บทที่ 1 ฉู่หวางอภิเษก
ในเดือนสามที่สดใส แสงแดดสาดส่อง ดอกไม้บานสะพรั่ง เป็นช่วงเวลาที่ดีของปีพอดี
ในเมืองหลินอันคึกคักอย่างมาก ถนนจินเซิ่งที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง มีผู้คนแต่งตัวสวยงามเดินขบวนยาวเป็นสิบลี้ เห็นแต่หัวขบวนมองไม่เห็นท้ายขบวน ประชาชนที่มาชมความครื้นเครงล้อมรอบอยู่ด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้น เสียงเจ๊าะแจ๊ะอัดแน่นเต็มไปหมด
พวกชาวบ้านมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก ไม่ใช่เพราะงานอภิเษกในวันนี้ใหญ่โต แต่เป็นเพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของฉู่หวางเหย่ซึ่งเป็นมัจจุราชของแคว้นตงเยว่นั่นเอง
เมื่อเอ่ยถึงฉู่หวางเหย่ เด็กเล็ก 2-3 ขวบต่างก็รู้จักกันดี ได้ยินชื่อถึงกับร้องไห้ขี้มูกโป่งกันเลย เป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวกว่าภูตผีปีศาจอีก ได้ยินว่าใบหน้าของเขาดำกว่าก้นหม้ออีก ดวงตาใหญ่โตราวกับลูกกระดิ่ง ปากห้อยไปสี่ด้าน รูจมูกพุ่งไปถึงสวรรค์ เคี้ยวแหลมคมไปทั้งปาก ชอบกินหัวใจของเด็กมากเป็นพิเศษ หญิงที่ในบ้านมีลูกชายชอบร้องไห้ตอนกลางคืนแอบวาดภาพเสมือนของฉู่หวางเหย่ติดเอาไว้ที่หัวเตียงของเด็กน้อย ใช้เอามาป้องกันสิ่งชั่วร้าย นับว่าเห็นผลมากทีเดียว
แต่พวกชาวบ้านเห็นผู้ชายใบหน้าราวดั่งมงกุฎหยก ดวงตาหงส์เรียวยาว รอยยิ้มมีเสน่ห์นั่งอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่ ที่ไหนเหมือนภูตผีปีศาจกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หล่อเหลาไร้ที่ติ กำลังรู้สึกว่าที่ได้ยินได้ฟังมาไม่น่าเชื่อเลย ก็ได้ยินว่านั่นไม่ใช่ฉู่หวางเหย่ แต่เป็นจิ้นหวางซึ่งเป็นน้องชายท้องเดียวกัน เพราะว่าฉู่หวางติดงานราชการอยู่ จึงไม่สามารถรีบกลับมาได้ทัน ดังนั้นก็เลยไหว้วานให้จิ้นหวางมาเป็นตัวแทนรับการอภิเษก รอจนตอนที่เคารพฟ้าดินแล้วฉู่หวางจึงจะมาถึงได้ทัน
จิ้นหวางก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังผู้หนึ่ง เขามีเสน่ห์และหล่อเหลา มีความรู้ความสามารถสูงในด้านต่างๆ เช่น บทกวี เพลง ศิลปะ รวมไปถึงพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ชำนาญเลย จนทำให้เขาได้รับความชื่นชมจากพวกคุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์ ในเมืองหลินอันก็มีข่าวลือที่น่าสนุกแพร่ออกมาบ่อยครั้งเกี่ยวกับลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์กับจวิ้นจู่แย่งชิงความสนใจจากจิ้นหวาง จวนจิ้นหวางได้รับผ้าเช็ดหน้าปัก ถุงผ้าหอม ถุงผ้าใส่เงินอะไรทำนองนี้ที่พวกลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์ส่งมาให้เป็นประจำ จิ้นหวางเป็นคนที่ปล่อยวาง ในขณะเดียวกันกับที่สนุกสนานกับพวกลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์อยู่นั้น ก็ยังไม่พลาดที่จะไปสนุกสนานในตรอกที่เต็มไปด้วยความบันเทิง และมีความสุขกับพวกหญิงงามเมืองเลื่องชื่ออันดับหนึ่งของเมืองหลินอัน
พี่ชายเป็นมัจจุราชที่ทำให้พวกแม่นางหวาดกลัว แต่น้องชายกลับเป็นชายหนุ่มที่ทุกคนแย่งชิง ตั้งแต่ขุนนางระดับสูงไปจนถึงตรอกที่เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ใครๆ ก็แย่งชิงกัน พวกชาวบ้านต่างพากันอ้าปากค้างและรู้สึกแปลกใจว่าทำไมความแตกต่างระหว่างสองพี่น้องถึงได้มากมายขนาดนี้กันนะ!
ฉู่หวางโม่หรงก่านควบม้าเข้าเมือง ก็เลยเคลื่อนที่ไม่เร็ว เท้าของม้าดัง “ตุบๆๆ” ไม่เร่งรีบดูผ่อนคลาย
ถนนหลวงได้ปัดกวาดจนสะอาดสะอ้านนานแล้ว คนที่ไม่เกี่ยวข้องแม้แต่คนเดียวก็ไม่มีเลย แต่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ยังได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังมาจากถนนจินเซิ่ง เสียงประทัดดังป๊อกแป๊ก เสียงกลองดังสนั่น และเสียงซัวนาโห่ร้องอย่างดังกระหึ่ม ยังมีเสียงร้องแสดงความยินดีของชาวบ้านที่มาดูงานอีกด้วย ประมาณว่าเป็นการส่งคนมาแจกขนมและเหรียญกษาปณ์ตามถนน ดึงดูดให้ชาวบ้านแย่งชิงกันขึ้นมา
โม่หรงก่านฟังเสียงอึกทึกนั้นอยู่ แต่กลับเหมือนคนไม่ได้ยินอะไรเลย ยังคงควบม้าอย่างใจเย็น เจี่ยถงผู้ติดตามคนสนิทแอบมองไปที่เขาครู่หนึ่ง เห็นสีหน้าของเขาสงบมาก ก็เลยกล้าเล่นมุกออกมาว่า “หวางเหย่ ท่านไม่อยากจะไปเห็นหน้าเจ้าสาวเร็วหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
โม่หรงก่านกระแอมออกมาหนึ่งที “ช้าเร็วยังไงก็ต้องเจอ ก็ไม่หนีไปไหนเสียหน่อย”
เจี่ยถงก็กล่าวอีกว่า "ได้ยินว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงหน้าตางดงามราวกับนางฟ้า หวางเฟยของพวกเราก็เป้นน้องแท้ๆ ของนาง รับรองว่าต้องเป็นหญิงงามมากเช่นกันแน่"
โม่หรงก่านเหลือบมองเขาไปแวบหนึ่ง “เจ้าสนใจหวางเฟยงั้นหรือ? พรุ่งนี้ข้าจะเลิกกับนาง แล้วยกให้เจ้าละกัน”
เจี่ยถงตกใจจนเกือบตกลงมาจากม้า หน้าตาเศร้าหมอง “หวางเหย่ คำพูดนี้จุดเริ่มต้นมาจากไหน ข้าก็ดีใจแทนท่านน่ะหวางเหย่”
หนิงจิ่วที่ไม่พูดอะไรเลยมาโดยตลอดก็เหลือบมองเขาไปหนึ่งที “เรื่องของหวางเฟย เจ้ารีบร้อนเกินไปหรือเปล่า ไม่ว่ายังไง นั้นก็เป็นบุตรสาวของตระกูลไป๋เซี่ยงเชียวนะ”
โม่หรงก่านหรี่ตาลง สะบัดแส้ขึ้น วิ่งไปด้านหน้าสุดเลย ไป๋หรูหลิ่นยื่นมือเข้ามาวุ่นวายในจวนของเขาแล้ว ดีมาก ก็อยากจะขอดูหน่อยว่าสาวงามที่งดงามราวกับนางฟ้าที่เขาส่งมาจะเป็นอย่างไร!
เจี่ยถงกดเสียงขึ้นมาแล้วกล่าวออกมาอย่างไม่กลัวตายอยู่ด้านหลังสุดว่า “บุตรสาวตระกูลไป๋เซี่ยงแล้วเป็นยังไง ตระกูลไป๋เซี่ยงมีสาวงาม ดูสิว่าหวางเหย่จะทนได้นานแค่ไหน”
หนิงจิ่วเหลือบตามองไปที่เขาทีหนึ่ง ไม่อยากจะสนใจ ดึงเชือกบังเหียนขึ้นแล้ววิ่งผ่านข้างกายเขาไปอย่างรวดเร็ว
เจี่ยถงพึมพำกับตัวเอง “หวางเหย่ใจร้อนก็สามารถเข้าใจได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าวิ่งไปไวขนาดนี้ทำไมกัน หรือว่าก็อยากจะเห็นสาวงามที่งดงามราวกับนางฟ้าเช่นกัน!”
ปล.ฉู่หวาง=ฉู่อ๋อง^^