ตอนที่3.ความหลัง
ตอนที่3.ความหลัง
เป็นอีกเช้าที่อากาศดีจนบุหลันรู้สึกสดชื่น เธอเดินออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบโปรดที่ใช้เกินสามปี กระเป๋าที่ตัดเย็บและออกแบบเอง เคยส่งเข้าประกวดได้รางวัลชมเชยมาด้วย งานฝีมือที่บุหลันใช้หาเลี้ยงตัวเอง ใช้เป็นค่ากินอยู่ที่ไม่เคยปริปากบอกบิดา ไม่เคยทำให้ท่านร้อนหู แม้ตัวเองจะลำบาก
บุหลันเรียนจบด้วยเกรดที่ถือว่าใช้ได้
งานฝีมือที่เธอทำก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี สร้างรายได้ให้กับตนเองไม่น้อย เธอมีร้านเล็กๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากบิดาของเพรียว ได้จดทะเบียนในรูปแบบบริษัทก็เพราะความเมตตาของบิดาของเพรียวอีกเช่นกัน
เธอใช้พื้นที่นี้สำหรับขายงานที่ตัวเองทำ แถมยังเปิดโอกาสให้กับบุคคลที่ชื่นชอบแบบเดียวกับเธอมาวางขายด้วย เสียงกระแทกแดกดันของคะนึงนิจเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ แม้แต่บิดาที่พยายามค้านความคิดของเธอก็ยังต้องยอมแพ้
เธอยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาบิดาเลยก็ยังได้ แต่เพราะสำนึก บุหลันเลยพยายามยั้งตัวเองไว้ พูดไป ผลเสียจะตกที่เธอมากกว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
“ทำไมวันนี้ไปร้านแต่เช้าเลย” เพรียววิ่งหน้าตั้งมาเกาะรั้วตอนที่บุหลันเดินผ่าน
บุหลันยิ้มกร่อยๆ ให้ “คุณป้าเรียกไปด่าแต่เช้าเลยหรือไง”
“เปล่า” บุหลันส่ายหน้า
“อ้าว แล้วรีบไปทำไม” เพรียวยังซักต่อ
บุหลันล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมา แล้วเปิดรูปภาพบางอย่างให้ดู เพรียวตาโต เกือบกรีดร้อง แต่ทว่ายกมือปิดปากไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคนที่เดินอยู่บนทางเท้าอาจตกใจเพราะเสียงกรีดร้องของเธอ “ทางนั้น เขาโอเคแล้วเหรอ”
“อือ โอนเงินมัดจำมาแล้วด้วย ฉันเลยอยากทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงานชิ้นนี้” เป็นโปรเจ็กต์ที่บุหลันคุยกับลูกค้าต่างประเทศมาหลายเดือนแล้ว งานฝีมือที่ไม่ซ้ำกับใคร ออกแบบโดยบุหลันเอง และคาดว่าน่าจะได้เงินก้อนโตทีเดียว หากผลผลิตที่วางขายฮิตติดตลาดต่างประเทศ
“ไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันรีบตามไป”
คงเพราะเพรียวด้วยก็ได้ โอภาสเลยไม่กล้าคัดค้านมาก อย่างน้อยก็ได้รับความเห็นชอบจากน้องชายของเขาแล้ว
บุหลันเริ่มงานด้วยการร่างแบบ เธออยากให้สินค้าของเธอมีความหลากหลายและไม่ซ้ำแบบกับใคร และยิ่งไม่มีแรงกดดันเช่นนี้ บุหลันเชื่อว่าเธอสร้างชิ้นงานดีๆ ออกมาได้อย่างแน่นอน
เธอทำงานเพลินจนลืมเวลา กลิ่นกาแฟผสมนมโชยเข้าจมูก เลยเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังร่างแบบไว้
“ฉันซื้อกาแฟมาฝาก แกหิวยังหลัน”
“นิดหน่อย พักตาสักนิดก็ดี” บุหลันตอบ ดันแล็ปท็อปส่วนตัวออกห่าง
“แกทำงานเร็วเกินไปแล้วนะหลัน” เพรียวติงหลังมองหน้าจอแล็ปท็อป
“เสร็จเร็วไม่ดีเหรอเพรียว”
“มันก็ดีหรอก แต่ฉันกลัวส่วนของฉันเสร็จไม่ทันของแกนะสิ” เพรียวเปรยลอยๆ เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“แกก็เร่งมือหน่อยสิ หากสิ้นปีมีกำไรเยอะ ฉันจะปิดร้านพาแกไปเที่ยวทะเล” บุหลันตอบกลับจนเพรียวตาโต ร้านของเธอกับบุหลันมีรายได้พอจ่ายค่าจ้าง กับค่าเช่าร้าน ยังไม่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่หากงานนี้สำเร็จ อาจจะทำให้รายได้เห็นชัดขึ้น
“อย่าหลอกกันนะ” เพรียวถามกลับ
บุหลันไม่ได้ตอบ แต่เธอกำลังยิ้ม
“อ้อ...เธอนั่นเอง” จู่ๆ ภามก็ลุกพรวดขึ้นยืน ส่งเสียงเอะอะจนภาคกับปรียาหันมามอง
“เกิดอะไรขึ้น” ปรียาปลีกตัวเดินมาหา ภามเลยหย่อนตัวนั่งที่เดิม
“พอดีนึกบางอย่างออกน่ะครับแม่”
“เรื่องสำคัญไหม?” ปรียาถามต่อ นางเลื่อนจานของว่างไว้ตรงหน้าบุตรชาย “สาคูไส้หมูแม่ลงทุนปั้นเองเลยนะลองชิมสักหน่อยสิ”
ภามอมยิ้ม เอื้อมมือหยิบส้อมจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตใส่ปาก พลางกระเซ้ามารดาเสียงใส “ติดสินบนผมใช่ไหมแม่ จะให้ผมพาไปไหนละครับ”
ภาคหัวเราะลงลูกคอ เดินมาทิ้งตัวนั่งด้านข้างบุตรชาย “ไปดูตัว”
“ผมไม่แต่งงานกับยัยพริมานั่นหรอกนะครับแม่” ภามหันไปพูดตรงๆ กับมารดา เขารู้ หากตนเองมีเหตุผล มารดารยังไงก็รับฟัง
“หนูพริมีอะไรไม่ดีเรอะ เราถึงไม่พอใจ”
“มันไม่ถูกจริตบอกไม่ถูกครับแม่ ผมว่าพริมา ไม่ธรรมดาหรอกครับ”
“แหม...ยังไงเขาก็เรียนจบนอก พ่อ แม่เองก็มีหน้าที่การงานดีๆ ทำ”