บทที่ 3 เจ้าไม่ต้องกลัว
โม่หรงก่านรับแขกมาพักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าวุ่นวาย กลับไปที่ห้องหนังสือเพียงคนเดียว ยังมีภาระทางกองทัพกองพะเนินรอไปจัดการอยู่อีกด้วย ใครจะมีเวลาว่างไปเสแสร้งแกล้งทำกับคนพวกนั้น แม้ว่าจะเป็นงานอภิเษกที่หวงตี้ทรงพระราชทานให้ แต่เขาไม่ชอบ เห็นแก่หน้าทำเป็นขอไปทีสักพักหนึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือไม่มีใครมาเชิญเขาไปเข้าห้องหอเลย เขาดีใจที่ได้อยู่อย่างสงบ จัดการเรื่องงานเรียบร้อย ก็มาอ่านตำราอีกสักพัก และก็พักผ่อนไปครู่หนึ่ง
โม่หรงก่านก็ไม่ทราบเลยว่าไม่มีคนมาเชิญเขาไปเข้าห้องหอ ไม่ใช่บ่าวรับใช้ลืมธรรมเนียมปฏิบัติไป แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่กล้า แขกเหรื่อยังไม่ได้แยกย้ายกันไป สี่เหนียง(ผู้หญิงที่ดูแลเจ้าสาวในพิธีแต่งงานแบบโบราณ)ก็พบว่าเจ้าสาวไม่อยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นความโชคร้ายที่ไม่คาดคิดเชียวนะ นางกลอกตาทั้งสองข้างไปทีหนึ่ง ล้มลงไปที่หน้าประตูแล้วเป็นลมหมดสติไปเลย เป็นสาวใช้ที่เห็นเข้า ก็รีบไปรายงานพ่อบ้านใหญ่ห่าวผิงก้วน
ห่าวผิงก้วนรับรองแขกอยู่ด้านหน้าห้องโถง ได้ยินข่าวนี้ก็ตกใจจนหน้าซีดไปเลย ดีที่เขาฝึกจนเคยชินแล้ว ไม่นานก็กลับคืนมาเป็นปกติ รีบร้อนไปที่เรือนหลัง สั่งการให้คนออกไปตามหาโดยรอบ มืดไปหมดแล้ว เจ้าสาวน่าจะหนีไปไม่ได้ไกล หาเจอแล้วรีบไปเชิญหวางเหย่มาที่ห้องหอ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดความวิตกกังวลในคืนนี้อีก
แต่หามานานมาก พวกแขกเหรื่อต่างก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เจ้าสาวก็เหมือนกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยังไงก็หาไม่พบเลย
คนในจวนหวางต่างก็ร้อนใจเหมือนมดที่ถูกความร้อนบนหม้อ เดินวนไปเวียนมา แต่ใครก็ไม่กล้าไปรายงานโม่หรงก่าน เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไป ก็คงจะถูกชาวบ้านทั่วหล้าหัวเราะเยาะเอาได้น่ะสิ ฉู่หวางโหดเหี้ยมมากแค่ไหน หญิงสาวอรชรงดงามที่แต่งเข้าไปต่างก็ตกใจจนหนีไปเลย!
หาจนทั่วทั้งจวนหวางแล้ว ก็ขาดแต่เพียงไม่ได้สูบน้ำในทะเลสาบหมิงออกมาหาเท่านั้น แต่ก็ยังไร้วี่แววเจ้าสาว ในตอนนี้คิดว่าคงจะปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ห่าวผิงก้วนก็เลยรวบรวมความกล้าทั้งหมดไปที่เรือนของฉู่หวาง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทั่วทั้งเรือนมืดไปหมดเลย นี่หมายความว่าในตอนนี้โม่หรงก่านได้หลับไปแล้ว
โม่หรงก่านมีอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเพิ่งตื่นนอน หากถูกรบกวนให้ตื่น ได้รับการฟาดด้วยแส้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ห่าวผิงก้วนรู้สึกลำบากใจไปหมดเลย รายงานเหรอ ไม่ใช่แส้ก็เป็นไม้ตะบอง ยังไงก็ต้องโดนอะไรสักอย่าง ไมม่รายงานเหรอ หวางเหย่ไม่ชอบคุณหนูตระกูลไป๋เซี่ยง นางจะเป็นตายยังไง หวางเหย่อาจจะไม่ไยดีก็ได้
ชั่งตวงวัดครู่หนึ่ง ห่าวผิงก้วนก็ตัดสินใจได้แล้ว หันหน้าเดินไปเลย
ในคืนนี้ ทั่วทั้งจวนฉู่หวางไม่มีทางหลับสนิทได้เลย มีเพียงโม่หรงก่านที่หลับอย่างหวานหอม ไม่ได้ฝันไปจนฟ้าสว่างเลย
ค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นมา ข้างหมอนมีคน ก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง ใบหน้าเท่าฝ่ามือ ก็ลืมตาขึ้นมาพอดีเช่นกัน ดวงตาทั้งสี่สบเข้าด้วยกัน ชะงักไปทั้งคู่
ท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆ ที่ไม่มีทางอธิบายได้ ไป๋เชียนฟานค่อยๆ อ้าปากขึ้น “เจ้าอย่ากลัว”
ฉู่หวางเหย่เป็นคนหนึ่งที่มักจะไม่ตื่นตระหนกในสถานการณ์อันตราย แต่ในขณะนี้เขาก็อดที่จะชะงักไปครู่หนึ่งไม่ได้ เมื่อเห็นเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงของเขา และบอกให้เขาอย่ากลัว...... แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร และยังคงฟังนางพูดต่อไป
น้ำเสียงของไป๋เชียนฟานเปี่ยมไปด้วยความเกียจคร้านที่ยังไม่ตื่นดี “ข้าคือเซียนจิ้งจอกที่ฝึกฝนในเขาลึกมานานพันปี เนื่องจากเมื่อคืนมีฟ้าร้องเสียงดัง รบกวนการฝึกฝนของข้า จึงหลงเข้ามาในโลกมนุษย์ จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
โม่หรงก่านมีท่าทางมั่นคงและไม่ตื่นตระหนก มองดูนางครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ก็ออกไปแบบนี้?”
ไป๋เชียนฟานเอามือยื่นออกมา นิ้วมือข้างหนึ่งที่อ้วนท้วนก็สัมผัสไปบนหน้าผากของเขาเบาๆ “ข้าจะให้ความปรารถนาของเจ้าสำเร็จหนึ่งอย่าง ว่ามาเถอะ”
“ต้องการอะไรก็ได้?”
“ต้องการอะไรก็ได้” ไป๋เชียนฟานชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เพิ่มเติมหนึ่งประโยค “ไม่ต้องมาเกรงใจกับข้า”
“ไปให้พ้นจากเตียงของข้า ไปตายซะ!”
ไป๋เชียนฟาน: “......เจ้า ทำไม กล้ามา ไม่เคารพ ข้า”
“เซียนจิ้งจอกพูดได้แค่สองคนสั้นๆ เหรอ?” โม่หรงก่านเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ไป๋เชียนฟานรีบแหวกผ้าห่มออกแล้วกระโดดลงไป ในเสื้อผ้ามีของเป็นกองล่วงลงไปเสียงดังป๊อกแป๊ก
โม่หรงก่านยื่นศีรษะมองไปครู่หนึ่ง โอ้โห กริช ลูกกระสุน คันยิงกระสุน ลูกดอก ถั่วลิสง ลำไย พุทราแดง ขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว ขนมกรอบ...... สาดกระจายบนพื้นอย่างยุ่งเหยิงไปหมด