บทที่ 4 ว่าผมดีนัก..เดี๋ยวจับจูบซะเลย 2
“คุณจะให้ฉันกินไข่คุณเหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ในขณะที่โหนกแก้มของผู้ชายตรงหน้าชักจะเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
“คุณจะหน้าแดงทำไม” เธอถามอย่างสงสัย เล่นเอาธัศไนยต้องเกาท้ายทอยตัวเองแกรกๆ
“คุณก็อย่าพูดคำว่า…ไข่ผม…บ่อยนักซี่ ผมเขินนะเนี่ย”
“หะ…” ประภาพิณอ้าปากค้าง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดเขาชัดๆแล้ว เธอก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
“พูดแบบนี้ผมคิดลึกนะนั่น” เขายังไม่เลิกหน้าแดง มือก็เกาต้นคอไปมาอย่างเขินๆ
“อ๊ายยยย ทะลึ่ง ทะลึ่งที่สุด” หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างอับอาย ทำเอาธัศไนยต้องเบิกตากว้าง
“เฮ้ย เงียบๆสิคุณ เดี๋ยวไอ้เมก็ตื่นหรอก” เขาทำท่าจุ๊ปากเป็นการบอกให้เธอเงียบๆเสียง ทำให้ประภาพิณต้องเลิกกรี๊ดแล้วยกมือขึ้นมาอุดปากตัวเองไว้แน่น
….
เงียบฉี่
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสนิท ประภาพิณกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกใหญ่พร้อมภาวนาว่าขออย่าให้เด็กชายตื่นมาตอนนี้เลย
1นาทีผ่านไป
“แง้ๆๆๆๆ” เด็กชายเมธากรแผดเสียงร้องไห้จ้าดังมาจากในเปล เล่นเอาธัศไนยถึงกับหน้าซีด ชายหนุ่มหยิบจานข้าวทั้งสองใบขึ้นมาถือไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ผมจะไปทำกับข้าวใหม่ คุณดูแลไอ้เมไปนะ” พูดจบ หนุ่มหน้าโหดก็เดินเร็วๆเข้าครัวไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวนั่งอ้าปากค้างอย่างงุนงง
“นี่ฉันต้องเป็นคนปลอบเด็กอีกแล้วเหรอเนี่ย” หญิงสาวคำรามลั่นพร้อมตวัดสายตาไปทางห้องครัวด้วยสายตาแค้นๆ
“หนีเอาตัวรอดคนเดียว จำไว้เลย” เธอบ่นอุบอิบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เปลพร้อมอุ้มเด็กชายขึ้นมาปลอบ
ธัศไนยคว้าผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสดใสขึ้นมาสวมไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นเพื่อเลือกของที่ต้องการ
มือใหญ่หยิบหมูที่อยู่ในช่องรองน้ำแข็งออกมาวางไว้บนโต๊ะสะอาด ก่อนจะหันไปหยิบเห็ดหูหนู
“วันนี้คุณจะทำอะไรกินคะ” เสียงใสๆออกปากถาม ทำให้ชายหนุ่มต้องละมือออกจากตู้เย็นแล้วหันไปทางประตูห้องครัวจึงได้เห็นประภาพิณยืนอยู่ ในอ้อมแขนมีเด็กน้อยที่กำลังฉีกยิ้มโชว์ฟันซี่น้อยๆที่เพิ่งโผล่พ้นเหงือกแดงๆออกมา
“แกงจืด” เขาตอบ พร้อมกับยืนหันหลังให้เธอ แล้วจัดการล้างรากผักชีจนสะอาด
“เขาทำกันยังไงเหรอ” หญิงสาวเดินแท่ดๆมายืนข้างๆเขา โดยมีเมธากรฉีกยิ้มกว้างมองอยู่ตาแป๋ว
“นี่คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่า” เขาหันมาถามเธอ
“เป็นสิ หญิงแท้ๆด้วย ไม่ใช่กะเทยแน่นอน ถึงขนหน้าแข้งจะดกก็ตาม” เธอพูดตรงๆอย่างมั่นใจ เล่นเอาธัศไนยต้องหลุบตาลงมองขาเรียวที่โผล่พ้นชายชุดนอนเนื้อหนาของเธอออกมา
“เออ ดกจริงๆด้วย” เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เอ๊ะ ไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้นะ” หญิงสาวขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ
“อะไรของคุณ คุณเป็นคนบอกผมเองนะว่าคุณขนหน้าแข้งดก”
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย” ใบหน้าเรียวๆงอหงิก ในขณะที่เมธากรหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างไม่รู้ประสีประสา
“อะไรวะ คูโบต้าติงต๊อง”
“ถ้าคุณยังว่าฉันอีก ฉันจะไม่เลี้ยงหลานให้คุณ”
“งั้นคุณก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ผมสองล้านครึ่งเดี๋ยวนี้” เขางัดไม้ตายขึ้นมา ทำเอาประภาพิณต้องค้อนตาคว่ำ
“จะบอกฉันได้หรือยังว่าแกงจืดเขาทำกันยังไง” เธอเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น เมื่อเห็นว่าเธอเถียงเขาพ่ายแพ้ย่อยยับจนหน้าชาเห่อๆเพราะเสียฟอร์ม
“ทำกับข้าวไม่เป็นเหรอ” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ส่วนมือก็เด็ดรากผักชี พริกไทย กระเทียมลงในครกทรงสูง
“เป็นนิดหน่อย” เธอตอบอ้อมแอ้ม
“ปกติเวลาทานอาหาร คุณจะออกไปกินข้างนอกเหรอไง”
“เปล่าค่ะ เมื่อก่อนแม่ฉันเป็นคนทำกับข้าวให้ ส่วนฉันมีหน้าที่กิน พอพ่อกับแม่ฉันเสีย ฉันก็เลยกินมาม่าบ้าง บางทีก็ไข่ต้ม ไข่ทอด”
“ห๊ะ!!” เขาหันขวับมามองหน้าเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณกินแต่ของแบบนั้นเนี่ยนะ ขาดสารอาหารแย่เลย”
“ทำไงได้ล่ะ ก็ฉันทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นนี่นา ไม่ชอบทำด้วย” เธอทำสีหน้าจ๋อยๆ ทำเอาชายหนุ่มใจอ่อนยวบ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปที่ครกแล้วเริ่มลงมือโขลกส่วนผสมในครกเป็นจังหวะ
“เช้านี้ผมจะทำอาหารที่ง่ายๆสักอย่างหนึ่งก่อน คราวหน้าค่อยทำอาหารที่มันหลากหลายมากกว่านี้”
“ท่าทางคุณจะทำอาหารเก่งนะคะ”
“ใช่ ผมน่ะชอบทำอาหารนะ รู้มั้ย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ทำเอาประภาพิณชักจะรู้สึกหมั่นไส้ เธอจึงแขวะเขาไปว่า
“ไม่เข้ากับหน้าคุณเลยนะคะ”
“หมายความว่าไง” เขาหันมาถามเธอเสียงเข้ม พลางหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด
“จะว่าผมหน้าโหดอีกล่ะสิ”
“ปิ๊งป่อง ถูกแล้วค่ะท่านอาจารย์” เธอหัวเราะก๊ากๆ จนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“ถ้าจะทำแกงจืดวุ้นเส้น ก่อนอื่นคุณต้องโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียดเสียก่อน แล้วค่อยเอาไปผัดกับเนื้อหมู ใส่น้ำปลา ใส่น้ำซุป เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน”
“เดี๋ยวๆๆค่ะ สมองฉันคิดตามไม่ทันคุณ” เธอยกมือข้างที่ว่างจากการอุ้มเมธากรมาโบกมือห้ามเขา
“พอเถอะ ผมไม่พูดแล้ว” เขาตัดบท ก่อนจะหันรีหันขวาแล้วตั้งท่าจะเดินไปหยิบชามอ่าง แต่ประภาพิณกลับยืนขวางอยู่
“คุณแฟน” เขาเรียกเธอเสียงระอา
“อะไรคะ” เธอทำตาโตแล้วถามเขาอย่างใสซื่อ
“คุณช่วยออกไปรอนอกห้องครัวได้ไหมครับ” เขาพูดเสียงสุภาพ ในขณะที่เธอทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะคะ ฉันอยากยืนดูคุณทำกับข้าว เผื่อจะได้ซึมซับเข้าหัวบ้าง”
“เชื่อผมเถอะ คุณช่วยออกไปได้มั้ย” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน
“ทำไมต้องไล่ฉันด้วยล่ะ” คราวนี้เสียงใสๆเริ่มส่อถึงความน้อยใจ
“ก็เพราะคุณเกะกะไงเล่า ออกไปเลย” เขาชี้นิ้วไปที่ประตูพร้อมตะคอกเสียงดัง เล่นเอาประภาพิณสะดุ้งโหยง
“หาว่าฉันเป็นตัวเกะกะเหรอ จำไว้”
“ผมสมองเสื่อม ผมไม่จำหรอก ออกไปได้แล้ว คุณมีหน้าที่แค่รอกินอย่างเดียวก็พอ” เขาพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องอุ้มเด็กโกยแน่บหนีออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะโมโหเธอมากไปกว่านี้
“เฮ้อ” ธัศไนยส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหยิบชามอ่างมาวางไว้บนโต๊ะ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นที่มุมปากหยักสวยได้รูปจนหน้าเข้มๆของเขาคลายความโหดลงไปอีกมากโข มือใหญ่จัดแจงปรุงอาหารอย่างตั้งใจมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องใส่ใจในขั้นตอนการทำอาหารง่ายๆมากขนาดนี้ด้วย เขารู้แต่เพียงว่า…พอนึกว่ากำลังมีใครบางคนรอชิมฝีมือเขาอยู่ เขาก็มีแรงใจที่จะทำอาหารอย่างสุดฝีมือ แม้ว่ามันจะเป็นอาหารง่ายๆที่ใครๆก็ทำเป็นก็ตาม…