ตอนที่ ๒ วัดปริศนา
ขณะที่เดินผ่านลานจอดรถทางเชื่อมเพื่อเข้าไปในตัววัด พริกแกงที่ท่าทางดูสะลึมสะลือ ยังคงไม่หายจากอาการเมาค้างดี เดินหมดอาลัยตายอยาก รั้งท้ายขนาบข้างมากับอัญชัน ก็ตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อมองผ่านไปที่ประตูทางเข้าวัดแล้วเห็นอะไรบางอย่าง จึงหันไปสะกิดอัญชันเพื่อนสาว ให้หันไปมองที่ประตูทางเข้าหน้าวัดเช่นกัน
“มึงๆ ดู รปภ.ที่นี่สิ เขาแต่งตัวเลิศจังวะ”
“รปภ.ที่ไหนเขาจะแต่งตัวเยอะขนาดนี้ กูว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของทางวัดมากกว่า” อัญชันตอบกลับเพื่อนสาว แล้วหันไปมองอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มตัวสูงร่างใหญ่ กล้ามหนาเป็นมัดๆ ผิวเข้ม หน้าคม ตาดุ ที่สวมใส่ชุดไทยโบราณ โจงกระเบนสีทองลวดลายสวยงาม เปลือยอก ร่างกายตกแต่งด้วยเครื่องประดับและสร้อยสังวาลสีทอง
“มึงแต่งานดีมาก หุ่นนี่แซ่บเวอร์ น่าเอากลับบ้านไปกก ไปกอด ได้เอากลับไปบ้านสักครั้ง กูคงนอนตายตาหลับ”
“แล้วมึงอยากตายตรงนี้เลยไหมล่ะ เดี๋ยวกูจะสงเคราะห์ให้ พูดมากอยู่ได้ รีบเดินไปเถอะ เห็นไหมคนอื่นเขาเดินไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว” อัญชันพูดแล้วชี้ไปที่ ธารใส พอใจ และต้นกล้า ที่เดินนำไปยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อนแล้ว
“มึง มึงเป็นเพื่อนกูจริงไหมเนี่ย กัดกูจัง จะมีสักครั้งไหม ที่มึงจะเห็นด้วยกับกู”
“พูดมาก เดินๆ ไปเถอะ”
เมื่อพริกแกงและอัญชันเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าไปในตัววัด ที่เพื่อนๆ ยืนรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ก็เห็นพอใจยืนกอดแขนต้นกล้ากำลังพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันอยู่ และพากันหันไปมองสำรวจรอบๆ วัดด้วยความสนใจ แล้วพูดขึ้น
“วัดที่นี่สวยจังกล้าว่าไหม แล้วคนที่นี่แต่งชุดไทยเข้ากับบรรยากาศของวัดมากเลย”
“อืมกล้าก็คิดแบบนั้น ทางวัดคงใช้ชุดไทยเป็นจุดขาย เพื่อให้ดูน่าสนใจและดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมวัด”
“แต่เราว่าที่นี่สวยเหมือน พิพิธภัณฑ์มากกว่า คนดูแลที่นี่ก็ยังมีเครื่องแบบประจำกาย เจ้าหน้าที่ทุกคนก็แต่งตัวด้วยชุดไทยกันทุกคนเลย” ธารใสที่ยืนอยู่ข้างๆ พอใจพูดขึ้น ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่หน้าประตูวัดที่ปิดอยู่ แล้วส่งยิ้มไปให้
“มากันครบหรือยังครับ ถ้ามาครบแล้วขอเชิญทุกคนให้มารวมตัวกันตรงนี้ก่อนเลยนะครับ ผมจะแจ้งกฎต่างๆ ของทางวัดให้ทราบกันก่อนเข้าไปด้านใน ขอให้ทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด” เมื่อเจ้าหน้าที่พูดจบ พริกแกงก็ตีเนียน พุ่งถลาเข้าไปเกาะแขนของเจ้าหน้าที่ชายหนุ่มคนนั้น แล้วถามขึ้น
“เข้าวัดต้องมีกฎด้วยหรอคะ ปกติน่าจะเข้าไปได้เลยนี่นา แล้ววัดนี้ เจ้าหน้าที่เขาแต่งชุดไทยและหน้าตาดี หุ่นแซ่บ แบบพี่เหมือนกันหมดทุกคนเลยรึเปล่าคะ” พูดจบ พริกแกง ก็ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ เล่นหูเล่นตาแพรวพราว ขยิบตาให้กับเจ้าหน้าที่หนุ่มผู้นั้น
“แหมมม หูตามึงนี่ แพรวพราวดีจังเลยนะ โดยเฉพาะตานี่ เป็นอะไรจ๊ะ คันตาหรอ ขยิบอยู่นั่นแหละ” อัญชันที่เห็นท่าทีของเพื่อนสาว เลยแซะด้วยความหมั่นไส้ไปหนึ่งดอก “มือน่ะปล่อยได้แล้วมั้ง กูว่ามึงเนี่ยเนียนไปมั้ย” อัญชันพูดจบ ก็เดินเข้าไปแกะมือของเพื่อนสาว ที่เกาะแขนของเจ้าหน้าที่หนุ่มเอาไว้แน่นออกมา
“มึงจะอะไรกับกู กันนัก กันหนา” พริกแกงกัดฟันกระซิบบอก แล้วมองหน้าอัญชันตาค้อน
“ก็กูเห็นแล้วหมั่นไส้ หนอมึงเนี่ยยย ยาวไปถึงเชียงใหม่แล้วมั้ง เก็บๆ บ้างก็ดี ไม่ต้องบอกให้คนอื่นเขารู้ก็ได้ ว่ามึงมีหนอ” อัญชันกระซิบตอบกลับเพื่อนสาวเมื่อดึงร่างของพริกแกงออกมายืนอยู่ข้างๆ กัน
“พอแล้วน่าพวกมึง กัดกันอยู่ได้ อายคนรอบข้างบ้างสิ ฟังพี่เขาพูดได้แล้ว เสียเวลาคนอื่นเขา” พอใจที่ยืนอยู่ด้านหลังกับต้นกล้าและธารใส พูดปรามเพื่อนให้หันไปมองรอบด้าน ที่ไม่ได้มีแค่พวกตนที่ยืนอยู่ตรงนี้
“เพราะมึงนั่นแหละ” อัญชันกระซิบพูด แล้วหยิกเข้าไปที่เอวของเพื่อนสาว พริกแกงจึงหันไปมองรอบด้าน เห็นคนอื่นมองมาที่ตน จึงได้แต่ผงกหัวเป็นการขอโทษ แล้วส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้
“เอาละครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอพูดต่อนะครับ กฎของที่นี่คือ วัดจะปิดทันทีเมื่อฟ้าเริ่มมืดลง ไม่ว่าตอนนั้นพวกคุณจะทำอะไร หรืออยู่ส่วนไหนของตัววัดก็ตาม เมื่อทางวัดประกาศเสียงออกไป หากได้ยินเสียงแจ้งเตือนปิดวัด จากลำโพงที่ติดอยู่รอบตัววัด ผมอยากให้พวกคุณทุกคนรีบออกมาจากตัววัดทันที วัดนี้จะมีประตูให้ออกรอบด้านของตัววัดทั้งหมด หกประตู มีด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างทางยาว ด้านละสองประตู พวกคุณสามารถเลือกออกประตูที่ใกล้กับตัวคุณที่สุดในเวลานั้นได้เลยครับ” เมื่อเจ้าหน้าที่พูดจบ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มีสีหน้าแปลกใจระคนสงสัย ว่าทำไมต้องรีบออกมาขนาดนั้น
“ทำไม ถึงต้องรีบออกมาทันทีล่ะคะ มีอะไรรึเปล่า” ธารใสถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่เมื่อถึงเวลา ประตูวัดทุกบานจะถูกปิดลงทันที ผมแค่อยากให้ทุกคน รีบออกมาก่อนที่ประตูวัดจะปิดลง” เจ้าหน้าที่หนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สุภาพ ก่อนจะก้มหัวลงเหมือนทำความเคารพให้กับทุกคน แล้วเปิดประตูวัดออกให้ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายว่า “ขอให้ทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกฎของวัดอย่างเคร่งครัดนะครับ” แล้วเดินจากไป
เมื่อประตูถูกเปิดออก ทุกคนที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าของประตูในตอนแรก ก็เริ่มทยอยกันเดินเข้าไปในวัด เหลือแต่กลุ่มของอัญชันที่ยังคงยืนมอง เจ้าหน้าที่หนุ่มคนนั้นเดินจากไปจนลับตา ด้วยความสงสัย ใคร่รู้ กฎของวัดที่ตั้งขึ้น
“ปะ เข้าไปข้างในกันเถอะ นี่ก็ปาไปบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน” พอใจหันไปพูดกับเพื่อนๆ ของตน ก่อนจะหันไปจับมือต้นกล้า แล้วพากันเดินนำเข้าไปในวัด “อ้าวเร็วๆ สิ จะยืนบื้อกันอีกนานไหม” พอใจพูดบอกเพื่อนๆ เมื่อหันกลับไปมอง แล้วเห็นเพื่อนทุกคนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เดินเข้ามาสักที
สามสาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามพอใจและแฟนหนุ่มของเพื่อนสาวเข้าไป ภายในวัดนั้นเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง มองเข้าไปด้านในสุด จะเห็นโบสถ์ขนาดใหญ่ สีเหลืองทองอร่ามสะท้อนแสง ยิ่งกระทบกับแสงแดดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปล่งประกายงดงามมากขึ้นเท่านั้น ตั้งตระหง่านอยู่ด้านในสุดของตัววัด ห่างออกมาหน่อยจะเห็นเป็นลานวัดขนาดใหญ่ อยู่ไม่ไกลจากตัวโบสถ์มากนัก
แต่ถ้าหากเดินสำรวจมาทางด้านหน้าวัด ก็จะเห็นพุ่มไม้ขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล รอบข้างตามทางเดินเข้าไป จะมีศาลาและพุ่มไม้เล็กใหญ่ เรียงราย ล้อมรอบตัววัดเต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศในวัด ดูร่มรื่น และน่ามอง ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้ว่า ตัววัดนั้นมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมาก
“อัญชันว่ามันแปลกๆ ไหม ทำไมต้องให้ออกไปทันที ขนาดเราถาม เขายังให้เหตุผลแปลกๆ เลย” ธารใสที่กำลังเดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับอัญชันและพริกแกงถามขึ้น
“คิดว่ามันแปลกจริงๆ นั่นแหละ ก่อนเขาจะไป ยังย้ำอีกด้วยว่า ‘ขอให้ทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกฎของวัดอย่างเคร่งครัด’ ทำไมต้องย้ำขนาดนั้น แล้วกฎของวัดก็ไม่เห็นจะมีอะไร มีแค่ข้อเดียว คือให้รีบออกมาจากวัด ก่อนฟ้ามืด” ด้วยความที่อัญชัญเป็นคนค่อนข้างช่างสังเกต แล้วชอบคิดมาก เลยติดใจกับคำพูดของเจ้าหน้าที่หนุ่ม ที่ได้พูดทิ้งท้ายก่อนจากไป
“กูก็งงค่ะ คือ ถ้าฟ้ามืด แล้วกูไม่ออก เขาจะไม่ให้กูออกไปหรือไงวะ” พริกแกงที่เดินมาด้วยกันโต้ขึ้น
“น่าจะใช่ เพราะเขาบอกว่า ประตูทุกบานของวัด จะถูกปิดทันที” ธารใสตอบขึ้น ตามที่เจ้าหน้าที่หนุ่มบอก
“แล้วยังไง ก็ประตูไม้ธรรมดาไหม ดูประตูสิ มันมีไม้คั่นประตูอยู่ด้านใน ถ้าเขาปิด เราก็เอาไม้คั่นประตูออก แล้วเปิดประตู ก็ออกไปได้แล้วปะวะ” พริกแกงพูดขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมมือที่ชี้ไปทางประตูวัดบานใหญ่ที่ทำมาจากไม้ มีบานพับประตูสองฝั่ง ที่เปิดอ้าเข้ามาด้านใน แล้วมีไม้คั่นกลางประตูอันใหญ่ วางไว้ข้างกำแพง
“คุยอะไรกันอยู่ เลิกคุยกันได้แล้ว มาถ่ายรูปกันมา นานๆ จะนัดรวมตัวกันสักที” พอใจพูดแล้วเดินเข้ามาในวงที่สามสาวกำลังพูดคุยกัน เรื่องวัดอย่างออกรส แล้วดึงตัวทุกคนไปตรงพุ่มไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้ตกแต่งอย่างสวยงาม
“มาๆ เดี๋ยวเราถ่ายให้ มุมนี้กำลังสวยเลย” ต้นกล้าพูดกับแฟนสาว แล้วรับโทรศัพท์มือถือไปถ่ายรูปให้ เมื่อต้นกล้าถ่ายภาพให้สาวๆ จนพอใจแล้ว ทั้งห้าคนก็ถ่ายรูปรวม และพูดคุยเล่นหยอกล้อกันตามปกติ
“มึงลงรูป เช็คอิน แล้วแท็กมาให้กูด้วยนะ” พริกแกงบอกพอใจเมื่อถ่ายรูปเสร็จ
“ได้เลยค่ะ แป๊บนะมึง” พอใจตอบพร้อมยกมือขึ้นมาทำท่าโอเค แล้วกดโทรศัพท์มือถือในมือยิกๆ สักพักก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วหันไปมองที่เพื่อนๆ ของตน ก่อนจะพูดว่า “มึงกูหาสถานที่เช็คอินไม่เจอเลยวะ หายังไงก็หาไม่เจอ ขนาดปักหมุด มันยังไม่ขึ้นเลยมึง” พอใจพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย
“เป็นไปได้ยังไงวะ ต้องขึ้นดิ ไหนเอามาดูดิ” อัญชันพูดจบ ก็ดึงโทรศัพท์มือถือในมือของพอใจขึ้นมาดู แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกคน “พวกมึง หาไม่เจอจริงๆ ด้วยว่ะ ทำไมไม่มีวะ”
“งั้นช่างมัน ลงแค่รูป แล้วแท็กเพื่อนๆ ไปก่อนแล้วกัน” พริกแกงโต้ขึ้น เพื่อตัดปัญหา เมื่อเห็นเพื่อนยังคงกดโทรศัพท์มือถือในมือไม่หยุด อัญชันพยักหน้ารับ แล้วคืนโทรศัพท์มือถือให้พอใจ
“ปะ เราเข้าไปไหว้พระในโบสถ์กันดีกว่า” พอใจพูดขึ้น ชักชวนเพื่อนๆ ของตน ทุกคนพยักหน้ารับ แล้วยกขบวนกันเดินเข้าไปด้านใน
“มึง...อย่าหาว่า อย่างงั้น อย่างงี้ เลยนะ คือตั้งแต่พวกเราเดินเข้ามาในวัด กูยังไม่เห็นพระสักองค์เลยนะ มึงคิดเหมือนกูไหม ว่ามันแปลกๆ” เสียงของอัญชันถามขึ้น ขณะที่กำลังเดินเข้าไปด้านใน เพื่อจะเข้าไปที่ตัวโบสถ์ของวัด
“เออกูก็ไม่เห็นเหมือนกันว่ะ ว่าจะทักอยู่ ตั้งแต่เดินเข้ามาและ กูก็เห็นแต่ลานวัด ศาลา แล้วก็พุ่มไม้ตามทางนี่แหละ” พริกแกงตอบกลับอัญชันที่มองไปรอบๆ วัด ซึ่งมันก็แปลกจริงๆ ทั้งที่วัดมีเนื้อที่มากมาย แต่กลับเห็นแค่ศาลาตามทาง แล้วก็ต้นไม้ พุ่มไม้เป็นระยะๆ เท่านั้น
“อาจจะมีพระอยู่ในโบสถ์ด้านในรึเปล่า เพราะดูแล้วโบสถ์ใหญ่มากเลยนะ” เสียงของธารใสพูดขึ้น
“กูว่าลองไปดูก่อน มีไม่มีเดี๋ยวก็รู้เองแหละ” พอใจพูดสมทบ แล้วพากันเดินไปด้านใน ซึ่งก็ลึกพอสมควร
ตามทางที่เดินผ่านมานั้นเห็นศาลา ต้นไม้ พุ่มไม้เล็กใหญ่ เรียงรายตามทางเดินเต็มไปหมด เห็นผู้คนบ้างประปราย กำลังถ่ายรูปเล่นอยู่ที่มุมต่างๆ ของวัด ดูแล้วเหมือนอยู่ในป่าที่เป็นธรรมชาติตกแต่งสวยงามมากกว่าอยู่ในวัดเสียอีก
เมื่อทั้งห้าคนเดินมาถึงตัวโบสถ์ ก็เห็นผู้คนเดินเข้าเดินออกตัวโบสถ์บางตา มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญไหว้พระ และเจ้าหน้าที่ชายหญิงที่สวมใส่ชุดไทย เดินผ่านไปผ่านมา แต่อยู่ดีๆ ท้องฟ้าก็เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนสี จากท้องฟ้าสดใส ก็เริ่มอึมครึมและหม่นหมองลง
“พวกมึง กูว่า เรารีบออกไปกันเถอะ ฟ้ามันเริ่มเปลี่ยนสีแล้วนะ” อัญชันพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจ
“อะไรของมึง เพิ่งมาถึงเอง และโบสถ์ก็อยู่ตรงหน้ามึงเนี่ย เข้าไปไหว้พระก่อน แล้วค่อยกลับ” พริกแกงแย้งขึ้น
“แต่ฟ้ามันเริ่มมืดแล้วนะมึง ออกไปกันเถอะ กูรู้สึกไม่ค่อยดีเลยว่ะ” ด้วยความที่อัญชันเป็นคนค่อนข้างมีเซนส์ ถ้ารู้สึกแบบนี้น่าจะไม่ดีจริงๆ
“ผ่อนคลายไว้เพื่อน อย่าคิดมาก กูว่ามึงกังวลมากเกินไป” พริกแกงยังคงเถียงขึ้น เพราะอยากเข้าไปดูในโบสถ์ก่อนค่อยกลับ
อยู่ดีๆ ก็เห็นผู้คนแตกตื่น พากันวิ่งออกมาจากตัวโบสถ์ตรงหน้า แล้วไปออกันอยู่ที่หน้าประตูหลังวัดข้างๆ โบสถ์ ก่อนจะมีเสียงประกาศของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากลำโพง ที่ตั้งอยู่บนเสาหน้าโบสถ์ว่า “วัดของเรา จะทำการปิดแล้วนะครับ ขอให้ทุกคนออกมาจากวัดทันที!! อยู่ใกล้ประตูไหน ออกมาประตูนั้นเลยนะครับ” เสียงพูดประกาศออกไมค์ ยังคงดังย้ำเตือนผู้คน ให้ออกมาจากตัววัด ด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ เป็นระยะๆ
“นั่นไงเขาให้ออกไปจากที่นี่แล้ว วัดกำลังจะปิด รีบไปกันเถอะ” เสียงของอัญชัน ยังคงย้ำเตือนเพื่อนๆ ของตน ให้รีบออกไปจากที่นี่