ความโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อและแม่
บทที่ 3 ความโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อและแม่
“หลินหลิน”
เสียงเรียกจากเสี่ยวหลานทำให้หลินหลินที่กำลังกำหมัดตัวเองแน่น ด้วยโกรธแค้นแทนผู้เป็นนาย พอได้ยินเสียงเรียกจากผู้เป็นคุณหนู จึงรีบเดินเข้าไปทันที
“เจ้าคะ คุณหนู”
“ข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าไปกับข้านะหลินเอ๋อร์”
หลังจากใช้เวลากว่าสามเดือนในการเรียนรู้วิธีการเป็นเสี่ยวหลาน และความเป็นไปของบ้านเมืองที่นางมาอาศัยอยู่จนเข้าใจหมดสิ้นแล้ว มันก็ถึงเวลาที่นางจะต้องออกไปเรียนรู้โลกภายนอกบ้าง ไม่ใช่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ข้างในตระกูล
3 เดือนมานี้นั้นเสี่ยวหลานสรุปได้ว่าช่วงเวลาที่นางตายนั้นมันผ่านมานานแล้วกว่า 50 ปี โดยที่ผู้คนทั่วทุกดินแดนต่างเรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า การร่วงหล่นของเทพธิดา โดยหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นอดีตสหายทั้ง 4 คนของนางได้สถาปนาตนขึ้นเป็น 4 จักรพรรดิเทพ โดยได้แบ่งอาณาเขตแดนศักดิ์ออกเป็น 4 ส่วนเพื่อแบ่งกันปกครอง
เสี่ยวหลานสะบัดความคิดเรื่องราวในอดีตออกจากหัวไปก่อนจะได้ยินเสียงของหลินหลินที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจที่ได้ยินว่าตนนั้นต้องการจะออกไปข้างนอก
“จริงหรือเจ้าคะ? ...หลินเอ๋อร์จะรีบไปเตรียมรถม้าให้คุณหนูเดี๋ยวนี้เลย”
หลินหลินตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าคุณหนูของตนจะออกไปข้างนอก เพราะนานมากแล้วที่ผู้เป็นนายนั้นไม่ได้ออกไปไหน ส่วนใหญ่แล้วคุณหนูของนางนั้นจะใช้เวลาไปกับการอ่านตำราอยู่ในห้อง และฝึกวิชายุทธ์ ส่วนตอนกลางคืนนั้นนางจะออกมานั่งชมพระจันทร์ยามค่ำคืนแทบจะทุกวัน
“ไม่ต้อง ข้าอยากจะเดินดูรอบๆ เมือง”
เสี่ยวหลานทำเชิงโบกมือบอกให้หลินหลินไม่ต้องไปบอกใครให้เตรียมรถม้า นางต้องการเดินชมรอบเมืองมากกว่าที่จะนั่งรถม้าชมเมือง
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
เพียงแค่การปรากฏตัวออกจากเรือนที่พักของเสี่ยวหลาน ก็ทำให้บ่าวไพร่ที่ไม่เคยเห็นหน้านางมาตลอดสามเดือนตกใจกันเป็นอย่างมากเสมือนเข็มนับพันตกลงมาจากฟากฟ้าเลยก็มิปาน ระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาคนที่สามารถเข้าออกเรือนของเสี่ยวหลานได้มีเพียงแค่หลินหลินคนเดียวเท่านั้น
แม้กระทั่งท่านผู้นำตระกูลอย่างเสี่ยวอวี้และฮูหยินเอกอย่างองค์หญิงจินเหม่ยฮวาที่เป็นพ่อและแม่ของเสี่ยวหลาน ก็ยังไม่เคยพบเจอลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาเลยตลอด 3 เดือน ถึงจะมาหาที่เรือนของเสี่ยวหลาน แต่นางก็ไม่เคยออกมาพบพวกเขาเลย นางเพียงใช้ให้หลินหลินไปบอกแก่ท่านทั้งสองท่านว่า นางนั้นต้องการเก็บตัวอยู่เงียบๆ ตามลำพัง ไม่ต้องการพบเจอใคร หากนางพร้อมเมื่อไหร่นางจะออกไปพบเอง
ข่าวการออกจากเรือนของเสี่ยวหลาน ถูกกระจายไปอย่างรวดเร็วจนถึงเรือนของผู้นำตระกูลอย่างเสี่ยวอวี้จากตอนแรกที่คิดว่าจะเข้านอนก็พาตัวเองและฮูหยินออกมาเพื่อที่จะพบหน้าลูกของพวกเขา
“หลานเอ๋อร์...”
เสียงร้องของหญิงสาววัยกลางคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้ที่เป็นสามี ทำให้เสี่ยวหลานที่กำลังเดินผ่านไปหยุดชะงักตัวเล็กน้อย หากไม่มีคนสังเกตก็คงไม่รู้ว่าเมื่อครู่นั้นนางมีอาการที่แปลกไป เพียงแค่จ้องมองเสี่ยวหลานก็รับรู้ได้ว่าสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือผู้ใด แต่จะให้นางเดินเข้าไปหานั้นคงเป็นเรื่องยาก แม้ว่าส่วนหนึ่งในจิตใจของนางนั้นจะบอกว่าให้นางนั้นเดินไปหาก็ตาม
แต่สำหรับนางแล้วในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะเข้าไปใกล้คนทั้งคู่ นางมองทั้งคู่อีกเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าลงบอกให้หลินหลินเดินต่อไปได้แล้ว ภาพของลูกสาวที่เดินจากไปโดยไม่ทักทายหรือวิ่งเข้ามาสวมกอดเหมือนดังวันวาน ทำให้สองสามีภรรยานั้นเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
หากสี่เดือนก่อนนางและสามีเชื่อใจในตัวผู้เป็นลูกว่านางนั้นไม่ใช่คนก่อเรื่อง วันนี้พวกเขาทั้งคู่คงไม่สูญเสียความเชื่อใจจากลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา ช่างน่าเสียดายกว่าที่ผู้ที่เป็นสามีจะสืบพบเบาะแสเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก็ผ่านมาแล้วสามเดือน
ต่อให้จะกอบกู้ชื่อเสียงของเสี่ยวหลานที่เสียไปกลับคืนมาได้ แต่มันก็ไม่ช่วยให้ลูกของตนนั้นกลับมาเชื่อใจพวกเขาทั้งคู่ดังเดิมได้ ฮูหยินซบหน้าลงกับอกแกร่งของผู้ที่เป็นสามีด้วยสีหน้าที่เศร้าใจและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา