เหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อน
บทที่ ๔ เหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อน
“หลินเอ๋อร์ เจ้าจงไปหาข่าวเกี่ยวกับตัวข้าในสามเดือนมานี้ให้หมดสิ้น แล้วเอาไปรายงานข้าที่ทะเลสาบนอกเมือง” เสี่ยวหลานหันมาสั่งบ่าวรับใช้คนสนิทอย่างหลินหลิน ตลอดระยะเวลาสามเดือนมานี้ นางต้องการรู้ว่าตอนนี้ผู้คนพูดถึงตัวนางว่ายังไงบ้าง หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อสี่เดือนก่อน
“เจ้าค่ะ…คุณหนู”
เมื่อแยกจากหลินหลินแล้ว เสี่ยวหลานก็เดินตรงไปยังทะเลสาบนอกเมือง สายตาของนางมุ่งตรงไปข้างหน้าจนไม่สังเกตเห็นว่าชาวเมืองที่กำลังเดินผ่านไปมานั้นตกใจเพียงใดเมื่อเห็นนางเดินอยู่กลางถนนคนเดินออกนอกเมืองแบบนี้ มันจึงทำให้ข่าวการปรากฏตัวของเสี่ยวหลานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ไม่กี่เค่อเท่านั้นทุกคนในเมืองต่างรับรู้ถึงการออกจากการเก็บตัวของเสี่ยวหลาน
“ผู้คนภายในเมืองหลวงแห่งนี้ ช่างคล้ายคลึงกับผู้คนในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ของเรานัก” ถึงจะบอกว่าไม่สนใจ แต่เสี่ยวหลานก็รับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องมองนางด้วยสายตาที่เหยียดหยามและดูถูก
พอเดินออกมาจากในเมืองได้พักใหญ่ เสี่ยวหลานนางก็เดินมาถึงยังทะเลสาบนอกเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทว่า…หลังจากเสี่ยวหลานมาถึงได้พักหนึ่ง ก็ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาทางที่นางนั้นกำลังยืนดูทะเลสาบในยามค่ำคืนด้วยท่าทีที่เหม่อลอย
“ข้าก็นึกว่าหญิงสาวที่ไหนมาเดินดูทะเลสาบคนเดียว ที่แท้ก็อดีตคู่หมั้นของข้านี้เอง ฮ่าๆ”
เป็นเสียงของชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกและดูแคลน เขาเดินมาใกล้เสี่ยวหลานเรื่อยๆ ก่อนจะสั่งลูกน้องที่เดินตามเขามาห้าคนเข้าไปจับตัวเสี่ยวหลานเอาไว้
“ไปจับตัวมันมา ใครจับตัวได้เป็นคนแรก…คืนนี้ข้าจะให้มันผู้นั้นได้ลิ้มรสสวาทของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดในแคว้นเป็นคนแรก ฮ่าๆ”
สิ้นสุดเสียงของชายหนุ่มรูปงามลูกน้องทั้งห้าของเขาก็พุ่งตัวไปจับเสี่ยวหลานในทันที
“เหอะ…” เสี่ยวหลานแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยเป็นเชิงดูถูก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“มู่เทียน ข้าเกลียดผู้ชายประเภทเจ้ามากที่สุด เจ้าคิดว่าข้าคือเสี่ยวหลานคนเดิมหรือไง…ที่จะยอมให้พวกเจ้ารังแกได้ง่ายๆ”
พอเอ่ยจบเสี่ยวหลานก็ดีดตัวเข้าไปหาชายทั้งห้าคนที่เป็นลูกน้องของมู่เทียนด้วยความเร็วดุจภูตผี จากนั่นก็ใช้ฝ่ามืออันเรียวงามฟาดไปที่บริเวณลำคอและใช้เท้าอันเรียวเล็กของนางเตะไปที่ช้างน้อยของคนทั้งห้าด้วยกำลังถึง 7 ส่วน
ปั้ก!! ปั๊ก!! ปั๊ก!! ปั๊ก!! ปั๊กก!!
ทั้งห้าคนนั้นนอนลงไปกองกับพื้นด้วยความอาการจุกเสียดที่หนอนน้อยพร้อมกับร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
มู่เทียนเมื่อเห็นลูกน้องทั้งห้าคนของเขานั้น ถูกเสี่ยวหลานจัดการอย่างง่ายดายก็รู้สึกอับอายและโมโหเป็นอย่างมาก เขาจึงระเบิดพลังปราณระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ 7 ออกมาทันที เพื่อหมายจะล้างแค้นให้ลูกน้องของตน
“เสี่ยวหลาน เจ้ามันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าที่มีดีแค่รูปโฉม กล้าดียังไงมาทำร้ายลูกน้อง..”
มู่เทียนเอ่ยจบ ก็พุ่งตัวเข้ามาหาเสี่ยวหลานด้วยความเร็วดุจสายฟ้า มันใช้หมัดอันรุนแรงต่อยไปที่เสี่ยวหลานด้วยกำลังกว่า 9 ส่วน
“ฮ่าๆ เจ้ามันขยะจริงๆ เสี่ยวหลาน แค่นี้ก็ยังหลบข้าไม่ได้ เจ้ายังเทียบฉินซวงไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บ”
เสี่ยวหลานแสยะยิ้มที่มุมปากขึ้นมาอีกรอบก่อนจะใช้มืออันเรียวงามหยุดหมัดของมู่เทียนด้วยมือเปล่า จากนั่นนางก็ย่อลงเล็กน้อยก่อนจะใช้มืออีกข้างชกไปที่ท้องน้อยของมู่เทียนจนกระเด็นถอยนับ 10 ก้าว
“ขอบคุณที่ออมมือให้ข้า”
เสี่ยวหลานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนพร้อมกับมองไปที่มู่เทียนด้วยสีหน้าที่เหยียดหยาม จนทำให้มู่เทียนหน้าแดงก่ำดุจมะเขือเทศ เขาลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมกับพุ่งเข้ามาโจมตีเสี่ยวหลานอีกรอบด้วยท่าทีที่โกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“ขยะอย่างเจ้ากล้าดูถูกข้างั้นหรือ ตายซะ! คลื่นเพลิง”
คลื่นเพลิงสีส้มพุ่งเข้าหาเสี่ยวหลานเป็นแนวเฉียง พลังทำลายล้างของวิชานี้นั่นรุนแรงเป็นอย่างมากมันเทียบได้กับพลังของกระทิง 2 ตัวรวมกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากที่ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะระดับผู้ฝึกยุทธ์ที่ 1 อย่างเสี่ยวหลานจะสามารถหลบหรือป้องกันมันได้
แต่…ถ้าหากเป็นเสี่ยวหลานคนก่อนหน้าคงจะใช่ ทว่า…ตอนนี้นั่นมันแตกต่างออกไปผู้ที่อยู่ในร่างของเสี่ยวหลานตอนนี้ก็คือ ธิดาเทพลั่วเหยา ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์สตรีทั้งมวล การโจมตีเด็กเล่นเช่นนี้นั่นไหนเลยจะสามารถทำอะไรนางได้
“เทคนิคควบคุมพลังธรรมชาติ”
เสี่ยวหลานรวบรวมพลังปราณของนางไว้ที่ฝ่ามือก่อนควบคุมน้ำในทะเลสาบที่อยู่ข้างหลังของ มาสร้างเป็นโล่รับการโจมตีของมู่เทียน
ตู้มมม!
คลื่นเพลิงของมู่เทียนปะทะเข้ากับโล่น้ำของเสี่ยวหลานผลปรากฏ คลื่นเพลิงของมู่เทียนนั่นพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย เนื่องจากธาตุไฟนั่นโดยธรรมชาตินั้นจะแพ้ธาตุน้ำ
“บัดซบ!”
มู่เทียนสบถออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูโมโหอย่างมาก ตอนนี้นั่นเขารู้สึกหัวเสียสุดๆ ที่โดนเสี่ยวหลานปัดป้องการโจมตีของตนไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ไม่! มันยังไม่จบ!”
มู่เทียนตะโกนเสียงดัง เขาชักกระบี่ที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าไปโจมตีเสี่ยวหลานอีกครั้งด้วยรังสีฆ่าฟันอย่างรุนแรง
“หึ..”
เสี่ยวหลานยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วเพียง 2 นิ้วของนางหยุดกระบี่ที่กำลังจะแทงทะลุผ่านศีรษะของนางได้ทันอย่างหวุดหวิด จากนั้นก็ใช้เท้าเตะไปที่จุดสำคัญของเพศชายของมู่เทียนด้วยกำลังทั้งหมดที่นางนั้นมี
ปั้งงงง!
