บทที่ 3 ถ้าไม่หยุด…ผมจะจูบ 1
บทที่ 3
ถ้าไม่หยุด…ผมจะจูบ
ประภาพิณลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการง่วงงุน มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเบาๆก่อนจะเหลียวมองรอบๆตัวอย่างงงๆ
เมื่อคืนนี้ หลังจากที่เขาพาเธอมาที่รถยนต์ส่วนตัวของเขาแล้ว เมธากรก็ร้องไห้ลั่นไม่ยอมหยุดจนประภาพิณชักจะเริ่มสงสารจึงได้ถามไถ่ธัศไนยว่าวันนี้ได้ให้อะไรเด็กชายกินหรือยัง
และคำตอบที่ธัศไนยมอบให้เธอนี่สิที่ทำเอาเธออยากงับหัวชายหนุ่ม เพราะเขาตอบว่า... “วันนี้ผมให้มันกินกล้วยไปครึ่งลูกแล้ว”
เธอจึงต้องสั่งให้เขาแวะที่ร้านข้างทาง หาซื้ออาหารเสริมที่เด็กพอจะกินได้มาไว้รวมทั้งนมผงด้วย
กว่าจะกลับมาถึงที่บ้านของเขา ป้อนนมให้เมธากรเสร็จ เวลาก็ล่วงเข้าไปถึงตี1 เธอถึงจะได้นอน..
เธอไม่ไว้ใจเขา แต่เขากลับให้เธอมานอนในห้องส่วนตัวโดยที่เขาไม่เข้ามายุ่มย่ามด้วยเลยทั้งคืน ช่างเป็นสุภาพบุรุษผิดกับหน้าตาซะจริงๆ
ตอนนี้เธอจึงมีเวลามานั่งคิดถึงร้านดอกไม้ของเธอ เธอจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี..?
“แงๆๆๆ” เสียงร้องจ้าของเด็กน้อยที่ดังแทรกเข้ามาในความคิด ทำให้ประภาพิณต้องดีดตัวลงจากเตียงพร้อมเดินปราดๆออกจากห้อง
“คุณมาช่วยผมดูหน่อยสิ มันร้องไห้อีกแล้ว” ธัศไนยพูดพร้อมทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้เต็มแก่ สองแขนแข็งแรงโอบอุ้มร่างเล็กบางไว้แนบอก สายตาคมมองมาทางประภาพิณอย่างขอความช่วยเหลือ
“ถ้าคุณเลี้ยงเด็กไม่เป็นแบบนี้ก็น่าจะให้พ่อเขาเป็นคนเลี้ยงนะคะ” เธอรับเด็กมาอุ้มเองพลางใช้มือตบก้นเล็กๆเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“ไอ้วัฒน์มันเอามาทิ้งให้ผมเลี้ยงนะ ผมไม่ได้อยากเอามาเลี้ยงเองสักหน่อย”
“ถ้าเลี้ยงไม่ได้ก็บอกเขาไปสิคะว่าเลี้ยงไม่ได้”
“เอ๊ะ! คุณอย่ามาสอนผมนะ ไปเลี้ยงหลานให้ผมเลย ชงนมให้ไอ้เมกินด้วย” เขาตะคอกเสียงดัง ดวงตาวาววับ
“ป่าเถื่อน” ประภาพิณบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมอุ้มเด็กชายหันหลังให้เขาตรงไปยังตะกร้านมผง
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”
“ว่าคุณป่าเถื่อน”
“กล้าหาญมากนะที่กล้ามาว่าผม” เขาพูดเสียงขึ้นจมูก ในขณะที่ประภาพิณส่งเมธากรให้เขาอุ้ม แล้วตัวเองก็ลงมือชงนมอย่างคล่องแคล่ว
“กล้าสิคะ ฉันกล้ามากกว่าที่คุณคิดซะอีก”
“เหรอ” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นสูง หรี่ตาลงมองเสี้ยวหน้าหวานๆของคนข้างๆตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ค่ะ”
“คุณชงนมคล่องจังนะ เคยมีลูกมาแล้วเหรอ”
“ฉันยังโสด ยังสดย่ะ จะไปเคยมีลูกได้ไง” ประภาพิณหันมาค้อนชายหนุ่มตาเขียววับก่อนจะกดน้ำในกระติกน้ำร้อนใส่ในขวดนม
“อ้าว นึกว่าเคยมีลูกมาแล้ว ให้ไอ้เมกินนมคุณไม่ได้เหรอ” เขาถามเสียงซื่อแต่ตาวิบวับ เล่นเอาประภาพิณแทบจะหน้าคะมำ
“ฉันไม่เคยมีลูก ไม่มีน้ำนม” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง ก่อนจะจ่อหัวขวดนมให้เมธากร ซึ่งเด็กชายก็รีบอ้าปากเล็กๆดูดนมลงคอทันที
จ๊วบๆๆๆ
“แน่ะ มีเสียงซะด้วย” ธัศไนยหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี มือยังคงโอบอุ้มร่างน้อยไว้ในวงแขนโดยมีประภาพิณคอยถือขวดนมให้
“นี่คุณคะ” เสียงเรียบๆที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“มีอะไร”
“ฉันทิ้งร้านดอกไม้ไปไม่ได้หรอกนะคะ”
“…” ธัศไนยก้มลงมองเมธากรอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตาใสพร้อมพูดออกมาว่า
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ คุณเปิดร้านตามปกติก็ได้ เดี๋ยวผมกับเจ้าเมไปอยู่ที่ร้านคุณด้วย พอตอนกลางคืนคุณก็มาอยู่ที่บ้านผม เคมะ”
“อะไรนะ” ประภาพิณเบิกตากว้างจนแทบจะถลนอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ในขณะที่ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มกริ่ม
“ยังสาวยังแส้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหูตึง”
“ฉันไม่ได้หูตึง” หญิงสาวตวาดแหว “ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะเสนอความคิดแบบนี้ต่างหาก”
“แล้วทำไมล่ะ ความคิดของผมมันไม่ดีเหรอไง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามตาคมมองประภาพิณที่ยกมือข้างที่ว่างมาลูบคางตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิด
ถ้าหากว่าเธอยอมทำตามข้อเสนอของเขา เธอก็จะได้เปิดร้านขายดอกไม้ตามปกติ แถมยังได้ใช้หนี้ให้เขาด้วย นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกอีแร้งสองตัวเลยจริงๆ
“ก็ได้ค่ะ” ประภาพิณพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะถามเขาว่า
“แล้วคุณไม่ทำงานทำการเหรอคะ ถึงจะไปอยู่ที่ร้านดอกไม้กับฉันด้วย คุณฝากเด็กไว้ที่ฉันก็ได้ค่ะ”
“ผมไม่ได้ทำงานที่ต้องอยู่กับบริษัทหรอก ผมเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์เด็กม.ปลาย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม แล้วผมเองก็ตัดเกรดเด็กเสร็จแล้ว” เขาบอก ในขณะที่ประภาพิณเบิกตากว้าง
“คุณนี่นะเป็นอาจารย์”
“ทำไม ผมดูไม่เหมือนอาจารย์เหรอไง ทำเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ”
“ดูไม่เหมือนก็ตรงหนวดคุณนี่แหละค่ะ”
“หนวดผมงามล่ะสิ เลี้ยงไว้ตั้งนานกว่ามันจะยาวขนาดนี้” เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ
“ฉันไม่ชอบคนมีหนวดค่ะ”
“ไมอ่ะ” เขาหันมาถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ค่ะ เป็นความรู้สึกส่วนตัว” หญิงสาวยักไหล่น้อยๆก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อเด็กชายหลับไปแล้วเรียบร้อย เธอค่อยๆดึงขวดนมออกก่อนจะเป็นคนอุ้มเมธากรเอาไว้เอง