บทที่ 4 ว่าผมดีนัก..เดี๋ยวจับจูบซะเลย 1
บทที่ 4
ว่าผมดีนัก..เดี๋ยวจับจูบซะเลย
“นี่คุณหาว่าฉันถึกเหมือนรถไถคูโบต้าเหรอคะ” หญิงสาวหันมาตวัดตาเขียวๆมองเขา ในขณะที่ชายหนุ่มยักไหล่แล้วเมินหน้าไปทางอื่นด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
“เปล่า ไม่ได้ว่าคุณถึกสักหน่อย”
“แต่ว่าเมื่อกี้คุณ..”
“โอ๊ยๆๆ ผมหิวข้าวแล้วนะคร้าบ” เขาโอดครวญพร้อมยกมือขึ้นลูบท้อง เล่นเอาประภาพิณต้องทำปากยื่นก่อนจะสะบัดหน้าพรืดหันกลับไปทางเดิมเพื่อทำอาหารเช้า
ครัวของเขาถูกตกแต่งไว้ค่อนข้างหรูแบบเรียบๆแต่ก็ดูน่ารักๆอยู่ในที ทุกอย่างถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างสะอาดหมดจดและเป็นระเบียบ ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าขาวลายสก๊อตถูกแขวนไว้ที่ผนังห้องครัวด้านหนึ่ง
ประภาพิณเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาผูกไว้ที่บั้นเอว ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบในการทำอาหาร
เอ…เช้านี้เธอจะทำอะไรทานดีนะ?
เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง ในที่สุดแม่ครัวเอกก็ปลดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมยกจานสองใบเดินออกมาจากห้องครัว ก่อนที่หญิงสาวจะชะงักการเดินลงเมื่อมองเห็นธัศไนยที่ตอนนี้สวมเสื้อไว้เหมือนเดิมแล้วกำลังนอนตะแคงอยู่หน้าเปลเด็ก ในมือกำสายไกลเปลเอาไว้ แต่คนไกวเปลดันหลับเสียได้
“อะไรกัน ไกวเปลให้หลานแต่ดันหลับเสียเองเหรอเนี่ย” หญิงสาวพูดพึมพำพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะวางจานข้าว2จานลงบนพื้นห้องแล้วเขย่าตัวเรียกชายหนุ่ม
“คุณๆๆตื่นเถอะค่ะ ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ”
….
เงียบ
ไม่มีวี่แววว่าคนตัวใหญ่ที่นอนหลับตาอยู่จะตื่นเลยสักนิด
“คุณหนวดดกคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” คราวนี้หญิงสาวจึงออกแรงเขย่าตัวเขาแรงมากขึ้น ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่ๆคว้าหมับเข้าที่แขนเรียวแล้วดึงอย่างแรงจนร่างบางหน้าทิ่มทับลงบนอกเขาเต็มๆ
“อ๊ายยย”
“ร้องทำไม” เสียงทุ้มๆถาม เล่นเอาประภาพิณต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาตาขุ่น
“คุณแกล้งฉัน”
“ผมชอบแกล้งคุณ”
“อีตาโรคจิต” หญิงสาวพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะรีบยันตัวลุกขึ้นจากอกแข็งๆของเขา ทั้งๆที่หน้ายังคงร้อนวูบวาบอยู่เหมือนเคย เธอเพิ่งจะรู้ก็วันนี้เองว่า..อกผู้ชายน่ะอบอุ่นขนาดไหน
“อ้าว มาว่าผมโรคจิต เดี๋ยวก็จับจูบซะเลย” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง
“ถึงฉันจะเป็นลูกหนี้คุณ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนั้นกับฉันนะคะ” ประภาพิณพูดหน้าตึง
“คร้าบๆๆๆ ไม่มีสิทธิ์ก็ไม่มีสิทธ์ แล้วไหนล่ะ กับข้าวของผม” ชายหนุ่มชะเง้อชะแง้มองหาอาหารตัวเองก่อนจะชะงักเมื่อมือเรียวยกจานข้าวมายื่นส่งให้เขาจานหนึ่ง
“เอ่อ…” อาจารย์หนุ่มออกอาการอึ้งกิมกี่ ดวงตาเพ่งมองไปที่จานข้าวที่เขารับมาจากมือประภาพิณราวกับจะมองให้ทะลุจาน
“อะไรคะ” หญิงสาวฉีกยิ้มแหยๆพลางเกาหัวแกรกๆอย่างเขินๆ ในขณะที่ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะวางจานข้าวลงแล้วเหลือบตาขึ้นมามองหน้าเธอ
“คุณแฟน” เขาเรียกเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
“คะ?” หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอก่อนจะทำตาปริบๆใสๆ
“กับข้าววันนี้คือไข่ดาว1ฟอง?” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นสูงพร้อมถามเธอด้วยน้ำเสียงละมุนละไม
“ใช่ค่ะ ไข่ดาวคนละฟอง เป็นอาหารจานด่วนค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนาน” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมเหล่มองจานข้าวของตัวเองบ้าง
“ด่วนมากมั้ย” เขายังคงถามเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึก
“มากค่ะ ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงไร้เดียงสา และนั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มตบะแตก เพราะเขาโวยวายลั่นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ด่วนจนไหม้เลยใช่มั้ย ไข่ดาวดำจนเกรียมแบบนี้ใครจะไปกินลง”
“เอ๊ะ คุณอย่ามาว่าฉันนะ ไข่ของฉันก็ไหม้เหมือนกัน ฉันยังไม่โวยวายเลย” ประภาพิณเงยหน้าขึ้นเถียงฉอดๆ เล่นเอาธัศไนยต้องผลักจานที่อยู่บนพื้นไปทางเธออย่างโมโห
“ไข่ของผมไหม้มากกว่าของคุณอีกนะยัยคูโบต้า”
“เอ้ะ ไข่ของคุณไหม้น้อยกว่าของฉันต่างหาก ฉันอุตส่าห์ยอมเสียสละเอาไข่ที่ไหม้น้อยๆให้คุณ ส่วนไข่ที่ไหม้มากๆฉันยอมกินเอง”
“คุณดูให้ชัดๆสิ ไข่ของผมดำมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะกินลงเหรอไง” เขาชี้นิ้วไปที่จานที่วางอยู่บนพื้น ข้าวสวยร้อนๆเม็ดสวยงาม มีไข่ดาวนิโกรวางแปะอยู่บนเม็ดข้าวสวย
“ไม่รู้ล่ะ ในเมื่อคุณหิว คุณก็ฝืนๆกินไปเถอะ” เธอเชิดหน้าขึ้น พยายามยืดคอให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าจะให้เธอยอมแพ้อีตาหน้าโหดคนนี้ล่ะก็..ฝันไปเถอะ
“คุณก็กินให้ผมดูก่อนซี่”