บทที่ 6
ชาลีไม่อยากเป็นคนเสียมารยาท จ้องเธอไม่วางตาแบบนี้ ยามเธอเมาไม่มีสติแบบนี้ แต่ก็อดไม่ได้ เธอน่ามองเหลือเกิน
“ปิดไฟสิ!”
เสียงแหวๆ ตวาดสั่ง ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ขึ้นเสียชั่วคราว หล่อนล้มตัวลงนอนเอาเสียดื้อๆ แล้วก็กรนเสียงดังนิดๆ ให้เขาได้ยินว่าหล่อนหลับสนิทไปเสียแล้ว
เขาหัวเราะ
แล้วเดินไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างเธอ นัยน์ตาคมนั่นมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเจ้าหล่อน ที่เขาเห็นพอรำไรในแสงสลัวของเงามืด
เขายังคงปวดหนึบเพราะหล่อน
ชาลียิ้มนิดๆ พลางถอนใจ นี่เป็นหนแรกกระมัง ที่เขานอนบนเตียงกับผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเซ็กซี่ถูกใจเหลือเกิน แต่ไม่ได้แตะต้องอะไรหล่อนเลย
จบงานนี้ จบคืนนี้ เขาจะต้องรู้ให้ได้ ว่าหล่อนเป็นใคร...
............................
ปวดหัว...
นั่นคือความรู้สึกแรกของอชิรญา หล่อนปวดหัวจนแทบระเบิด มันคืออาการเมาค้าง ที่หล่อนเคยเป็นนานๆ หน
เมา...
แน่ล่ะต้องเมาสิ เมื่อคืนนี้ฉลองไปเยอะ แถมรู้สึกแสบๆ คอ คอแห้ง อ้อ...น่าจะเพราะหล่อนร้องคาราโอเกะหนักไปหน่อย
เอ...
หล่อนขยับตัว รู้สึกเหมือนอะไรหนักๆ มาทับหล่อนไว้ สติของหล่อนเริ่มมาทีละนิด เสียงหายใจที่ดังข้างหู ความอบอุ่นแปลกๆ นี้ กลิ่นนี้...มันกลิ่นอะไรนะ หอมดีจัง
หล่อนปรือตาลืมขึ้นเต็มที่ จึงได้รู้ว่าอะไรหนักๆ ที่ทับบริเวณหน้าท้องคือท่อนแขนของใครบางคน?
ใครบางคน
ใครวะ!
อชิรญาตื่นเต็มที่ หล่อนผุดลุกพรวดพราดขึ้น อ้าปากหวอเมื่อเห็นสภาพของตัวเอง เธอตาเบิกโตมองผู้ชายที่นอนงัวเงียอยู่ข้างเธอ เมื่อเธอลุกพรวดแบบนั้น เขาก็ตื่นตามเธอ
ตาต่อตาสบกัน
“เฮ้! อรุณสวัสดิ์ครับคุณลูกค้า”
รอยยิ้มนั่น นัยน์ตาคมกริบส่งประกายวาวหวานนั่น ทำให้อชิรญายิ่งช็อก หล่อนร้องกรี๊ด แล้วรีบกระเถิบลงเตียง โดยลากผ้าห่มลงไปด้วย เพื่อไปคลุมร่างเกือบเปลือยของตนเองไว้ ขณะที่เพื่อนร่วมเตียงนั่งขัดสมาธิ โอ...เขาเปลือย...แอร๊ ดีนะที่เปลือยแค่ท่อนบน แต่หุ่นเขาดีมาก ขาวมาก อื้อหือ มีขนหน้าอกด้วย ตายๆๆ เขาสวมกางเกงยีนตัวเดียว ผมของเขายุ่งนิดๆ เขากำลังเสยผมให้พ้นที่ปรกหน้า ตามองจ้องมายังเธอ ใจของอชิรญาเต้นตุบๆ พยายามสูดลมหายใจเข้า ออก หายใจเข้า ออก เป็นการเรียกสติเบื้องต้น แบบที่เธอทำเสมอเวลาเจออะไรที่ชวนสติกระเจิง
นี่มันอะไรกันนะ!
“คะ...คุณเป็นใคร”
“เมื่อคืนคุณออฟผมมา”
“หา!” ความทรงจำค่อยๆ แล่นขึ้นมาทีละนิด ทีละนิด
ใช่สิ เธอจำได้แล้ว ยัยมิ้น เพื่อนที่ดูจะเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม เปิดเผยผ่างออกมากลางวงคาราโอเกะเมื่อคืน ว่าจริงๆ แล้วแอบแซบ มีเด็กโฮสต์ประจำตัว แถมยังเผื่อแผ่มายังเธอ ด้วยการบอกว่าจะออฟผู้ชายหล่อสะเด็ด ลีลาชั้นครู เพื่อให้เธอได้สัมผัสกับคำว่าเสร็จ หลังจากมีแฟนห่วยๆ ที่ไม่เคยพาเธอไปทัวร์สวรรค์มายาวนาน
อื้อหือ ยัยมิ้นจ่ายไปเท่าไหร่กันนะ คุณภาพระดับพรีเมี่ยมขนาดเน้ คุณพระ! แต่ทำไมเธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้สักอย่าง โอ้ละหนอ...เสียดาย
“เอ่อ...คือ...งั้นก็กลับไปได้แล้ว ฉะ...ฉันขอบคุณมาก”
“จะต่อชั่วโมงไหมครับ”
เขาแกล้งว่า เขากลั้นหัวเราะกับท่าทางเลิ่กลั่กนั่นแทบแย่แล้วตอนนี้ เออหนอ...เขาจะต้องรู้จักหล่อนให้ได้
“มะ...ไม่ต่อ”
“แน่ใจนะ”
“อื้อ กลับไปได้แล้ว”
“ผมแถมให้ก็แล้วกัน”
ชาลีลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง โดยที่อชิรญาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่จะดึงหล่อนเขาไปกอดกระชับ อชิรญาอุทานอย่างตกใจ เมื่อเขาจู่โจมแบบนั้น เธอถูกเชยคางมนขึ้น ให้เงยมองหน้าเขา ก่อนที่จะทันบอกห้าม ริมฝีปากคู่สวยนั้นก็กดลงมาบนปากอิ่มของเธอ
อื้อ...
จูบของเขารุนแรงเหมือนพายุ เล่นเอาเธอหัวหมุน อชิรญาตัวแข็งทื่อเมื่อถูกบุกรุกแบบนั้น ชายหนุ่มหรี่ตามองคนในอ้อมแขน แล้วหัวเราะเบา พลางกระซิบแผ่ว
“อย่าทำเหมือนผมจะข่มขืนสิครับคนสวย เผยอปากให้ผมหน่อย นะ...อย่างเกร็ง อย่ากลัวผม...ผมก็แค่จะแถมบริการพิเศษให้”
ลมหายใจที่เป่ารดผิวแก้มทำให้เธอขนลุก หญิงสาวยอมเผยอปากให้เขา...อย่างลืมตัว แล้วเธอก็แทบจะลืมสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำมากับอดีตคนรัก
จูบของเขาทำให้เธอเหมือนจะถูกกิน ทำให้เธอร้อนผ่าวไปได้ทั้งตัว ชาลีเองก็หอบหายใจ เมื่อสัมผัสความหวานล้ำนั้น ตอนแรกจะหยุดเพียงแค่นี้ แต่รสชาติที่ได้รับ ทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้
เขากอดรัดเธอแนบแน่น เหมือนงูรัดเหยื่อ มือของเขาเอื้อมลูบไปตามแผ่นหลัง สะเอวคอด โดยที่ยังไม่ถอนจูบ ลูบเลื่อนไปตรงสะโพกกลมมนนั่นอย่างมันเขี้ยว อดไม่ได้ที่จะบีบมันเบาๆ เนื้อตรงนั้นเด้งสู้มือเขา เขาเองก็กำลังจะถึงจุดที่หลงลืมตน
เสียงโทรศัพท์ดังกรีดขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาชะงัก เพราะเป็นริงโทนเสียงเฉพาะที่เขาตั้งไว้ อชิรญาถือโอกาสที่เขาเผลอ ผลักเขาแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เธอรีบลงกลอนแน่นหนา ใจเต้นตุบๆๆๆ เนื้อตัวร้อนวูบวาบ บางที่บางส่วน...ร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ปรกติเธอไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้
เดชาชัยเคยว่าเธอด้วยซ้ำว่าเธอเป็นพวกไร้อารมณ์ น่าเบื่อ ยังกะแม่ชี
แล้วนี่อะไรของหล่อน
แว๊ก!
“เอ่อ...ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณลูกค้า”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เล่นเอาเธอสะดุ้งโหยง แล้วรีบเอ่ยตะกุกตะกักตอบเขา
“ค่ะ”
“เราจะพบกันอีกไหม?”
เสียงทุ้มนั้นถาม อชิรญารีบสั่นหน้า ลืมไปว่ามีประตูกั้นเขาคงไม่เห็นว่าเธอกำลังทำท่าอะไร ก็เลยตอบออกไป
“เอ่อคงจะไม่แล้ว”
“หนหน้าผมลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ”
เขามีเงื่อนไขล่อใจมาอีก เหวย...น่าสน เอ๊ย! จะดีเหรอยัยวาววา
“อ่า”
“ผมทิ้งเบอร์ไว้ให้นะครับ ไว้เจอกันใหม่นะ”
เธอนิ่งไม่ตอบอะไร แต่เอาหูแนบประตูไว้ รอจนเสียงฝีเท้าดังไกลออกไป และเสียงปิดประตู ใจของเธอยังเต้นตุบๆ
“โอ...อะไรกันนี่ ขนาดนี้ ของดีพรีเมี่ยมของฟรีอีกต่างหาก ทำไมถึงจำไม่ได้เลยนะยัยวาววา” เธอบ่นรำพึงกับตนเองอย่างเสียดาย
เสียดายสิ
แค่จูบเธอยังแทบเป็นลม สุขสมยิ่งกว่ามีอะไรกับคนรักเก่าเสียอีก ไม่อยากคิดว่าถ้าครบทุกกระบวนท่า แล้วเธอจำได้หมดจด มันจะทำให้เธอขึ้นสวรรค์ได้ขนาดไหนกันนะ
เธอรีบสั่นหน้า ไล่ความคิดพิเรนทร์ๆ นี้ไปเสีย ไม่ดีๆ ไม่เอานะวาววา เดี๋ยวเสพติดเด็กโฮสต์เข้า เสียเป็นแสนนะแก ไม่เอาๆ เธอร้องบอกเตือนตัวเองไว้ แต่ใจฝั่งกิเลสกลับบอกว่า ถ้าได้โบนัสสิ้นปี ลองอีกสักทีจะเป็นไรไปเล่า
เออน่ะ...
ลองอีกสักทีจะเป็นอะไรไปวะเรา
แฟนก็ไม่มีล่ะ ไม่ได้ทรยศนอกใจใคร แถม...เธอย่นจมูกน้อยๆ มันก็เป็นความสุขอีกอย่างนี่นา
เอาเถอะ!
เธอจะเก็บเงื่อนไขห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาไว้ เจอกันหนหน้า ก็เอามาต่อรองกัน
อิอิอิ
แอร๊...
ฉันกลายเป็นผู้หญิงแรดสองพันยี่สิบไปแล้วรึเปล่านะ?
ก็แค่อยากรู้ว่าเสร็จมันเป็นยังไงอะ เสียตัวมาตั้งนานไม่เคยสัมผัสคำนี้เลยสิน่า อยากไปสวรรค์ก่อนตายสักครั้ง มันจะเป็นอะไรไปเล่า
อชิรญาคิดแผลงๆ ออกแฉลบนอกกรอบที่ตนเองเคยวางไว้ กรอบนั้นมันบังคับให้เธอไม่มีความสุข ชีวิตนี้เป็นของเธอนี่นา ทำไมจะต้องกรอบมันให้ทุกข์ตัวเองไปด้วยล่ะ
เฮ้อ...
การจากไปของเดชาชัย ทำให้ชีวิตของเธอ ความคิดของเธอบางอย่างเปลี่ยนไปได้จริงๆ