับรุ่นพี่คนนี้เล่นเกมเดียวกัน และเสือน้อยมีของหายากอยู่เต็มตัว จึงเป็นที่หมายตาของเหล่าเกมเมอร์

“ไม่มีแรงลงอะสิ…นี่ถ้ามึงปล่อยดาบให้กูนะ เดี๋ยวกูลงช่วยฟรี ๆ เลย” ต๊อดตอบ

พอได้ยินดังนั้นเสือน้อยยกยิ้มที่มุมปาก และก็เริ่มเข้าแผนการในทันที เขาพูดขึ้นว่า “ปัดโธ่! พี่อยากได้ขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“ก็เออสิวะ! กูตื๊อขอซื้อมึงตั้งนานแล้วเนี่ย ตอนนี้ เอ็ม[1]ละ 350 บาท นี่กูซื้อเงินสดเลยนะเว้ย!” เด็กหนุ่มขอร้อง อ้อนวอน

“เอา ๆ ...เห็นแกพี่ ขายให้ก็ได้วะ แต่ต้องไปช่วยผมนะ” เสือน้อย ลอบคำนวณราคาในตลาดอยู่ในใจ ก่อนแปลงเป็นเงินของจริง เขาพูดขึ้นว่า “ราคาตลาดอยู่สี่พันกว่าบาท แต่พี่ช่วยผมก็เหลือแค่สี่พันถ้วน พอใจหรือยัง!?” เสือน้อยคำนวณให้เสร็จสรรพ

ต๊อดพยักหน้ารัว ๆ ราวกับไก่จิกข้าวเปลือก “เอา ๆ เดี๋ยวกูไปกดเงินสดให้เจอร้านเดิม!” หลังจากพูดคุย และแลกเบอร์กันเสร็จสรรพ เสือน้อยก็ยิ้มกว้างเดินกลับไปหาเพื่อนดูมีความสุข “แบบนี้สิคนต้องขี่ควาย! ใช้งานควายมันถึงจะถูก!”

[1] เอ็มหรือ M คือ Million ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลและแทนความหมายว่า “หนึ่งล้าน”

-------------------

ขอประกาศว่า ณ บัดนี้ ความสนุกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel