ติดตามความเคลื่อนไหว
ตอนที่2
สองอาทิตย์ต่อมา
ซ่า…
เสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลรินลงมาชโลมกาย ความเย็นของสายน้ำช่วยทำให้ร่างกายของเด็กสาวสดชื่นหลังจากตื่นนอนได้เป็นอย่างดี ลูกหว้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เตรียมความพร้อมสำหรับการจะออกไปหาสมัครงาน สองสาวตั้งใจว่าจะเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย
“เสร็จรึยังกฐิน?” ลูกหว้าถามเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
“เสร็จแล้วจ้า เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย”
กฐินตอบและสะพายกระเป๋า ในระหว่างที่สองสาวกำลังจะออกไปข้างนอก
ครืดดด ครืดดด
เสียงโทรศัพท์ของลูกหว้าดังขึ้น
“เบอร์ใครโทรไลน์มา ไม่คุ้นเลย” ลูกหว้าบ่นอุบอิบเบา ๆ
“ใครโทรมาอ่ะหว้า” กฐินพูดขึ้น
“ไม่รู้อ่ะแกไม่คุ้นเลย” ลูกหว้าตอบเพื่อนสนิทไปพร้อมทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะกดรับสาย
#ลูกหว้า : (ฮัลโหลสวัสดีค่ะ)
#เจได : (สวัสดีครับน้องลูกหว้า จำผมได้ไหม??)
#ลูกหว้า : (จำไม่ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าใครเหรอคะ?) ลูกหว้าถามไปพร้อมทำหน้างง ๆ รอฟังคำตอบ
#เจได : (ผมคนที่พาพวกคุณเดินตามหาอาคารรับสมัครเรียนวันนั้นไงครับ จำได้ไหม?) เจไดถามขึ้น และรอฟังคำตอบจากหญิงสาวเช่นกัน
#ลูกหว้า : (อ่อ จำได้แล้วค่ะ คุณคนนั้นนี่เอง ว่าแต่คุณโทรมามีไรหรือเปล่าคะ พอดีหนูกับเพื่อนกำลังจะออกไปหาสมัครงานค่ะ เดี๋ยวจะสายซะก่อน)
#เจได : (ไปสมัครงานที่ไหนครับ มีที่ที่สนใจและดู ๆ ไว้รึยัง?)
#ลูกหว้า : (เอ่อ.. ยังไม่มีเลยค่ะ คงจะค่อย ๆ ดูไป เผื่อมีที่ไหนสนใจค่อยเข้าไปสอบถามค่ะ)
#เจได : (งั้นเอาแบบนี้ไหม ลูกหว้ากับเพื่อนไม่ต้องไปหาสมัครงานที่ไหนหรอก มาทำที่บริษัทผมก็ได้ ตอนนี้กำลังต้องการพนักงานเพิ่มพอดีเลย มีตำแหน่งว่างหลายตำแหน่ง ลูกหว้ากับเพื่อนน่าจะทำงานนี้ได้)
#ลูกหว้า : (เอ่อ คือว่า.. ไม่ดีกว่าค่ะ คือหนูเกรงใจ ความรู้ก็แค่จบม.ปลาย อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันด้วย เผื่อหนูทำงานออกมาได้ไม่ดี กลัวจะทำให้คุณเดือดร้อนและขายหน้าเปล่าๆค่ะ)
#เจได : (ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้กันได้)
#ลูกหว้า : (หนูขอบคุณมากนะคะ ที่อุตส่าห์มีน้ำใจกับหนูและเพื่อน ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ หนูต้องไปแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ)
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดด
ลูกหว้ารีบกดวางสาย และเอามือทาบอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรู้สึกโล่ง ๆ
“เฮ้อ!”
“เป็นอะไรของแกเนี่ย ใครโทรมา แล้วเขาว่ายังไงบ้าง ชวนไปทำงานอะไร ที่ไหน ยังไง บอกมา !!”
กฐินซึ่งนั่งฟังเพื่อนคุยโทรศัพท์และพยายามจับใจความเรื่องที่เพื่อนคุยกับคนปลายสายเมื่อสักครู่ ได้จี้ถามเอาคำตอบจากลูกหว้า
“ก็พี่คนที่เราเจอที่มหาลัยวันที่เราจะไปสมัครเรียนวันนั้นไง เขาโทรมา และชวนพวกเราไปทำงานที่บริษัทของเขา”
“ห้ะ!!! ว่าไงนะ เค้าชวนไปทำงานที่บริษัทเขา” กฐินทำท่าทางตกใจกับคำพูดของเพื่อน
“อื้อออ “ ลูกหว้าตอบสั้น ๆ
“แล้วแกตกลงหรือเปล่าล่ะ” กฐินถามเพื่อนและลุ้นเอาคำตอบ
“เปล่า ใครจะกล้าไปตกลงละแก เราไม่ได้รู้จักอะไรเขาเลยนะ”
“โอ้ยยย น่าเสียอายอ่ะแก ทำไมไม่ตอบตกลงไปเลยล่ะ พวกเราจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเดินเร่หางานเอง มีคนหางานให้ดีจะตายไป” กฐินพูดขึ้นพร้อมกับบ่นอุบอิบเบา ๆ
“เอาน่า เราเดินหาเองก็ได้ไหม งานออกจะเยอะแยะแป้บเดียวก็คงได้งานที่เราถูกใจ และถนัดเองแหละ”
“กว่าจะได้คงเดินหาจนเมาแดดตายกันพอดี แกดูแดดบ้านเราสิ อย่างกับเดินอยู่ในนรก” กฐินพูดไปบ่นไป ก่อนสองสาวจะพากันมุ่งหน้าไปหาสมัครงาน…
~~ทานด้านของเจได~~
“ท่าทางนายน้อยจะสนใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษนะครับ” พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทของเจไดพูดขึ้น หลังจากเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ
“อืม เธอน่าสนใจดี ยิ่งเธอทำเป็นไม่สนใจกูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กูสนใจในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น”
“นายน้อยจะให้ผมจัดการเธอยังไงต่อดีครับ?” ลูกน้องคนสนิทเจไดถามขึ้นอีกครั้งและรอคำตอบจากเจ้านาย
“สะกดรอยตามเธอ ว่าเธอไปไหน ทำอะไร และสมัครงานที่ไหน”
“ครับนายน้อย” พยัคฆ์รับคำสั่งของเจ้านายและรีบไปดำเนินการตามที่นายสั่งทันที
พยัคฆ์ถือว่าเป็นลูกน้องมือขวาคนสนิทของเจได ที่สามารถตายแทนเจ้านายได้ เขารับใช้เจไดมานาน คอยดูแลทุกอย่างแทนเจได เปรียบเสมือนเป็นพี่ชายของเจไดเลยก็ว่าได้ เสี่ยงตายแทนผู้เป็นเจ้านายมาก็หลายครั้งต่อหลายครั้ง เพราะธุรกิจของเจไดนอกจากจะมีธุรกิจสีขาวแล้ว เขายังมีธุรกิจสีเทาอีกมากมายที่เจไดต้องดูแลและรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นชีวิตของเจไดก็อยู่บนความเสี่ยงจากศัตรูตลอดเวลาเช่นกัน
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์มือถือของเจไดดังขึ้น
#เจได : (เออ ว่าไง?)
#คีตะ : (อะไรวะ กลับไทยมาสองอาทิตย์ละ มึงแม่งไม่คิดจะโทรหาเพื่อน นัดเจอเพื่อนบ้างเลยรึไง)
#เจได : (ก็กำลังจะโทรนี่ไง แต่มึงดันเสือกโทรมาก่อนทำไมละ)
#คีตะ : (อ้าวไอ้เวรนี่ ปากหมาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะมึง ว่าแต่ออกมาเจอกันหน่อยไหมเย็นนี้ กูโทรชวนไอ้อาชาแล้ว มันให้กูโทรมาชวนมึง)
#เจได : (ก็เอาดิ เบื่อ ๆ อยู่เหมือนกันช่วงนี้)
#คีตะ : (งั้นก็ตามนี้ ที่เก่าเวลาเดิม กูจัดเตรียมเด็กสาว ๆ สวย ๆ สะบึ้ม ๆ ไว้รอมึงสามสี่คนล่ะ เด็ด ๆ ทั้งนั้น)
#เจได : (กูต้องขอบใจมึงไหม)
#คีตะ : (มึงต้องขอบใจกูแน่ ๆ ไอ้เกลอ)
#เจได : (เออ!! ไว้เจอกัน)
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…
พูดเสร็จเจไดก็กดวางสายทันทีในขณะที่คนโทรมายังพูดไม่จบ คีตะจึงได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่แบบนั้นเมื่ออีกคนกดตัดสาย
“ไอ้เหี้ยนี่กูยังพูดไม่จบเลย กดตัดสายกูซะงั้น” คีตะบ่นพึมพำไปคนเดียว
ทางด้านอีกฝั่งของสองสาว ได้ตระเวนออกหาสมัครงาน จนมาจบที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยและหอพักมากนัก ลูกหว้าและกฐินมาสมัครเป็นพนักงานที่ร้านคาเฟ่แห่งนี้ สองสาวต่างดีใจที่ได้งานทำแล้ว และสามารถเริ่มทำงานได้ในวันพรุ่งนี้
“ดีใจจังกฐินได้งานทำกันแล้วเรา เห็นไหมบอกแล้วว่าเราเดินหางานกันเองแป๊บเดียวก็อาจจะได้งานที่เราถูกใจก็ได้” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อนและยิ้มด้วยความดีใจ
“แหม๋ แต่ฉันก็ยังอยากจะเป็นสาวออฟฟิศอยู่นะลูกหว้า ทำงานในห้องแอร์ แต่งตัวสวย ๆ เผลอๆ มีหนุ่มหล่อ ๆ ในออฟฟิศมาสนใจในความสวยของฉัน อร๊ายยย แค่คิดก็ฟินแล้วแก” กฐินทำท่าทางชวนฝันไปไกลถึงหนุ่มหล่อ ๆ แค่มโนก็มีความสุขแล้ววววว ^_^
“พอ ๆ ไปกันกันใหญ่แล้วแก” ลูกหว้าพูดตัดบทขึ้นก่อนเพื่อนสาวจะมโนไปไกลแสนไกลถึงดาวอังคาร
“น้องลูกหว้าครับ”!! ผู้จัดการหนุ่มเจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้พูดขึ้น
“คะ ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลูกหว้าตอบและทำหน้างง ๆ คำตอบจากผู้จัดการร้าน
“ไม่ต้องเรียกผู้จัดการซะเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ เรียกว่าพี่บิ๊กเฉย ๆ ก็ได้นะ”
“มันจะดีหรอคะ พี่ ๆ คนอื่นก็เรียกว่าผู้จัดการกันหมด” ลูกหว้าพูดขึ้นเก้ ๆ กัง ๆ
“แหม ผู้จัดการ ทำไมพี่ ๆ คนอื่นเรียกผู้จัดการ แต่กับเพื่อนของกฐินถึงต้องให้เรียกว่าพี่บิ๊กล่ะคะ” กฐินพูดขัดขึ้น พร้อมทำท่าทางล้อเลียนผู้จัดการเพื่อรอฟังคำตอบ
“ก็ให้ทุกคนเรียกพี่บิ๊กเหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงกับลูกหว้าคนเดียวหรอก แหม๋” ผู้จัดการหนุ่มพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางเก้อเขินนิดหน่อยที่มีคนรู้ทันความคิดของเขา
“ว่าแต่ผู้จัดการ เอ่อ ..พี่บิ๊ก เมื่อกี้มีอะไรจะพูดกับหว้าหรอคะ??” ลูกหว้าพูดถามขึ้น
“อ่อ พอดีพี่กับน้อง ๆ ในร้านคุยกันแล้วว่าจะพาทุกคนไปเลี้ยงฉลองต้อนรับพนักงานใหม่กันคืนนี้”
“ห้ะ !! อะไรนะคะ เลี้ยงฉลองหรอ งั้นไปกันเลยค่ะ กฐินพร้อมมากค่ะ” กฐินพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจจนออกนอกหน้าที่จะได้ไปสังสรรค์
“ดีใจน้อย ๆ หน่อยก็ได้กฐิน” ลูกหว้าพูดและสะกิดเพื่อนเบา ๆ เพื่อเป็นเชิงเตือน
“นาน ๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้นะลูกหว้า ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาไหม ลาบปากแล้วโว้ยคืนนี้” กฐินพูดขึ้นจนทุกคนต่างหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเบอร์ของเธอ
“เอาล่ะ ๆ งั้นทุกคนไปเก็บของแล้วก็เตรียมตัวไปฉลองต้อนรับน้องใหม่ประจำคาเฟ่ของเรากันเลย…”
~~~ เย้ เย้ ~~~