บท
ตั้งค่า

[6.1] 'วันแดงเดือด'

[6.1]

'วันแดงเดือด'

“ป๋าขาไปเที่ยวกันมั๊ย ภูเก็ตเชียงใหม่หนูช๊อบชอบ สร้อยแหวนนาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์มือถือล่ะหนูช๊อบชอบ รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวขับโฉบวิ่งฉิวล่ะหนูช๊อบชอบ ป๋าขาอยากได้คอนโด อยู่แบบไฮโซละหนูช๊อบชอบ”

เพลง หนูชอบช๊อบ - ยุ้ย ญาติเยอะ

“แม่มึงอีกะทิมันเป็นอะไรอ่ะ?”

พ่อของกะทิหันไปถามแม่ของกะทิที่กำลังนั่งตำน้ำพริกอยู่เมื่อเห็นลูกสาวตัวเองเดินร้องเพลงแถมเต้นสะบัดสะโพกแทบหลุดออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางอารมณ์ดีจนดี๊ด๊าเกินหน้าเกินตาเชียว

“ไม่รู้มันสิตั้งแต่มันกลับบ้านมามันก็เดินร้องเพลงเดินเต้นเข้ามาแล้ว” แม่ของกะทิหันไปมองลูกสาวที่ตากผ้าไปก็ยังคงร้องเพลงไปเหมือนเดิมเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

“สงสัยมันจะอารมณ์ค้างจากที่ทำงานมั้ง”

“มันก็ไม่เคยเป็นสักหน่อย ฉันว่าเรียกมันมาถามเลยดีกว่า นังกะทิเอ๊ย!”

“จ๋าแม่” กะทิวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นแม่

“นี่แกเป็นอะไรเนี้ยกะทิอารมณ์ดีออกนอกหน้านอกตา” แม่กะทิถามลูกสาวตัวแสบ

“เอ้าอารมณ์ดีผิดเหรอคะ?”

“ไม่ผิดหรอกแต่วันนี้แกมาแปลกไง” พ่อพูดเสริม

“ก็แค่อารมณ์ดีเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักหน่อย” กะทิตอบด้วยรอยยิ้ม

“แน่ใจเหรอไม่ใช่ไปเจอพวกเสี่ยกระเป๋าหนักมาเหรอไง?”

“ก็นิดหน่อยค่ะ จริงๆ ก็เจอทุกวันอยู่แล้วนะคะ”

“ระวังตัวหน่อยนะกะทิไอ้พวกเนี้ยมันไม่ธรรมดาหรอก ทำให้มันหลงมากๆ แล้วไปหลอกมันจนหมดตัวมันจะฆ่าเอานะ ข่าวก็มีออกเยอะแยะ”

ผู้เป็นพ่อพูดเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะเอาจริงๆ ก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากส่งเสริมให้ลูกทำแบบนี้หรอกเพราะมันเสี่ยงอันตรายแต่ในเมื่อลูกทำไปแล้วก็ได้แค่คอยเตือน คอยห้ามปรามไม่ให้ลูกถลำลึกไปมากกว่านี้เพราะวงการแบบนี้มันน่ากลัวการเอาความรู้สึกของคนมาเล่นถ้าเจอคนที่มันไม่ยอมมันตามมาแก้แค้นถึงขั้นฆ่าตายก็มี เขาไม่อยากให้ลูกสาวของเขาต้องขึ้นข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนเสี่ยใหญ่อุ้มฆ่าหรอกนะ

“นั้นน่ะสิ จริงๆ ถ้าเลิกได้แม่ก็อยากให้เลิกนะแค่ร้องเพลงอย่างเดียวก็พอไม่ต้องไปนั่งดื่มกับคนพวกนั้นหรอก พ่อกับแม่เนี้ยเป็นห่วงแกทุกวันเลย”

ผู้เป็นแม่เอื้อมมือไปลูบหัวของกะทิอย่างเอ็นดูเพราะมีลูกสาวเหลืออยู่คนเดียว พี่ชายของกะทิก็ตายไปเมื่อสามปีก่อนจากอุบัติเหตุรถชนเธอก็เลยเป็นห่วงกะทิมากเพราะเหลืออยู่คนเดียวแล้ว

“หนูรู้แล้วค่ะ ตอนนี้หนูก็เบาๆ ลงแล้วนะไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับพวกหน้าใหม่แล้ว”

กะทิพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อให้พ่อแม่สบายใจเธอเองก็รู้ดีว่าพ่อแม่เป็นห่วงเธอ เธอก็พยายามจะไม่ยุ่งกับใครแล้วถ้าเลือกได้ก็จะเลี่ยงเสมอนั่นแหละเพราะเธอก็รู้ดีว่าเล่นกับเสือน่ะมันยากที่เสือจะไม่กัด เจอเสือดุเผลอๆ มันก็จะฆ่าเอาเสียง่ายๆ เหมือนกัน

“อืม เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ยกกับข้าวไปกลางบ้านดีกว่าเราจะได้กินข้าวกัน” ผู้เป็นแม่เลือกจะเปลี่ยนเรื่องไม่ให้สถานการณ์มันดูแย่ไปมากกว่านี้เพราะไม่อยากทำให้กะทิอึดอัดเกินไปเพราะตอนนี้กะทิคือเสาหลักของครอบครัว

“ค่ะ”

กะทิยกเอาถาดน้ำพริกปลาทูออกมาวางที่กลางบ้านก่อนจะเดินไปรับถาดอาหารชุดเล็กมาจากผู้เป็นพ่อแล้วเดินมายังลิ้นชักที่ด้านบนมีรูปของพี่ชายเธอวางอยู่ เด็กสาววางถาดอาหารชุดเล็กลงบนพื้นที่วางหน้ารูปตามด้วยการพนมมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหวาน

“กินเยอะๆ นะพี่แกง ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลย”

ผู้เป็นแม่จ้องมองกะทิที่กำลังพูดคุยกับรูปแทนตัวของ แกง ลูกชายคนโตของเธอก็อดจะเศร้าใจไม่ได้เพราะแกงกับกะทิเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆ ช่วยดูแลกันและกันมาตลอดเพราะตอนสองคนนี้เด็กๆ เธอกับสามีจะต้องทำงานหนักเพราะครอบครัวฐานะไม่ดีแต่อยากจะส่งลูกทั้งสองคนเรียนให้จบสูงๆ ก็เลยต้องทำงานทุกอย่างจนบางทีก็ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก พี่น้องก็เลยต้องคอยดูแลกันเอง คอยปกป้องกันและกันมาจนโตแต่แล้วความตายก็มาพรากเอาแกงไปก่อน

เช้าวันต่อมา

“กะทิจะไปไหนลูกแต่งตัวเสียสวยเชียว” ผู้เป็นแม่ถามเมื่อเห็นลูกสาวตื่นแต่เช้าแต่งหน้าแต่งตาสวยเด่นกว่าทุกวันเสียอีก

“พอดีหนูจะไปซื้อของกับเจ๊เดซี่ค่ะ อาจจะกลับมืดเลยนะคะซื้อเสร็จก็ว่าจะแวะเข้าไปที่ร้านเลยค่ะ” กะทิเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น

“ไม่ต้องรอกินข้าวนะคะ หนูคงกลับดึกหน่อย วันนี้วันอาทิตย์ร้านปิดช้ากว่าเวลาหน่อยลูกค้าเยอะด้วย”

“อืม ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”

“ค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”

กะทิผละตัวออกมาจากผู้เป็นแม่แล้วหันตัวเดินออกมาจากบ้าน เด็กสาวเดินเลยบ้านออกมาสองหลังก็พบรถของจินเกอจอดรออยู่ รถคันเดียวกับที่มาส่งเธอเมื่อคืนนั่นแหละ ให้ทายสิว่าในรถคันนั้นจะมีจินเกอกำลังนั่งมองเธออยู่เหรอเปล่าแล้วเขาจะต้องตะลึงในความสวยของเธอวันนี้ไหม ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วกะทิเลยจัดการหมุนฟูลเทิร์นไปหนึ่งรอบ

“ว้ายยย!”

แต่ลืมไปว่าที่นี่มันชุมชนที่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบอะไรมากนักจนเด็กสาวเกือบจะฟูลเทิร์นตกท่อระบายน้ำที่ไม่ได้มีฝาปิดจนต้องรีบตั้งหลักในทันทีไม่อย่างงั้นคงได้หมดสวยก่อนเผลอๆ อาจจะตายเป็นผีเฝ้าท่อไปแทนก็ได้

“เกือบหมดสวยแล้วเชียว”

คราวนี้กะทิไม่เล่นอะไรพิเรนทร์แล้วเด็กสาวเดินตรงไปยังรถของจินเกอที่จอดรออยู่ด้วยรอยยิ้มพอใกล้ถึงก็มีลูกน้องของจินเกอลงมาเปิดประตูให้สิ่งที่ต้อนรับเธออยู่ด้านในคือสายตาของจินเกอที่มองเธอเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดอ่ะ

“หน้าหนูมีอะไรเปื้อนเหรอคะ?” กะทิก้าวขึ้นมานั่งบนรถพร้อมถามจินเกอด้วย

“แต่งชุดอะไรของเธอเนี้ย?”

จินเกอจ้องมองกะทิตั้งแต่หัวจรดเท้าเพราะชุดที่เด็กสาวใส่มามันชุดอะไรก็ไม่รู้ สายเดี่ยวนุ่งสั้นนึกว่านวลนางตามข้างถนนยามค่ำคืน ไหนจะปากที่แดงแจ๋นั้นอีกอย่างกับพวกคณิกาในหอนางโลม

“ก็แฟชั่นไงคะ?”

“แฟชั่นหอนางโลมเหรอ?”

“แหมถ้าพูดแบบนี้ก็ด่าหนูแต่งตัวกะหรี่ง่ายกว่า”

“นี่เธอด่าตัวเองนะเนี้ย ฉันยังไม่ได้พูดเลย”

“ไม่ได้พูดแต่ก็พูดอ้อมๆ ไหมคะ” กะทิกลอกตามองบนก่อนจะหันไปทางอื่นด้วยท่าทางงอนๆ

"ช่างเถอะแต่งแบบไหนมาเดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี”

คำพูดของจินเกอทำให้กะทิหันขวับไปมองอีกฝ่ายทันทีแต่อีกฝ่ายไม่ได้มองเธอเลยแต่ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มกริ่มอยู่ รอยยิ้มบางๆ แต่แสนร้ายกาจชะมัด เธอรู้หรอกว่าที่เขาพูดหมายความว่ายังไงก็เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะมาเจาะไข่แดงเธอนี่นาแต่อย่างเธอเหรอจะยอมง่ายๆ ถ้าง่ายมันไม่ใช่กะทิแล้ว

“หนูขอไปธนาคารก่อน”

“ทำไม?” จินเกอถึงกับขมวดคิ้ว

“ก็หนูต้องเอาเช็กไปขึ้นก่อนถ้าเกิดเช็กมันเด้งขึ้นมาจะทำยังไง”

“ฉันไม่โกงเธอหรอกน่า”

“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ คนเราสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก ถ้าเสี่ยคิดว่าเสี่ยบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็ยอมให้หนูเอาเช็กไปขึ้นธนาคารก่อนสิคะ”

กะทิเลือกจะพูดกดดันแบบบีบบังคับจินเกอไปในตัวโดยงัดเอาศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายมาใช้เพราะลองถ้าเธอได้พูดแบบเนี้ยผู้ชายทะนงตัวแบบจินเกอคงต้องรีบให้เธอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในตัวเขาอย่างแน่นอน

“ก็ได้ งั้นก็เอาเลยเธอจะได้สบายใจ”

เข้าแผน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel