ตอนที่ 22 ปะทะเดือด (2)
ตอนที่ 22 ปะทะเดือด (2)
จากนั้นเสือน้อยก็เบี่ยงตัวหลบคนทั้งสอง ที่วิ่งกรูเข้ามา และตอนนี้จากห้าคนที่เข้ามาหาเรื่องในตอนแรก เหลือที่ยืนอยู่ได้…เพียงแค่สองคนเท่านั้น
พีกัดฟันกรอด “เขาโมโหจนแทบอยากจะกระทืบ ไอ้ลูกแมวให้ตายคาตีน! เสียเดียวนี้!”
พีปล่อยเพื่อนอีกคนที่ตั้งท่ามวยค่อย ๆ เดินเข้าไปหา…แต่เมื่อมาถึงหน้าเสือน้อย กลับดูคล้ายเด็กพึ่งหัดตั้งไข่ เสือน้อยจึงกวาดเท้าเตะเข้าที่เอ็นร้อยหวาย ด้วยท่าเถรกวาดลานทำเอาเจ้าตัวล้มลงหัวฟาดกับพื้น
แต่ยังมีสติดีอยู่ ซึ่งเสือน้อยได้กระทืบลงที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย แต่ทว่าสายตากลับยังคงจับจ้องนายพีอยู่ตลอด กลัวว่าหากเผลอมันจะฉวยโอกาสเล่นงานเขาอีกครั้ง!
พีเหมือนหมาจนตรอกไม่สู้ก็ต้องสู้ แต่ยังไม่ทันให้เขาจะได้คิด
เสือน้อยก็เริ่มพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว สองมือตั้งการ์ดต่ำ เขาปล่อยหมัดออกไปหยั่งเชิง และหลอกล่อ
ส่วนทางด้านนายพีก็เตรียมหมัดต่อยเข้าที่หน้าอกของเสือน้อย
ตอนที่ทั้งคู่กำลังจะแลกหมัดกันนั้น เสือน้อยก็เอี้ยวตัวหลบ ก่อนเดินคลุกเข้าวงในระยะประชิดในระยะเผาขน “เสือน้อยใช้หน้าผาก โหม่งเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง” ไม่รู้ว่าโดนช่วงไหนแต่น่าจะเป็นที่บริเวณขอบตา
จากนั้นก็ใช้เท้าขวาเหยียบเท้าของพี เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้สามารถขยับเขยื้อนได้
ก่อนจะล็อกคอแทงเข่าเข้าชายโครงอย่างกับนักมวยในเวที ก่อนจะปิดท้ายด้วยท่ามอญยันหลัก ถีบเข้าที่ยอดอกของอีกฝ่ายจนปลิวกระเด็นออกไปไกล…
ฝูงชนเริ่มเข้ามามองดูมากยิ่งขึ้น ยิ่งนานคนยิ่งเยอะ เพียงแต่ดูอยู่ห่าง ๆ
หนึ่งในห้าคนที่ตั้งสติได้ พยายามกวาดสายตามองไปบริเวณที่พวกตนได้นั่งอยู่ก่อนหน้านี้เพื่อหาตัวช่วย…พวกเขาต้องการความหวัง!
ก่อนที่จะเห็นรุ่นพี่ ม.5 คนสนิทของพีเดินไปยังบริเวณจุดรวมตัว เด็กหนุ่มจึงตะโกนร้องสุดเสียง “พี่ทิด! ช่วยพวกผมด้วยพี่…”
พออีกฝ่ายพูดจบก็ได้เจอกับหมัดของเสือน้อย ที่ต่อยเข้าที่ขมับทำให้อีกฝ่ายเมาหมัดอยู่นานจนสำรอกออกมาเต็มพื้น
รุ่นพี่คนนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้ามาเต็มฝีเท้า ก่อนจ้องเสือน้อย “มึงกล้าทำน้องกู!” ชายหนุ่มบันดาลโทสะ จึงวิ่งกระโดดถีบเสือน้อย
แต่ด้วยเพราะเสือน้อยหลบทันจึงทำให้ชายหนุ่มร่วงลงกับพื้น ก่อนจะถูกเท้าขวาของเสือน้อยเตะเข้าใส่ที่ปลายคาง
ทว่าชายหนุ่มก็ใช้มือหนึ่งรับไว้ได้ จึงจับขาเตรียมจะชกเข้าที่น่อง
แต่เสือน้อยอาศัยสัญชาตญาณของตัวเอง เขาจึงใช้มือซ้ายยันกับพื้น และเอี้ยวตัวใช้เท้าซ้ายที่ว่างอยู่ถีบเข้าใส่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างเต็มแรง! ถึงได้สะบัดขาที่ถูกจับไว้แน่นออกมา
ชายหนุ่มเห็นเด็กตัวเล็กกว่าถีบหน้า ความโกรธจึงพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว เขาลุกขึ้นยืนตั้งท่ามวยค่อย ๆ เดินเข้าหาเสือน้อย รุ่นพี่คนนี้สูงใหญ่กว่าเสือน้อยมากนัก ด้วยเพราะวัยที่แตกต่าง จึงทำให้ส่วนสูงต่างกันมาก!
ส่วนเสือน้อยก็ไม่ได้ยี่หระ จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่คิดหาวิธีจะจัดการ ตัวเขาก็รู้ว่าควรทำเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว ก่อนที่ใครจะมาเพิ่ม
เสือน้อยแสดงถึงเชิงมวยออกมา คนที่มองดูก็รู้ว่าเป็นคนต่อยมวยเป็นแน่ ๆ ทว่าฝั่งตรงข้ามก็ตั้งท่าคล้ายกัน “หากแต่ละหลวมกว่ามากนัก…”
ชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามปล่อยหมัดตรงเข้ามา สองขาย่อเข่าสลับขาไปมา แต่เสือน้อยเมื่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง เขาคลายใจลงมาก จึงเบี่ยงตัวหลบรอดูชั้นเชิงครู่หนึ่ง
ในขณะนั้นเองชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่บริเวณใบหน้าของเสือน้อย มือซ้ายก็ตั้งมั่นเตรียมรับมือ
ทว่าสิ่งที่รุ่นพี่คนนี้ทำ กลายเป็นเข้าตามตำรามวยโบราณเป๊ะ ๆ
เมื่ออีกฝ่ายปล่อยหมัดมา เสือน้อยก็ทแยงตัวเข้าวงใน ทิ้งน้ำหนักลงบนเท้าขวา ยกแขนซ้ายขึ้นปัดหมัดให้พ้นตัว แขนขวางอข้อศอกเพื่อส่งศอก เข้าไปกระแทกที่ชายโครงฝั่งตรงข้าม ทำเอารุ่นพี่คนนั้นตาเหลือก เขารู้สึกเหมือน “ถูกเขาของควายป่ากระแทกเข้าที่ชายโครง!”
ส่วนเสือน้อยก็ไม่ได้หวาดหวั่นใด ๆ จึงเตะผ่าหมากเสริมไว้ เพื่อป้องกันเขาขยับเขยื้อนก่อนจะหมุนตัวอย่างกับในหนังด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง โดนเข้าที่กกหูของอีกฝ่ายจนสลบแน่นิ่งไป!
ตั้งแต่ต้นจนจบเสือน้อย ไม่คิดจะอยู่ในมุมอับแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเขาสู้ไม่ได้ก็แค่วิ่งหนี เขาเชื่อว่าคนเราต้องไม่พาตัวเองไปจนมุม หรือต้อนตนให้อยู่ในอยู่สถานการณ์ที่หนีไม่ได้…
“และนี่เป็นนิสัยของเขาที่ชอบนั่งตรงประตูทางออกด้วยส่วนหนึ่ง…เวลาเข้าโรงหนังเขามักนั่งอยู่ริมสุด…เป็นสิ่งที่พ่อสอนเขามา และติดมาเป็นนิสัยประจำตัว”
หลังจัดการเสร็จสิ้น คนก็มามุงดูมากขึ้น เขาจึงตะโกนบอก “ใครก็ได้ช่วยไปแจ้งครูฝ่ายปกครองที!” เสือน้อยทำท่าเจ็บตัวเดินกะเผลก เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปยังห้องปกครองด้วยตัวเอง สถานการณ์ที่พยานเยอะแยะเสียขนาดนี้ อีกทั้งกล้องวงจรปิดก็มี
และฝั่งตรงข้ามยังมารุมเขาด้วย ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องหนีเลย กลับกัน…เขาเป็นฝ่ายเสียหายต่างหาก!
“ที่ห้องปกครอง”
ครูที่อยู่ประจำห้องหลายคนเห็นเด็กชายคนหนึ่งเดินกะเผลกเข้ามา ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ พร้อมกับหยดเลือดบนเสื้อผ้า “ครูผู้ชายที่ชื่อสิระ” จึงได้รีบถามสาเหตุก่อนรีบวิ่งไปดูสถานที่เกิดเหตุ เสือน้อยไม่รอช้าบอกครูรีบเปิดดูกล้องวงจรปิด
“พร้อมกันนั้นมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ต่อสายหาพ่อเขาทันที เขาสรุปใจความสั้น ๆ เข้าประเด็น และบอกให้พ่อเรียกทนายมาด้วยเขา หมายจะเอาเรื่องพวกมัน...!!”
....
ครูสิระ…ไปถึงสถานที่เกิดเหตุก่อนเรียกนักเรียนแถวนั้นมาสอบถาม “นักเรียนหญิง ม.ปลายคนหนึ่ง” ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบก็เล่าให้ฟัง ทุกคนผสานเสียง อีกทั้งยังมีกล้องวงจรปิดคอยสนับสนุน
ครูสิระฟังคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าไปพลาง และดูอาการของเหล่านักเรียนไปพลาง ส่วนทั้งหกคนที่นอนกองอยู่กับพื้น บางคนก็สลบบางคนก็มึนงงสะลึมสะลือ ครูตะโกนเรียกให้ทุกคนมาช่วยหามพวกเขาไปส่งหน้าโรงเรียน เพื่อรอรถพยาบาล
เสือน้อยนั่งอยู่ในห้องปกครองอย่างว่าง่าย แกล้งทำเป็นร้องโอดโอย เขาเล่าสถานการณ์ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ ให้ครูทุกคนฟัง “แถมยังบอกพ่อแล้วด้วย เขาได้บอกว่าพ่อกำลังมาพร้อมกับทนายความ เพื่อเอาเรื่องพวกมัน!” เขากัดฟันพูดดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
ครูที่เช็กกล้องวงจรปิดอยู่…ย้อนภาพกลับไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาแปลกประหลาด ส่วนพวกครูอีกหลายคนก็มามุงดูเช่นกัน…
ภาพที่ปรากฏ แก่สาธารณะก็คือเด็กหนุ่มหลายคนพากันหามเด็กที่เลือดโชก เปรอะเปื้อนออกมารอที่ป้อมยาม ส่วนในมือของครูสิระกำลังต่อสายเรียกรถโรงพยาบาลอยู่…
ข่าวกระจายออกไปทั่วโรงเรียน ยังดีที่ว่าเลิกเรียนไปนานแล้ว เหลือนักเรียนอยู่ไม่มากนัก จึงพากันมาช่วยหามทีละคน… “เว้นแต่เจ้าอ้วน ที่ต้องใช้คนหกคนมาแบกหามมันออกไป!”
ไม่นานพ่อผันก็มาถึงโรงเรียน เขาก็รีบตรงดิ่งไปยังห้องฝ่ายปกครอง และหลังจากที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว พ่อผันก็ไม่ชักช้ารีรอ รีบออกไปโทรหาทนายความทันที หลังปรึกษาอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้...
พ่อร้องขอภาพกล้องวงจรปิดจากโรงเรียน โดยให้เสือน้อยเอาแฟลชไดรฟ์มา เขาจำต้องเก็บหลักฐานไว้ก่อน “เพื่อกันคนจะเล่นตุกติก”
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พวกครูจึงขอตัวประชุมกันอยู่ครู่หนึ่ง” ก่อนที่จะยินยอมให้พ่อผันได้เก็บภาพกล้องวงจรปิดช่วงเกิดเหตุไป
ส่วนเสือน้อย ก็โทรเรียกไอ้เข้มให้มาหาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาไม่อยากเห็นหน้าแฟนมันแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มไล่โทรหาเพื่อนฝูง ไอ้สมชาย ไอ้สิงหา ให้กลับมาโรงเรียน เพื่อช่วยเขาเก็บหลักฐาน
....
จนวันรุ่งขึ้นก็กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโรงเรียน เหตุการณ์ที่ ‘หกรุมหนึ่ง’ แถมยังแพ้อย่างอนาถ บาดเจ็บสาหัส แต่ทว่ากลับไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายถูกรุม?
เสือน้อยบอกเพื่อนว่าอย่าปล่อยข่าว รู้ก็เงียบ ๆ ไว้ รอคอยดูท่าทีของทางฝั่งโน้นก่อน พอตอนพักเที่ยงข่าวลือก็ลือกันไปต่าง ๆ นานา
บ้างก็บอก เด็ก ม.6 กระทืบเด็ก ม.1 จากนั้นก็สืบหาว่าเป็นใคร มีบางคนบอกว่าเด็ก ม.4 มากกว่า และทุกคนก็จะขำทันทีที่มีคนบอกว่า “เป็นเด็ก ม.1 นั่นแหละที่ทำ…”
ข่าวลือต่าง ๆ นานาแพร่สะพัดออกไป
หลังเลิกเรียน เสือน้อยก็ไปหาครูที่ห้องปกครอง ก่อนจะเข้าไปพบท่านผอ.อีกครั้งในรอบหลายเดือน ผอ.จำเด็กหนุ่มได้ทันที “เจอกันอีกแล้วนะ!”
เสือน้อยยิ้ม พร้อมกับไหว้สวัสดีทุกคนตามมารยาทอันพึงมี “ใช่ครับ ผอ.”
ผอ.พูดขึ้นว่า “แล้วจะเอาอย่างไงต่อ นี่เห็นว่าพ่อติดต่อทนายไว้แล้วใช่มั้ย!?”
เสือน้อยพูดขึ้น “เอ่อ...พ่อผมบอกว่าให้ดูท่าทีอีกฝ่ายโดยเรียกร้องค่าทำขวัญครับถ้าเกิดว่าไม่จ่ายก็จะแจ้งความ และทางทนายบอกพ่อของผมว่ามีโอกาสชนะมีสูงมาก แถมคดีทำร้ายร่างกายยอมความไม่ได้ อีกทั้งผมยังโดนรุม จึงอยู่ในฐานะเสียเปรียบสามารถพูดได้เต็มปากว่าป้องกันตัว และพ่อยังขอเจอผู้ปกครองอีกฝ่ายด้วยครับ ถ้าพวกเขาไม่ยินยอมก็ไม่จบแค่นี้...”
ครูฝ่ายปกครองทั้งหมดก็อึ้ง…แต่ถูกหรือผิด มันก็ชัดเจนขนาดนี้
ผอ.พูดว่า “ถ้าผอ. ขออย่าให้มีเรื่องถึงโรงถึงศาลล่ะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เด็กหนุ่มตอบอย่างนอบน้อม “ก็ที่เรียกค่าทำขวัญเพราะพ่อตั้งใจไว้หน้าให้กับผอ.และทางโรงเรียนอยู่แล้ว ไม่อยากให้เกิดชื่อเสียงที่ไม่ดี พ่อบอกว่าตั้งแต่ปู่ทวด ปู่ พ่อ จนมาถึงผม สี่รุ่นแล้วที่เรียนที่นี่ จึงไม่อยากสร้างเรื่องที่ไม่ดี”
“เอ่อ...และอีกอย่างแม่ผมก็บอก ต้องไว้หน้าผอ.ด้วย” เขาเน้นที่ประโยคหลังเป็นพิเศษ
ครูทั้งหมดก็คิดไปในทำนองนั้น เพราะถ้าป่านนี้ยังไม่แจ้งความเขาก็เปิดโอกาสให้เจรจา “ส่วนที่ว่าไว้หน้าผอ. อะไรนั่น พวกครูในห้องก็คิดกันไปต่าง ๆ นานา”
ผอ.พยักหน้ายิ้มรับ “เดี๋ยวครูประสานงานติดต่อผู้ปกครองให้เข้ามาพบพ่อเธอ เดี๋ยวครูขอเบอร์โทรศัพท์พ่อเธอทิ้งไว้หน่อย...” ในใจก็นึกขอบคุณ พ่อแม่ของเด็กคนนี้ที่หาทางลงให้ทุกฝ่าย ตอนแรกเธอเตรียมการเกลี้ยกล่อมมากกว่านี้ แต่พอเห็นเจ้าเสือน้อยคนนี้เธอก็พอเข้าใจได้
หลังจากวันนั้นที่จับครูหนุ่มซึ่งได้ยัดนักเรียนเข้าโรงเรียน…โดยที่ไม่ได้ผ่านตามขั้นตอน แต่กลับแทรกคิว อีกทั้งยังไปตัดสิทธิ์เด็กคนอื่นดื้อ ๆ มันจึงทำเอาเธอหัวเสียเป็นอย่างมาก
“เด็กฝากถือเป็นเรื่องปกติมาก…สำหรับเด็กที่เกิดในช่วงปีเกิด 2530-2539” ช่วงระหว่างปีนี้มีเด็กเกิดเยอะมากมีที่เรียนไม่เพียงพอก็ไม่เห็นจะแปลก
“อีกทั้งทางรัฐบาลก็ได้ออกนโยบายให้ทุกคนต้องมีที่เรียน…แถมเกริ่นมาตั้งหลายเดือน”
แต่ครูหนุ่มหน้าดุเจ้ากรรม ดันไม่รู้จักเวลา จึงโดนครอบครัวนี้ฟ้องทุจริตประพฤติมิชอบขึ้นโรงขึ้นศาลหมดอนาคตของการเป็นครูไปเสียดื้อ ๆ
หลังจากดำเนินเรื่องกับครูหนุ่มรายนั้นเสร็จสิ้น ตัวเธอก็ยังไปฝากท้องร้านแม่ชบาอยู่เป็นประจำ แถมยังแวะซื้อกับข้าวอยู่บ่อยครั้ง ทั้งคู่จึงผูกสัมพันธ์กันไว้ในระดับที่ดีทีเดียว…
-------------------
How to ต่อยคนยังไงให้ไม่เสียเปรียบ…