ร่างของมู่เทียนลงไปกองกับพื้น เขากุมไปที่เป้าของตนพร้อมกับร้องโอดครวญด้วยน้ำเสียงที่น่าสมเพซไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง
“อ๊ากก! ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยผู้อาวุโส”
สิ้นสุดเสียงร้องโอดครวญของมู่เทียนก็ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ดูมีภูมิฐานกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับพยุงร่างของมู่เทียนขึ้นมาและพาออกไป แต่ก่อนที่จะพามู่เทียนออกไปนั่นชายวัยกลางคนก็ได้ฝากข้อความแก่เสี่ยวหลานเอาไว้ว่า ความแค้นในครั้งนี้ ตระกูลมู่ของเราจะจดจำไว้
หลังจากผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นพามู่เทียนออกไปได้ไม่นาน หลินหลินก็กลับมาพร้อมกับข่าวที่นางนั่นได้สั่งให้ไปหามา…
โดยข่าวที่หลินหลินหามาได้นั้นสรุปรวมยอดได้ว่า ผู้คนในเมืองหลวงนั่นต่างเรียกขานเสี่ยวหลานว่า หญิงสาวไร้ค่าแห่งแคว้นจินหลง
เรื่องเมื่อสามเดือนก่อนนั่นมันเริ่มต้นจากเสี่ยวหลานนั่นได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องที่มู่เทียนและฉินซวงอดีตเพื่อนสนิทของเสี่ยวหลานคนเก่าแอบมีความสัมพันธ์ลับกันมาช้านาน ซึ่งมันทำให้เสี่ยวหลานคนเก่านั่นโกรธแค้นฉินซวงเป็นอย่างมากที่เข้ามาแย่งคู่หมั้นของเพื่อนสนิทอย่างตน นางจึงคิดที่จะเข้าไปทำร้ายฉินซวง
แต่ก็ถูกมู่เทียนที่รู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวหลานนั่นได้ทราบว่าทั้งสองมีความสัมพันธุ์ลับต่อกัน…เขาจึงวางแผนให้ฉินซวงนั่นถูกเสี่ยวหลานทำร้ายจนเลือดตกยางออก และวันนั้นในเหตุการณ์เป็นการประชุมของ 4 ตระกูลใหญ่ เสี่ยวหลานที่ขาดสติและโกรธแค้นฉินซวงเป็นอย่างมากนางจึงพลั้งมือทำร้ายฉินซวงจนบาดเจ็บ
อีกทั้งฉินซวงยังซ้อนแผนเข้าไปอีก แผนนั่นก็คือการให้เสี่ยวหลานนั่นเป็นผู้ขโมยตำราฝึกยุทธ์ของตระกูลฉินไป โดยระหว่างที่นางโดนเสี่ยวหลาน นางก็จะใช้จังหวะนั่นนำตำราฝึกยุทธ์ของตระกูลนางไปใส่ไว้ที่ช่องเก็บของในอาภรณ์ของเสี่ยวหลาน
และแน่นอนว่าหลังจากเสี่ยวหลานทำร้ายฉินซวงเสร็จ ฉินซวงก็รีบใส่ความเสี่ยวหลานทันที เสี่ยวหลานเจ้ากับข้าเป็นเหมือนสหายร่วมตายกันเหตุใด เจ้าถึงทำร้ายข้าและกล้าขโมยตำราฝึกยุทธ์ของตระกูลข้า นื้คือถ้อยคำที่ฉินซวงใช้กล่าวหาเสี่ยวหลาน แน่นอนว่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ต่างเชื่อฉินซวงด้วยหลักฐานปลอมๆ ที่ฉินซวงสร้างขึ้นมา
หลังจากนั่นเสี่ยวหลานก็ถูกผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ไล่ออกมา และป่าวประกาศความผิดไปทั่วเมืองหลวง และวันต่อมาตระกูลมู่ก็ได้ถอนหมั้นเสี่ยวหลานกับมู่เทียนทันที
ส่วนทางด้านบิดาและมารดาของเสี่ยวหลานนั่นต่างลงโทษเสี่ยวหลานโดยการโบย 200 ครั้ง และนั่งคุกเข่าสำนึกผิดเป็น 3 วัน และกักบริเวณ 1 เดือน
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นแม้เสี่ยวหลานจะแก้ตัวเพียงใดก็ไม่มีใครเชื่อ ซ้ำระหว่างทางเขายังถูกทั้งคู่ลอบทำร้ายเพื่อหวังฆ่าปิดปาก เพียงเพราะต้องการเก็บความลับที่เสี่ยวหลานได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ลับของทั้งคู่ ไม่ว่าเสี่ยวหลานจะบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อเพราะทั้งสองคนนั้นหนึ่งก็คือคู่หมั้นที่รักกันตั้งแต่วัยเด็กและเพื่อนสนิทที่นางนั้นไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด