บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๑ ที่จุดนัดพบ

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง …

เสียงกระดิ่ง กระทบประตู เรียกความสนใจของผู้คนในร้านกาแฟให้พากันหันไปมอง

สาวสวยผมสีบลอนด์ทองดัดลอนคลายๆ ผมยาวมาถึงกลางหลังนางหนึ่ง เดินผลักประตูเข้ามา พร้อมมืออีกข้างที่กำลังเสยผมหน้าม้าที่ปกลงมาปิดหน้าปิดตาด้วยความรำคาญ

แต๊ก แต๊ก แต๊ก ... เสียงรองเท้าส้นสูงแหลมเฟี้ยว สีแดงสด กระทบกับพื้นกระเบื้อง เดินตรงเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตนที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของร้าน ด้วยท่าเดินตุปัดตุเป๋ ใบหน้าที่แน่นไปด้วยเครื่องสำอางนั้น แต่ดวงตากลับปรือลง บ่งบอกให้พอจะรู้ได้ว่าหญิงสาวผู้นั้น ง่วงหงาวหาวนอนมากขนาดไหน แต่ด้วยความสวยบวกไลฟ์สไตล์แบบสาวเกาหลี จึงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในร้านได้เป็นอย่างดี

“นั่นไง มันมาแล้ว” เสียงของเพื่อนสาว ผมบ๊อบประบ่าสีดำใจสนิท มีผมหน้าม้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ตาชั้นเดียวที่มีขนตายาวงอนสวยนั้น มองเขม็ง คิ้วขมวดม้วนเข้าหากัน และชี้นิ้วไปที่หญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกตน ท่าทางการพูดบ่งบอกให้พอจะรู้ได้ว่า สาวหมวยหน้าทรงรูปไข่นั้น ดูเป็นคนดื้อรั้นและเจ้าอารมณ์ขนาดไหน

“มึงกูขอโทษ คือกูพยายามแล้ว แต่กูตื่นสาย” หญิงสาวที่รู้ถึงความผิดของตัวเองดี พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เนือยๆ และแผ่วเบา เหมือนคนกำลังจะหมดแรง

“แต่เมื่อวันก่อน กูขอมึงแล้วไหมพริกแกง ว่าวันนี้วันเกิดพอใจ ไม่ให้มึงไปปาร์ตี้ ไม่งั้นจะมาไม่ทัน” หญิงสาวผมบ๊อบประบ่าสีดำสนิท มีผมหน้าม้าคนเดิม ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มพากันเรียกว่า อัญชัน พูดขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสาวของตนที่ชื่อ พริกแกง นั้นเสพติดการปาร์ตี้ขนาดไหน ทุกวันคงไม่พ้นต้องออกไปเที่ยวเมาหัวราน้ำ นัดทีไรมาสายทุกที ไม่เคยมาตรงเวลาเลยสักครั้ง

“คือกูรู้ กูขอโทษแล้วไงมึง” พริกแกงยังคงพูดคำเดิม แล้วมองไปที่เพื่อนสาวที่ชื่ออัญชัน ด้วยความรู้สึกผิด

“ดูท่าทางแล้ว เมื่อคืนคงหนักสินะ” อัญชันพูดเหน็บพริกแกง แล้วมองไล่ไปตั้งแต่หัวจรดเท้า พริกแกงที่ยืนสะลึมสะลืออยู่ทรงตัวแทบไม่ไหว แต่เสื้อผ้าหน้าผมนางนี่เป๊ะปังอลังเวอร์มาก อัญชันได้แต่คิดในใจ นี่ขนาดมันเมาค้างมานะ ดูมันแต่งตัวมา เสื้อสีขาวแขนยาวแต่คอเสื้อนี่กว้างจนนมแทบจะหกออกมา แล้วรองเท้านี่เพื่อนไปได้แต่ใดมา ดีนะมันไม่หกล้ม ขนาดเดินยังจะไม่ไหว ยังสามารถใส่รองเท้าส้นสูง สูงขนาดนี้มาได้ยอมใจนางเลยจริงๆ

“แล้วชุดมึงเนี่ย คอเสื้อมันกว้างไปไหม มึงไปวัดนะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น” อัญชันเห็นแล้วคันปากเลยพูดแซะ

“โอ๊ย มีให้ใส่ก็บุญแล้วไหม มึงนัดใส่ธีมสีขาวไม่ใช่รึไง นี่ก็สีขาวดีที่สุดแล้วค่ะ ตัวอื่นโป๊กว่านี้อีก” พริกแกงพูดออกมาแล้วชี้ไปที่เสื้อที่ตัวเองใส่อยู่

“ส่วนรองเท้ามึงเนี่ยจะสูงไปไหน ใส่อะไรมาไม่ดูสังขารตัวเองเลยรึไง ถ้าล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมา กูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย”

“มึงกูขอละ เลิกเหน็บกูได้ล่ะ คือกูไม่ไหว มึนหัวเหมือนจะอ้วกเลยมึง ขอยาดมหน่อย” พริกแกงบอกอัญชันอย่างยอมจำนน แล้วเอามือขึ้นมานวดที่ขมับ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นมาขอยาดมเพื่อนๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาทางด้านขวามือของอัญชัน

“อัญชัน พอแล้วน่า ดูท่าพริกแกง คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ” เพื่อนสาวผมสีดำยาวรวบผมตึงเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ที่นั่งอยู่ข้างๆ อัญชันทางด้านซ้ายมือ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขบขัน หันไปมองพริกแกง ก่อนจะยื่นยาดมให้ตามคำขอ

“ดี สมน้ำหน้ามัน อยากพูดไม่ฟังดีนัก” อัญชันมองหน้าพริกแกงตาค้อน ยังคงซ้ำเติมเพื่อนต่อไป

“ช่างมันเถอะน่า ยังไงพริกแกงก็มาแล้ว” เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างอัญชันคนเดิม ยังคงห้ามปรามเพื่อน เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ มีปากเสียงกันในวันเกิดของตน

“พอใจ แต่นี่มันจะบ่ายสองแล้วนะ เรานัดกันไว้สิบโมง คิดว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรอ” อัญชันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วหันไปพูดกับเพื่อนสาวเจ้าของวันเกิดอย่างเหนื่อยใจ ซึ่งอัญชันรู้ดีว่าเพื่อนตนเป็นคนยังไง เพราะพอใจนั้นไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นคนที่คิดบวกตลอดเวลา แล้วใจเย็นมากเกินไป จนน่าหงุดหงิด ซึ่งขัดกับหน้าตาของสาวเจ้าโดยสิ้นเชิง พอใจนั้นเป็นสาวผิวสีแทนน้ำผึ้ง หน้าเล็กเหลี่ยมกรามชัด ตาสวยเฉี่ยวคม ขนตายาว จมูกโด่ง จึงทำให้ดูหน้าดุเวลาทำหน้านิ่งๆ แต่เป็นคนยิ้มสวย และด้วยรอยยิ้มนี่แหละบวกนิสัยที่น่ารัก จึงสามารถมัดใจแฟนหนุ่มสุดฮอตมาดตี๋ หุ่นแซ่บ ที่มีชื่อว่า ต้นกล้า ได้อย่างอยู่หมัดเลยทีเดียว

“แล้วจะเอายังไงต่อดี นี่ก็จะบ่ายสองแล้ว ถ้าจะไปวัดประจำเรา คงไปไม่ทันแน่นอน” อัญชันพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าพริกแกงที่กำลังนั่งหน้าหงิกดมยาดมด้วยความหมั่นไส้ แต่พริกแกงก็ทำเป็นไม่สนใจสายตาของอัญชันที่มองมาที่ตน

“เอาอย่างนี้ไหม ในเมื่อไปไม่ทันแล้ว เราก็หาทำบุญไหว้พระแถวๆ นี้แหละ เจอวัดไหนก็เข้าวัดนั้น น่าจะทันอยู่” ต้นกล้าที่อาสามาเป็นสารถีหนุ่มสุดหล่อ มาขับรถให้พอใจแฟนสาว เสนอความคิดของตน

“ก็ดีเหมือนกันนะ เราก็ไม่เคยทำบุญไหว้พระแถวนี้เลย” พอใจกล่าวเห็นด้วยกับแฟนหนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้กัน

“ครับ” ต้นกล้าแฟนหนุ่มสุดหล่อยิ้มหวานตอบ แล้วยกมือขึ้นมาจับหัวแฟนสาวโยกไปมาด้วยความเอ็นดู เรียกความอิจฉาตาร้อนจากเพื่อนสาวของพอใจได้เป็นอย่างดี

“แหม แหม แหมมม จะหวานกันไปไหนจ๊ะ หนุ่มสาวคู่นี้ ไม่อายเพื่อน อายฝูง แถวนี้เลยนะ ดูสิ๊ ธารใสนั่งอิจฉาตาร้อน เงียบจนเป็นใบ้ไปแล้วมั้งเนี่ย” พริกแกงที่ชอบหยอกธารใสเล่น เอ่ยแซวเพื่อนของตนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ยังไม่ได้ยินเสียงธารใสเลยตั้งแต่ตนเดินเข้ามาแล้ว

“แหม แหม แหมมม หายมึนหัวแล้วรึจ๊ะ ถึงได้มานั่งปากดีแซะเพื่อนเนี่ย” อัญชันเห็นพริกแกงพูดแซะ ธารใสน้องน้อยประจำกลุ่มผู้น่าสงสาร จึงเลียนแบบคำพูด แซะเพื่อนของตนกลับ เล่นเอาธารใสที่นั่งฟังอยู่หัวเราะขำชอบใจ

“อัญชัน ถ้ามึงไม่กัดกูสักห้านาที มึงจะตายไหม” พริกแกงหันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย

“กูว่าน่าจะตายนะ เพราะถ้ากูไม่ได้กัดมึง กูคิดว่ากูคงอกแตกตายก่อนแน่ๆ” หลังจากที่อัญชันพูดจบ เพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะชอบใจอัญชันกับพริกแกงที่เป็นคู่กัดกันตลอดกาล ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ก็ตาม คู่นี้เป็นต้องได้ปะทะฝีปากกันเสมอ

“พอได้แล้วน่า นี่ก็เลทเวลามามากแล้ว ถ้ายังนั่งเถียงกันอยู่แบบนี้ กูว่าเราน่าจะได้นอนกันที่นี่แหละ คงไม่ได้ไปทำบุญไหว้พระกันที่ไหนแล้ว” เมื่อพอใจพูดจบอัญชันกับพริกแกงก็ยอมนั่งเงียบเลิกเถียงกัน

“เออ...คือว่าไปวัดแถวนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” ธารใส สาวน้อยน่ารักประจำกลุ่มที่ดูขี้อายและพูดน้อย นั่งเงียบมานาน ยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาที่สวมใส่บดบัง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ที่มีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตคู่สวย จมูกนั้นโด่งรับกับกรอบแว่นที่สวมใส่ แต่ก็ไม่สามารถลดทอนความน่ารักลงไปได้เลย ตอบรับสมทบเห็นด้วยกับพอใจและต้นกล้า

เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้ว สี่สาวสวยกับหนึ่งหนุ่มหล่อ ก็พากันยกขบวนเคลื่อนพลขึ้นรถเพื่อไปทำบุญไหว้พระตามแผนที่เคยวางเอาไว้เมื่อเช้าแต่ล่ม เปลี่ยนไปเป็นตอนบ่ายแทน

ต้นกล้าแฟนหนุ่มของพอใจ พาสาวๆ นั่งรถออกมาจากร้านกาแฟได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ข้างทางก็มีแต่ทุ่งนา ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นวัดเลย

“นี่ทุกคนแถวนี้ไม่เห็นจะมีวัดเลย ช่วยกันเสิร์ชหาวัดหน่อยสิ” พอใจพูดขณะที่มองไปบนถนนข้างหน้า เห็นแต่ทางและทุ่งนา ก่อนจะหันลงมามองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือ

“ช่วยกันหาเลย เพราะมึงนั่นแหละเห็นไหม จะได้ทำบุญไหมวันนี้เนี่ย” อัญชันหันไปพูดกับพริกแกงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน

“เออๆ รู้แล้วน่า มึงก็กัดกูจัง ก็บอกว่าขอโทษแล้วไง” พริกแกงตอบสวนออกมาหน้าหงิก แล้วนั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือในมือต่อ

“เราว่าขับรถออกไปไกลหน่อย อาจจะมีวัดก็ได้นะทุกคน” เสียงของธารใสพูดออกมา ก่อนจะก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือในมือต่อไป

“โหหหหห นั่นไงพวกมึง วัด วัด วัดใหญ่มากเลย สวยด้วย” พริกแกงตะโกนออกมาด้วยความดีใจ สะกิดให้อัญชันกับธารใสหันขึ้นมามองตามนิ้วที่ชี้ไปที่วัดที่ตั้งอยู่ข้างหน้าไกลๆ เห็นเป็นวัดขนาดใหญ่ สีเหลืองทองอร่ามสวย “พวกมึงเห็นไหม”

“เออเห็นแล้ว แต่รู้สึกไหมว่าทางนี้มันคุ้นๆ เหมือนทางที่พวกเราเคยขับผ่านมาเมื่อเช้าเลย ใช่รึเปล่าต้นกล้า” อัญชันหันไปถามต้นกล้าเพื่อความแน่ใจ

“คิดเหมือนกันเลย เราก็ว่าทางมันคุ้นๆ นะ เหมือนเมื่อเช้าเราก็ขับผ่านกันมาทางนี้” ต้นกล้าตอบกลับ

“แต่เมื่อเช้า ไม่เห็นมีวัดเลยนี่นา” เสียงของอัญชันยังคงพูดออกมาด้วยความสงสัย

“ใช่ เราเห็นด้วย เมื่อเช้าที่มาพวกเราไม่ได้ขับผ่านวัดเลย และวัดใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่จะมองไม่เห็น” เสียงของธารใส ตอบข้อสงสัยของอัญชันอีกคน เพราะเมื่อเช้านี้ทุกคนนั่งรถพอใจเดินทางมาพร้อมกัน ต้นกล้ากับพอใจแวะรับแต่ละคนตลอดทาง เพื่อมารอรับพริกแกงคนสุดท้ายที่ร้านกาแฟร้านประจำที่ชอบนัดเจอกัน

“เอาเถอะน่า ไงก็เจอวัดแล้ว ทำบุญไหว้พระกันที่นี่แหละ เลี้ยวเข้าวัดเลย นี่ก็จะเย็นแล้วเดี๋ยวไม่ทัน” พริกแกงพูดสวนขึ้น เพราะเห็นทุกคนยังคงพูดคุยเรื่องวัดไม่หยุด นี่ก็จะถึงปากทางเข้าวัดแล้วด้วย มัวแต่ถามกันอยู่แบบนี้คงไม่ได้เข้ากลัวจะเลยไปซะก่อน

“แล้วมันเป็นเพราะใครล่ะ” อัญชันท้วงขึ้น ยังคงเจ็บใจไม่หาย เพราะตนนั้นต้องมานั่งรอพริกแกงหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้า

“เออ กูรู้แล้วน่า ย้ำจัง”

ขณะที่รถนั้นเลี้ยวเข้าไปตามทางของวัด เพื่อที่จะขับเข้าไปในวัดที่เห็นอยู่ใกล้ๆ ระหว่างทางไปนั้นเงียบมาก ไม่มีคน หรือรถขับผ่านไปมาเลย มีแค่รถของพวกเขาที่ขับเข้าไปเพียงคันเดียวเท่านั้น

“มึง มึงว่ามันแปลกๆ ไหมวะ ทำไมทางเข้ามันเงียบๆ ยังไงชอบกล” อัญชันหันไปถามเพื่อน ด้วยความสงสัย เพราะอัญชันเป็นคนช่างสังเกต บางทีก็จะระแวงสิ่งรอบตัว ด้วยความที่เป็นคนมีเซนส์แรง แล้วปีนี้ทุกคนในรถก็อายุครบ 25 ปี กันหมดแล้ว จึงค่อนข้างกังวล เพราะนี่เป็นการรวมตัวของหนุ่มสาววัยเบญจเพสที่ดวงกำลังแรงตามความเชื่อของไทย

“แน่ะ!! จะเอาเรื่องอะไรมายัดใส่หัวกูอีกล่ะ” พริกแกงถามกลับไป เพราะอัญชันนั้นชอบเล่าเรื่องเร้นลับ หรือเรื่องที่ตนเคยเจอผีให้ฟังอยู่เป็นประจำ

“มึงแต่มันก็เงียบจริงๆ นะเว้ย” พอใจที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าข้างคนขับพูดสมทบขึ้น

“เราหันรถกลับกันดีไหมกล้า” พอใจหันไปถามแฟนหนุ่มของตน ที่กำลังขับรถมุ่งหน้าตรงเข้าไปในวัด

“แต่เราขับเข้ามาลึกแล้วนะ อาจใกล้จะตอนเย็นแล้วรึเปล่า เลยดูไม่ค่อยมีคน ลองเข้าไปดูก่อนดีไหม ถ้าไม่มีคนจริงๆ เราค่อยเลี้ยวรถกลับก็ได้นะพอใจ” แฟนหนุ่มตอบ

“นั่นไงลานจอดรถ!! มีรถจอดอยู่ตั้งหลายคัน มึงน่ะคิดมาก พูดมาก ดูดิ๊ พอใจมันก็เลยกลัวตามมึงไปด้วย” พริกแกงหันไปพูดกับอัญชัน แล้วชี้ให้มองไปที่ลานจอดรถของวัด ที่มีรถจอดอยู่หลายคัน

ขณะที่ขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถ ก็เห็นผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา แต่น่าแปลกที่ผู้คนเหล่านั้นกลับสวมใส่ชุดไทยสมัยก่อน หรือไทยโบราณกันทั้งนั้น ที่เห็นใส่ชุดปกติ คงมีแค่นักท่องเที่ยว หรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาทำบุญไหว้พระที่วัดเท่านั้น

อัญชันยังคงหันมองไปรอบด้านด้วยความสนใจและคิดว่า สงสัยจะเป็นเครื่องแบบประจำกายของเจ้าหน้าที่ ที่วัดนี้ก็เป็นได้ ที่ให้ทุกคนในวัดสวมใส่ชุดไทยเหมือนกันหมด แต่ก็ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง มีกลิ่นอายของความเป็นไทย คงเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดให้ผู้คนสนใจเข้ามาทำบุญไหว้พระ ชมวัดของที่นี่ เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พากันเดินเข้าไปในวัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel