โมโหหึง
ตอนที่4
“หว้ารู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อยค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะดื่มเยอะเกินแล้ว เลยอยากจะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหว้าให้กฐินไปเป็นเพื่อนก็ได้” พอจบประโยคก็พลันสอดส่ายสายตามองไปหากฐินเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวซึ่งตอนนี้กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน กับพนักงานในร้านคาเฟ่คนอื่นๆอย่างเมามัน ลูกหว้าเดินไปสะกิดกฐินเพราะพยายามเรียกชื่อเธอหลายครั้งแล้วแต่กฐินไม่ได้ยิน เนื่องด้วยเสียงดนตรีในผับอาจจะดังและเพื่อนก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“กฐิน เราอยากเข้าห้องน้ำอ่ะ แกไปเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ”
“ได้สิแก กำลังปวดฉี่อยู่พอดี รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนด้วยอ่ะแก สงสัยจะทั้งดื่มทั้งกินเยอะไปหน่อย แห่ะแห่ะ”
“แกอ่ะดื่มเยอะมากไปแล้ว เมาแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานวันแรกไม่ได้หรอก” ลูกหว้าพูดบ่น ๆ เพื่อนเล็กน้อย
“เออน่า ป่ะ ๆ ไปกัน ฉี่จะราดแล้ววว”
ทั้งสองสาวเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะแยกกันเข้าห้องไปเพื้อทำธุระส่วนตัว ลูกหว้าล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ยืนส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง พอได้น้ำเย็น ๆ ล้างหน้าก็ทำให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง กฐินเองก็มารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเอาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้เลยยังออกมาด้านนอกไม่ได้ ลูกหว้าเลยออกมายืนรอเพื่อนอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้น ก็มีคนมากระชากแขนเธออย่างแรง
“โอ้ย!!” ลูกหว้าตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนมากระชากแขนของเธออย่างแรง แต่พอหันหน้ามาก็เจอเข้ากับผู้ชายคนนั้น คนใจดีที่เสียสละเวลาพาเธอและเพื่อนสนิท เดินไปหาอาคารที่ยื่นเอกสารสมัครเรียนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
“อ้าว คุณคนนั้นนี่เอง คุณมาเที่ยวที่นี่หรอคะ?”
ลูกหว้าถามขึ้นประกอบกับท่าทางตื่นเต้นที่ได้เจอเขาที่นี่ ดวงตาสีนิลนี่แหละที่ทำให้เขาแทบคลั่งเวลาที่เธอสบตากับเขา สายตาที่ดูไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยกับใคร แต่ …เธอช่างสร้างภาพให้คนอื่นคิดว่าเธอดูไร้เดียงสา ทั้งที่ความเป็นจริง พฤติกรรมของเธอในวันนี้มันขัดกัน เพราะเธอมันก็แค่ผู้หญิงเจนโลกทั่วไปคนหนึ่ง..
“เธอเลิกแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กประถมสักทีเถอะ อยู่ต่อหน้าฉันทำไมไม่ทำตัวง่าย ๆ เหมือนอยู่กับไอ้หน้าตี๋นั่นบ้างล่ะ แทบอยากจะเอากันกับมันคาโต้ะแล้วไม่ใช่รึไง??” เจไดพูดออกไปด้วยความโมโห ประกอบกับที่เค้าดื่มเหล้าเพียว ๆ ไปหลายแก้ว และเขาเองก็ต้องอดกลั้นดูเธอกับไอ้หมอนั่นพรอดรักกระหนุงกระหนิงกันอยู่นานสองนานจนแทบจะคลั่ง แต่พออยู่ต่อหน้าเขา เธอกลับทำตัวไร้เดียงสา
“คุณพูดอะไรของคุณ หนูไม่เข้าใจ” ลูกหว้าถามเขาด้วยสีหน้างง ๆ และไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ไม่ต้องมาทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาหรอกนะ ทั้งที่เธอมันก็เหมือนผู้หญิงอย่างว่าทั่ว ๆ ไปที่ฉันเคยซื้อกิน”
“นี่คุณคงเมามากแล้วนะคะ พูดจาไม่รู้เรื่อง และหนูก็จะไม่พูดกับคนเมาแบบคุณ ปล่อย!!” ลูกหว้าพยายามแกะมือหนาของเขาให้ออกจากการเกาะกุม ตอนนี้เจไดบีบต้นแขนของเธอจนแดงไปหมดอีกทั้งยัง สร้างความความเจ็บปวดให้กับเธอ แต่พยายามแกะเท่าไหร่ เธอกลับรู้สึกว่ามันยิ่งแน่นขึ้น
“หนูบอกให้ปล่อยไง คุณเมามากแล้วนะคะ ถ้าเมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอน ไม่ใช่มาหาเรื่องคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรไปทั่วแบบนี้!” ลูกหว้าตะคอกใส่อีกคนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง และพยายามแกะมือเขาที่บีบแขนเธอแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้างออก แต่ก็ไม่สามารถที่จะแกะมือของเขาออกไปได้
“ฉันบอกให้ปล่อยฉันไง คนเลว” ลูกหว้าทั้งหยิก ทั้งตีแต่เหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย มือใหญ่ทั้งสองข้างออกแรงบีบแขนของเธอแรงขึ้น จนลูกหว้าต้องนิ่วหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด คนที่หน้ามืดตามัวไม่รอช้า ชายหนุ่มปล่อยมือที่บีบแขนของเธอออก เปลี่ยนมาจับใบหน้าเรียวเล็กของเธอไว้ ก่อนจะประกบจูบลงไปบนริมฝีปากเธออย่างบ้าคลั่งโดยที่หญิงสาวเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เจไดประกบปากบดจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรง จนเธอรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เพราะความโมโหหึงที่ผู้หญิงที่ตัวเขาเองหมายปองมาพรอดรักกับผู้ชายคนอื่นให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้
ลูกหว้ารวบรวมกำลังที่มีน้อยนิด พยามผลักคนตัวโตกว่าออกไป จนเขาเซถลาไปนิด
“อ่อย อั่น เอี่ยวอี้อ้ะ อั๋นเอ็บ” (ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฉันเจ็บ)
“ผู้หญิงอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ เธอน่าจะชอบแบบนี้ซะอีกนะ” เจไดพูดสวนขึ้น ความโกรธทำให้เขาหูอื้อไปหมด ไม่ยอมฟัง และไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ถ้าคุณไม่หยุดทำอะไรทุเรศ ๆ แบบนี้หนูจะเรียกให้คนช่วย”
“เอาสิ!!เอาเล้ย! ถ้าอยากให้คนอื่นเข้ามาดูฉากรักของเราสองคนก็แหกปากร้องดัง ๆ !! ร้องสิ!!” เจไดตะคอกใส่หน้าหญิงสาวอย่างไม่กลัวคำที่เธอขู่เลยสักนิด
คนตัวโตกว่าอย่างเจไดใช้มือบีบคางหญิงสาวให้หันหน้ากลับมาหาเขาอีกครั้ง ก่อนจะบดจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรง จนได้กลิ่นคาวเลือดสด ๆ ทั้งของเธอและเขา เพราะการกระทำที่หึงหวงและขาดสติของเจได มันทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่แตกยับและคละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวของเลือด
“อื้อ อ่อยอ้ะ..อื้อ” ลูกหว้าพยายามบอกให้เขาปล่อย เพราะเธอเริ่มหายใจไม่ออก เธอทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักให้เขาหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้กับเธอสักที แต่ก็ไม่ได้ผล และเจไดก็ไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระเสียที เขายังบังคับจูบเธออยู่แบบนั้น มิหนำซ้ำยังพยายามแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของเธอไม่หยุด จนในที่สุดลูกหว้าจึงเป็นลมและหมดสติไป…
“หึ แค่นี้ก็หมดฤทธิ์ซะแล้วหรอ” เจไดสบถออกมาเบา ๆ ก่อนจะอุ้มร่างคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวไปทางประตูลับของผับแห่งนี้ ที่ไม่มีใครสามารถเข้าออกประตูนี้ได้ นอกจากเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับนี้และคนสนิทเท่านั้นที่จะเข้าไปได้…
หลังจากกฐินทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ปาไปหลายนาที เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกท้องเสียขึ้นมาซะอย่างงั้น
“เฮ้อ นึกว่าจะตายคาห้องน้ำซะแล้วกู สงสัยกับแกล้มจะออกฤทธิ์เล่นงานเอาซะน่วมเลย ป่านนี้ยัยหว้าคงบ่นแล้วแน่ ๆ” กฐินบ่นพึมพำกับตัวเองคนเดียว พร้อมกับสภาพร่างกายที่ดูเรี่ยวแรงแทบจะไม่มี เพราะร่างกายคงจะขาดน้ำเนื่องจากถ่ายหนักเมื่อครู่
กฐินกวาดสายตามองหาลูกหว้า เธอหันซ้ายหันขวาเรียกทั้งในห้องน้ำ และหน้าห้องน้ำ ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเพื่อนสนิทเลย
“หรือว่าลูกหว้าจะรอเราไม่ไหวเลยกลับไปที่โต้ะก่อนนะ” พอกฐินคิดได้อย่างนั้นเลยเดินกลับมาที่โต้ะข้างในผับ แต่กวาดสายตามองหาเพื่อนโดยรอบก็ไม่เจอลูกหว้า เธอเลยเอ่ยถามผู้จัดการร้านคาเฟ่
“เอ่อ พี่บิ๊กคะ ยัยลูกหว้ายังไม่กลับมาเหรอคะ กฐินเรียกหาทั้งในห้องน้ำและนอกห้องน้ำก็ไม่เห็นเลยค่ะ คิดว่ากลับมาที่โต้ะแล้วซะอีก” กฐินพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้ากังวลเป็นห่วงเพื่อนสนิท
“ยังไม่กลับมานะครับ พี่ว่าอยู่ทำไมเห็นกฐินเดินออกมาคนเดียว” ผู้จัดการหนุ่มพูดขึ้นประกอบกับสีหน้าเริ่มเป็นกังวลเหมือนกัน
“กฐินลองโทรหาแล้วแต่ก็ไม่รับสายเลยค่ะ ปกติยัยลูกหว้าไม่ใช่คนที่จะไปไหนก็ไปเลยโดยที่ไม่บอกเพื่อนนะคะ กฐินว่ามันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เป็นห่วงลูกหว้าจังค่ะ เราจะทำยังไงดีคะ” กฐินพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะ อย่าเพิ่งกังวลไป เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเพื่อนพี่ ที่สนิทกับเจ้าของที่นี่ ให้เขาช่วยเช็คกล้องวงจรปิดให้อีกที” ผู้จัดการหนุ่มพูดขึ้น และกำลังจะกดโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่เพิ่งจะพูดถึง
ติ๊ง ติ๊ง!!
เสียงข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือของกฐินดังขึ้น
#ลูกหว้า - (กฐินหว้าออกมาข้างนอกแล้วนะ พอดีรู้สึกปวดหัวมาก ๆ เลยออกมาซื้อยากินเพราะเราไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยออกมาก่อน ไว้เจอกันที่ห้องนะแบตจะหมดแล้ว บาย)
“ลูกหว้าส่งข้อความมาแล้วค่ะพี่บิ๊ก บอกว่าปวดหัวมาก ทนไม่ไหวเลยออกมาหาซื้อยากินก่อน แล้วก็จะกลับห้องเลยค่ะ”
บิ๊กเอ็มทำท่าครุ่นคิด ตอนออกมาทำไมมองไม่เห็นลูกหว้าเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะคิดว่าลูกหว้าคงไม่ไหวจริง ๆ เลยต้องกลับก่อน
“ถ้างั้นเราก็กลับกันเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ป่ะเด็ก ๆ คืนนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาทำงานกันไม่ไหว”
ทั้งหมดต่างพากันทยอยกันกลับ ผู้จัดการหนุ่มไปส่งกฐินถึงหอพัก ก่อนจะขอตัวกลับเช่นกัน
พอกฐินเข้ามาถึงในห้องก็พบกลับความว่างเปล่า ก็นึกเอะใจทำไมลูกหว้ายังไม่กลับมาอีกนะ เลยกดโทรศัพท์หาเพื่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับโทรไม่ติด
“สงสัยแบตคงหมดเดี๋ยวอีกสักพักก็คงกลับมามั้ง ไปอาบน้ำนอนดีกว่า” กฐินพูดบ่นเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนจะไปจัดการธุระส่วนตัว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยและเพลียเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ประกอบกับอาการท้องเสียก่อนหน้านั้น……