บทที่ 2 หวางเฟยหนีออกไป
โม่หรงก่านกลับมาถึงในจวน บ่าวรับใช้รีบสวมใส่ให้เขาอย่างเร่งรีบ ศีรษะสวมมงกุฎทองประดับอัญมณี และสวมชุดแต่งงานสีแดงทองที่มีลวดลายฟูฟ่อง ด้านบนปักลายมังกรทองสี่ขาเอาไว้ มังกรตัวนั้นดูมีชีวิตชีวา แต้มตาลงไปก็สามารถบินได้ก็ไม่ปาน บนเอวรัดไว้ด้วยเข็มขัดหยกสีเขียวขาวที่มีประกายระยิบระยับ และมีเชือกผ้าสีสันสดใสที่มีพู่ยาวห้อยอยู่ที่เอว มีจี้หยกขาวที่ทำจากไขมันแกะติดอยู่ และสวมรองเท้าบูททางการที่ทำจากผ้าซาตินสีฟ้าและหนังกวางเอาไว้
เดิมนั้นเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวเช่นนี้ยิ่งดูโดดเด่นมากขึ้น ดูเหมือนจะเหนือกว่าจิ้นหวางที่มีชื่อเสียงในเรื่องความรูปงามเสียอีก อันที่จริงแล้วเขากับจิ้นหวางมีหน้าตาคล้ายกันมาก เพียงแต่จิ้นหวังมีผิวขาวนวลดูสุภาพ ส่วนเขานั้นต้องเผชิญหน้ากับสงครามตลอดเวลา ตากแดดตากฝน ทำให้มีผิวสีแทนเหมือนข้าวสาลีไปทั้งตัว ซึ่งกลับทำให้รูปร่างของเขาดูแข็งแรงและมีออร่าความเป็นผู้นำมากยิ่งขึ้น
แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้ว สาวใช้คนสนิทชีหงกับลวี่เหอก็กล่าวอวยพรกับเขา โม่หรงก่านก็ตกรางวัลให้ไป มาที่ด้านหน้าต้อนรับเจ้าสาวเข้าประตู
เพียงแต่......เห็นสี่เหนียงจูงคนตัวเล็กๆ ออกมาจากในเกี้ยวเจ้าสาว โม่หรงก่านก็ชะงักไปเล็กน้อย ร่างนี้ก็ดูเล็กไปหน่อยนะ! แน่ใจว่าเป็นเจ้าสาว ไม่ใช่สาวใช้ที่มาอยู่เป็นเพื่อน?
เครื่องยศสตรีที่สวมอยู่บนตัวของนางก็ดูเหมือนแขวนอยู่บนกิ่งไม้เล็กๆ ที่เตี้ยและไม่อวบต้นหนึ่งก็ไม่ปาน ดูว่างเปล่าและไม่มีน้ำหนัก
โม่หรงก่านค่อนข้างสงสัย กล่าวถามสี่เหนียงว่า “ไม่ได้รับคนมาผิดนะ?”
“ทูลหวางเหย่ ไม่ผิดแน่เพคะ เป็นคุณหนูห้าที่อยู่จวนไป๋เซี่ยงแน่นอน” สี่เหนียงฟันสั่นเทาไปหมด ชะงักว่าไม่ได้พูดผิดสักคำเดียว ต่อหน้ามัจจุราชอย่างฉู่หวาง ความผิดแม้แต่นิดเดียวก็ไม่เว้นหรือปล่อยไปได้
โม่หรงก่านก็ไม่ได้สนใจในตัวคุณหนูห้าตระกูลไป๋ ในเมื่อสี่เหนียงบอกว่าใช่ งั้นก็ใช่น่ะสิ คิดว่าไป๋หรูหลิ่นก็คงจะไม่กล้ามาเล่นตลกอะไรกับเขาเป็นแน่
เมื่อทำพิธีแต่งงานเสร็จแล้ว ห้องโถงหน้ามีการจัดเลี้ยง วันนี้โม่หรงก่านเป็นเจ้าบ่าว ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เจ้าสาวถูกสี่เหนียงและพวกสาวใช้พาไปที่เรือนหลัง ไปเก็บตัวอยู่ในห้องหอ
ในที่สุดก็สงบลงจนได้ ไป๋เชียนฟานแอบมองรอดมาจากด้านล่างผ้า แน่ใจว่าในห้องไม่มีใครแล้วก็จับผ้าแหวกขึ้นไปทางด้านบน ยังไงก็ต้องเอาหน้าออกมาเพื่อมองดูรอบด้าน
เตียงมงคลสีแดงสด มีผ้าห่มคู่รักและผ้าปูที่นอนลายดอกบัวคู่ด้วย หน้าต่างประดับด้วยตัวอักษรมงคลสองตัว เทียนมงคลจุดไฟอยู่บนแท่นสูง และมีโคมไฟดอกบัวสี่ดวงแขวนอยู่ที่มุม ส่องจนภายในห้องสว่างสดใส
ไป๋เชียนฟานถอดผ้าคลุมแต่งงานออกอย่างระแวดระวังแล้วโยนไปบนเตียง อีกทั้งยังค่อยๆ ควานหาเพื่อแกะดอกไม้ที่ผูกติดกับมงกุฎหงส์เอาไว้ออก แต่ไม่ระวังไปดึงผมตัวเอง เจ็บจนต้องกัดฟันเอาไว้ ยกแขนสูงขึ้นเอาไว้ ไม่นานก็รู้สึกเมื่อยแล้ว ต้องพักสักครู่แล้วกลับมาทำต่อแบบนี้สามครั้ง จึงสามารถปลดมงกุฎหงส์ที่หนักอึ้งออกได้
นางไม่ได้สัมผัสน้ำมาเป็นเวลาสามชั่วยามแล้ว ยิ่งอย่าว่าแต่อาหารเลย หากไม่ใช่สี่เหนียงประคองนางเอาไว้ตลอด ตอนที่ทำพิธีก็เกือบจะล้มหน้าทิ่มลงไปไม่ขึ้นมาแล้ว
บนโต๊ะมีของว่างวางเอาไว้ บนเตียงก็มีพุทรา ลำไย และถั่วลิสงสาดเอาไว้เล็กน้อย นางคว้าไปสองกำ ยัดเข้าไปในช่องเสื้อ เอาไว้สำหรับยามจำเป็น นางเป็นคนที่เตรียมการเอาไว้ก่อนเกิดปัญหามาโดยตลอด ไม่ชอบทำสงครามที่ไม่ได้เตรียมตัว
ก็เลยกินขนมไปสองจาน ดื่มน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะไป เพราะว่าเวลาเร่งรีบ กินได้รีบร้อนไปหน่อย จุกไปเลย สะอึกออกมาไม่หยุด นางก็กระดกน้ำชาไปครึ่งกา ก็เลยรู้สึกว่าดีขึ้นหน่อย เพียงแต่ท้องบวมออกมา ต้องรีบออกจากนี่ไปให้ไวหน่อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เทขนมสองจานที่เหลือเข้าไปในช่องเสื้อผ้าเช่นกัน แอบสังเกตการณ์ที่หน้าต่างครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีคนก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
นางคิดไม่ถึงว่าจวนฉู่หวางจะอิสระเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีคนเฝ้าเอาไว้ เสียดายที่เธอเตรียมตัวมาอย่างดี แต่กลับไม่ได้นำอาวุธเหล่านั้นที่ซ่อนไว้มาใช้ประโยชน์เลย
หลายวันนี้ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับนาง บอกว่านางโชคดีมาก แต่งเข้ามาที่จวนฉู่หวาง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปรุ่งเรืองมั่งคั่งไม่มีที่สิ้นสุด ในหัวสมองของนางไม่ได้ปราดเปรื่องเท่าพี่สาวหลายคนเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้โง่ หากดีขนาดนั้นจริง ก่อนหน้านางยังมีพี่สาวอีกสามคนนะ เรื่องดีระดับนี้ทำไมถึงไม่ไปตกอยู่บนตัวของพวกนาง ในทางตรงกันข้ามยังให้นางที่เป็นลูกอนุที่ไม่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างได้มันมาอีก
ทุกคนบนโลกนี้ต่างทราบกันดีว่าฉู่หวางเหย่เป็นมัจจุราช หลบยังจะไม่ทันเลย กล้าแต่งเข้ามากลัวว่าจะมีชีวิตอยู่นานไปน่ะสิ!