นักปรุงยา
บทที่ ๖ นักปรุงยา
สามวันผ่านไป หลังจากเสี่ยวหลานได้ออกมาจากแคว้นจินหลง นางก็ได้แปลงรูปโฉมของตนใหม่เพื่อที่จะไม่ให้ใครสามารถจดจำนางได้ เพราะนางนั่นเคยได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่งดงามมากที่สุดใน 4 แคว้นใหญ่ คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้จักนางอย่างแพร่หลาย ทำให้นางจำเป็นที่จะต้องแปลงโฉมเพื่อที่จะไม่ให้สามารถจดจำนางได้ ไม่งั้นแผนที่นางคิดเอาไว้คงจะพังเละเทะไม่เป็นท่าเป็นแน่
โดยที่เสี่ยวหลานได้ใช้วิชาหงส์คล้อยดาราซึ่งเป็นวิชาเปลี่ยนรูปลักษณ์ตามที่ผู้ใช้จินตนาการ สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากเปลี่ยนรูปโฉมแล้ว ใบหน้าของเสี่ยวหลานนั้นงดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์ที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ปรากฏในดวงตาของนางนั้นงดงามเกินที่จะบรรยายเสมือนท้องทะเลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ผมยาวสีขาวดุจหิมะที่ปล่อยยาวลงไปจนถึงเอวยิ่งส่งเสริมให้นางดูสง่างาม ผิวกายดูนวลผ่องราวกับแสงจันทร์ รวมรวมแล้วนางช่างดูโดดเด่นจนมิอาจละสายตาไปมองที่อื่นนอกจากตัวนางได้
สามวันที่ผ่านมานั้น เสี่ยวหลานได้พักอาศัยอยู่ที่เมืองซินเอี่ยซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองของแคว้นซินเจี่ยและได้พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ภายในเมือง โดยสามวันมานี้นั้นเสี่ยวหลานเริ่มวางแผนการชำระแค้นกับพวกที่เคยทำไม่ดีไว้กับเสี่ยวหลานคนเก่า จนพบกับปัญหาใหญ่เข้า ปัญหานั้นก็คือ เงิน!! ก่อนที่จะออกมาจากตระกูลนั้นนางนำเงินติดตัวมาเพียง 3 ทองเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนแค่นี้นั้นสำหรับนางอยู่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น..
“ดันลืมหยิบเงินที่เก็บตลอดสามเดือนซะได้…!!” เสี่ยวหลานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ท้อแท้ เมื่อคิดถึงกาลก่อนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ของมีค่ามากมาย ต่อใช้ให้เป็น 100 ชาติก็ใช้ไม่หมด แต่พอมาดูตอนนี้สิ อย่างกับยาจกไม่มีผิด
“จริงสิ…ชาติก่อนเราเป็นนักปรุงยาขั้นราชาโอสถ แค่ปรุงยามาขายก็สิ้นเรื่อง” หลังจากที่เสี่ยวหลานนึกขึ้นได้ว่านางนั้นเคยเป็นถึงนักปรุงยามาก่อนนางก็เตรียมตัวออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปเสาะหาวัตถุดิบสำหรับการปรุงโอสถทันที
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เสี่ยวหลานก็เดินมาถึงย่านการค้าเสียที หลังจากถามนู้นถามนี้เสี่ยวหลานก็มาถึงยังที่หมายนั้นก็คือ ร้านขายสมุนไพรขนาดเล็กร้านหนึ่ง จากนั้นนางก็ตัดสินใจเดินเข้าไปทันที
“ยินดีต้อนรับคุณหนู ไม่ทราบว่าท่านสนใจชื้อสิ่งใดขอรับ” เถ้าแก่ร้านที่เห็นเสี่ยวหลานเดินเข้ามา ก็กล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร เพราะโดยรูปร่างที่งดงามดุจนางฟ้า เสื้อผ้าที่ทำมาจากเนื้อผ้าชั้นดี จึงคิดว่าคงจะเป็นคุณหนูจากตระกูลไหนซักตระกูลของเมืองซินเอี่ย
“เถ้าแก่พอจะหาสมุนไพรเหล่านี้ให้ข้าได้หรือไม่?” เสี่ยวหลานเอ่ยพลางยื่นรายการสมุนไพรจำนวน 9 ชนิดที่เตรียมไว้สำหรับปรุงยาทะลวงปราณระดับต่ำ 1 เม็ด ให้แก่เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพร
เถ้าแก่รับใบรายการจากเสี่ยวหลานไปดูพร้อมทั้งขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากไม่ค่อยมีคนมาชื้อสมุนไพรมากนัก ส่วนมากจะเป็นสำนักใหญ่ๆ ที่จะมาชื้อสมุนไพรเช่นนี้ เพราะนักปรุงยาหาได้ยากยิ่งไม่ใช่เพราะราคาวัตถุดิบนั้นแพงหรือหายากอะไรมากมาย เพียงแต่คนที่จะนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาปรุงเป็นเม็ดยาได้นั้นหาได้ยากยิ่ง ใน 4 แคว้นใหญ่นั้นรวมนักปรุงยาทั้งหมดแล้ว จะมีนักปรุงยาจริงๆ เพียงแค่ 149 คนเท่านั้น ส่วนมากจะกระจายกันอยู่ตามสำนักหรือตระกูลกันเป็นส่วนใหญ่
“มีขอรับกรุณารอสักครู่” เถ้าแก่กล่าวขึ้นพร้อมเดินไปบอกลูกน้องให้นำสมุนไพรตามใบรายการของเสี่ยวหลานมาให้
“ทั้งหมดนั้นราคา 100 เหรียญเงินพอดีขอรับ” เถ้าแก่เอ่ยพลางยื่นสมุนไพรที่ห่อเอาไว้อย่างดีให้กับเสี่ยวหลาน
“ดี! งั้นเอามาสัก 10 ชุด แล้วก็เตาปรุงโอสถ 1 เตา ด้วยนะ..” เสี่ยวหลานเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเตรียมควักเงินมาจ่าย
แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่ร้านดังขึ้น..
“คุณหนูเป็นนักปรุงยา!?” เถ้าแก่ร้องขึ้นพลางทำหน้าเหมือนคนเจอผีตอนกลางวันแสกๆ
“เออ..ใช่ มีปัญหาอะไรหรือ? หรือร้านของเถ้าแก่ไม่ซื้อขายกับนักปรุงยา? ..” เสี่ยวหลานเอ่ยออกไปพลางงุนงงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายตกใจขนาดนี้
ก็แค่นักปรุงยาธรรมดา? ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นกัน?
“ไม่ขอรับ!! ไม่ขอรับ!! ร้านเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ซื้อขายกับนายท่าน” เถ้าแก่รีบเอ่ยออกมาอย่างร้อนรนแถมเปลี่ยนสรรพนามจากคุณหนูเป็นนายท่านขึ้นมาในทันใด พร้อมโบกไม้โบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว กลัวว่าเสี่ยวหลานจะเข้าใจผิด นักปรุงยานั้นเป็นตัวตนชั้นใด แม้กระทั่งสำนักใหญ่หรือตระกูลใหญ่ต่างมีนักปรุงยาแค่ 4-5 คนเท่านั้นเอง แล้วนี้ถ้าเขาเสียมารยาทกับหญิงสาวตรงหน้าความซวยจะไม่มาเยือนร้านขายสมุนไพรเล็กๆ ของเขาหรอกหรือ
“งั้นก็รีบไปเอาของที่สั่งมาได้แล้ว” เสี่ยวหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย โดยไม่สนใจกิริยาท่าทางที่เปลี่ยนไปของเถ้าแก่เลยแม้แต่น้อย
“ขอรับ!! ขอรับ!!” เถ้าแก่รีบวิ่งแจ้นไปทันทีด้วยตัวเองหลังจากได้ยินเสียงจากเสี่ยวหลานที่ฟังแล้วเหมือนจะไม่พอใจ เพราะกลัวว่าจะเสียมารยาทต่อเสี่ยวหลาน ทั้งที่จริงแล้วเสี่ยวหลานไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเลย นางนั้นออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องไปหาซื้อวัตถุดิบจากหลายๆ ที่
“มาแล้วขอรับ!! ต้องขออภัยนายท่านอย่างยิ่ง ทางร้านเรามีแค่เตาปรุงยาระดับต่ำ เกรงว่านายท่านจะไม่พอใจ” เถ้าแก่ร้านรีบเอ่ยออกมาอย่างร้อนรนอีกครั้ง พร้อมทั้งโทษตัวเองไม่รู้จักซื้อเตาปรุงยาระดับสูงกว่านี้มาเตรียมไว้ก่อน
“อ๋อ..ไม่เป็นไร” เสี่ยวหลานตอบไปอย่างไม่ใส่ใจเหมือนเดิม
“ถ้างั้นทั้งหมดนี้ สมุนไพร 10 ชุด เตาปรุงยาระดับต่ำ 1 เตา รวมแล้ว 3 ทองขอรับ” เถ้าแก่ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบบอกราคาออกไปทันที
จากนั้นเสี่ยวหลานก็ควักเงินออกมาแล้วจ่ายให้แก่เถ้าแก่แล้วก็เดินออกจากร้านสมุนไพรไปพร้อมถุงหอบใบหนึ่งพาดหลังไว้ และเดินออกไปนอกเมืองทันทีโดยจุดหมายก็คือป่าหมอกเมฆาที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นซินเจี่ย
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วยาม นางก็มาถึงยังปากทางเข้าของป่าหมอกเมฆา จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในป่า เดินมาสักพักก็เจอกับที่ๆ ต้องการนั้นคือถ้ำหลังน้ำตกนั้นเอง จากการเดาเอาแบบแม่นยำดุจตาเห็น เสี่ยวหลานใช้เวลาไม่นานก็เจอถ้ำหลังน้ำตกที่นางต้องการแล้ว
“เป้าหมายแรกของข้า ข้าจะเป็นคนที่รวยที่สุดให้ได้เลย..”