4. หาเงิน
“หิวเหลือเกิน”
อวี๋เฟยฮวามองซาลาเปาลูกใหญ่ในเตานึ่งของแม่ค้าข้างทางด้วยสายตาหิวโหย นางลูบท้องเล็กน้อยก่อนขยับเท้าเข้าไปใกล้หวังจะสูดกลิ่นหอมมากกว่านี้อีกสักหน่อย ทว่ายังไม่ถึงก้าวที่สาม แม่ค้าที่หันมาเห็นเด็กหญิงหน้าตาอัปลักษณ์ทั้งยังมองซาลาเปานางตาเป็นมันก็รับไม่ได้ขึ้นมา จึงรีบสาดน้ำไล่
“ออกไปให้พ้นร้านข้า! อัปลักษณ์เช่นเจ้ามายืนตรงนี้เดี๋ยวคนก็ไม่เข้าร้านข้าพอดี!”
อวี๋เฟยฮวาไม่ได้เศร้าใจสักนิด ยิ่งมีคนด่าว่านางอัปลักษณ์นางยิ่งชอบใจ เป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่านางไม่ใช่เด็กหญิงที่หออวี้เหรินกำลังตามหา ต่อให้เดินผ่านท่านแม่อู่ฉานยังเกรงว่านางจะจำไม่ได้กระมัง
อวี๋เฟยฮวาหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวยิ่งทำให้แม่ค้ามีสายตาน่ากลัวขึ้นกว่าเก่า เพียงแต่เด็กหญิงไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมรอให้คนมาไล่ซ้ำสอง แม่ค้านางนั้นจึงไม่คิดจะทำอันใด เพียงแต่ขยับปากอุบอิบด่าไล่หลัง
“เด็กประหลาด”
อวี๋เฟยฮวาเดินวนเวียนอยู่ในตลาดมาสองรอบแล้ว นางยังคงไม่รู้ว่าควรจะทำอาชีพอะไรดี ให้นางไปคัดแยกสมุนไพรที่โรงหมอก็เกรงว่าจะไม่ได้เก่งกาจถึงปานนั้น อีกทั้งคนคัดแยกสมุนไพรบางครั้งยังต้องขึ้นเขาไปหาเองด้วย อวี๋เฟยฮวาไม่รังเกียจงานหนักแต่ก็ไม่อยากทำงานหนักถึงขั้นนั้นเช่นกัน นางจึงเดินผ่านโรงหมอ ไม่ได้เหยียบย่างเข้าไป
“หรือจะเป็นโรงเตี๊ยม? ไม่ได้ ๆ ถ้าเกิดคนในหออวี้เหรินผ่านมา ต่อให้จำไม่ได้ก็ยังอันตรายเกินไป”
อวี๋เฟยฮวาส่ายหน้า หออวี้เหรินกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามในจิตใจนางไปเสียแล้ว ขอแค่ได้ยินชื่อหรือได้เห็นคนจากหอนางโลมแห่งนี้ก็เกรงว่านางจะหวาดกลัวจนตัวสั่น คงได้เปิดเผยความลับตนเองออกไปแน่ สุดท้ายเพราะไม่มีอย่างอื่นให้ทำแล้วจริง ๆ ทั้งไปขอเป็นสาวใช้ร้านไหนก็ไม่มีใครรับ ด้วยใบหน้าที่อัปลักษณ์เช่นนี้ อวี๋เฟยฮวาจึงได้แต่เดินเข้าร้านขายเครื่องเขียน กล่าวกับเถ้าแก่เจ้าของร้านว่า
“เถ้าแก่ ข้ารู้ตัวอักษร ท่านอยากได้คนคัดลอกตำราให้ท่านหรือไม่เจ้าคะ” อวี๋เฟยฮวากลัวท่านตาผู้นี้จะไม่เชื่อจริง ๆ นางจึงรีบหยิบพู่กันด้านข้างที่จุ่มหมึกไว้แล้วขึ้นถือ ตวัดปลายพู่กันเป็นลายมืออ่อนช้อยงดงาม “เถ้าแก่ ถ้าท่านต้องการ ข้าคิดไม่แพง”
เถ้าแก่ผู้นั้นสนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว คนที่รู้ตัวอักษรแถวนี้หาได้ไม่มาก ยิ่งรู้ตัวอักษรและมีลายมืองดงามเช่นนี้ยิ่งหาได้ยากเสียยิ่งกว่ายากเสียอีก เขาจึงเอ่ยปากถามกลับ
“เจ้าคิดเท่าไหร่ล่ะ”
“หนึ่งเล่มสามสิบอีแปะเจ้าค่ะ หนึ่งเล่มใช้เวลาสองวัน”
และเพราะฝีมือการคัดลายมือที่ติดตัวมาจากหออวี้เหรินจึงทำให้อวี๋เฟยฮวารอดตายมาได้ นางกอดตำราเล่มหนึ่งกับอุปกรณ์คัดอักษรไว้ในอ้อมแขน ทั้งยังมีเงินล่วงหน้าที่เถ้าแก่ใจดีอุตส่าห์ให้มาก่อนเสียด้วย อวี๋เฟยฮวาหยุดฝีเท้าด้านหน้าร้านซาลาเปาเมื่อเช้า นางยื่นมือออกไป กล่าวเสียงใส
“ท่านป้า ขอซาลาเปาเนื้อสับสองลูกเจ้าค่ะ”
คราวนี้ไม่โดนไล่อีกอวี๋เฟยฮวาจึงดีใจยิ่ง นางซื้อซาลาเปาแล้วยังมีเงินเก็บอีกส่วนหนึ่งจึงมีความสุขเหลือจะกล่าว เด็กน้อยเดินไปพลางคิดไปพลาง หากนางมีเงินเหลือทุกวันเช่นนี้ อีกไม่นานก็คงจะเก็บเงินซื้อบ้านได้แล้ว
“นายท่าน เรื่องที่สั่งข้าจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
เหยียนฮ่าวนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ชั้นบนสุดของโรงสุรา ในมือเขาถือจอกหยกสีขาวสะอาดชั้นดีไว้ คลึงมันเล่นเบา ๆ “สำนักอื่นว่ายังไงบ้าง”
“สำนักอื่นขอบคุณในการช่วยเหลือของหุบเขาเราขอรับ โดยเฉพาะตาเฒ่าฉีแห่งสำนักเหิงเยว่ขอบคุณท่านเป็นพิเศษ ทั้งยังกล่าวว่าของที่นายท่านตามหาอยู่ใกล้ตา ขอเพียงเปิดใจมองก็จะหาพบในที่สุดขอรับ”
“ของอยู่ใกล้ตา? เปิดใจมองหา?” เหยียนฮ่าวหัวเราะเสียงเบาทว่าในน้ำเสียงกลับหาความขบขันไม่เจอเลยสักนิดเดียว “ตาเฒ่าฉีเลอะเลือนไปแล้วหรือ หาของมีใครบ้างไม่เปิดตา เสียเวลาข้าจริง ๆ”
ตาเฒ่าฉีผู้นั้นเป็นหนึ่งในคนที่รอบรู้ที่สุดในยุทธภพ มีชีวิตยืนยาวจนบางครั้งก็ออกจะยาวเกินไปสักหน่อย เขาเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักเหิงเยว่ เมื่อสามปีก่อนบุตรสาวของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่ว่าจะส่งคนออกตามหามากเท่าไหร่ก็คล้ายเจอทางตัน ไม่สามารถหาทางออกได้ ผ่านมาแล้วสามปีแม้ตาเฒ่าฉียังไม่หยุดควานหา แต่ผู้อื่นกลับหยุดไปนานแล้ว
คนเป็นต้องเห็นตัว คนตายต้องเห็นศพ ตาเฒ่าฉีผ่านมานานถึงเพียงนี้ก็ยังหาบุตรสาวไม่เจอจนได้ความช่วยเหลือจากเหยียนฮ่าวถึงได้รู้ว่าบุตรสาวถูกขังอยู่ภายในสำนักดับตะวัน เพราะข่าวนั้นตาเฒ่าที่ปิดปากเงียบมานานจึงสามารถง้างปากได้เสียที
แต่ก็เป็นข่าวที่ไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน
เหยียนฮ่าวโบกมือปัด อาหลางรีบถอยหลังกำลังจะออกจากห้องก็เป็นอาหลีที่เปิดประตูเข้ามา เขาค้อมกายลง เอ่ยเสียงเรียบ
“นายท่าน แม่ทัพใหญ่สกุลฮวาต้องการพบท่านขอรับ”
เหยียนฮ่าวยังอารมณ์ไม่ดีจากตาเฒ่าฉีอยู่ มีหรือจะมีอารมณ์ไปพบหน้าผู้ใด เขากล่าวเสียงเข้ม
“ไม่พบ ไล่กลับไป”
“นายท่าน แม่ทัพฮวากล่าวว่าเขามีสิ่งของมาแลกเปลี่ยนขอรับ”
“ข้าไม่พบ”
“นายท่าน มันคือสมุนไพรตัวสุดท้ายที่ท่านกำลังตามหาขอรับ”
เหยียนฮ่าวที่ใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มทีคล้ายโดนน้ำเย็นสาดหน้าโดยพลัน เขาวางจอกชาหยกเนื้อดีลงบนโต๊ะด้านข้างมือก่อนลุกขึ้นยืน
“ไปพาแม่ทัพฮวามาพบข้าที่นี่”