บท
ตั้งค่า

ความบังเอิญ

เสียงโห่ร้องยินดีของทหารกล้าดังกึกก้องไปทั่วลานฝึก หวังเยี่ยนหลง จวิ้นอ๋องผู้เลื่องชื่อ ก้าวลงจากหลังม้าคู่ใจ ดวงตาคมกริบกวาดมองเหล่าทหารที่เข้ามาต้อนรับด้วยแววตาภาคภูมิใจ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นอย่างไม่ปิดบังเมื่อเห็นชัยชนะที่พวกเขาได้ร่วมกันสร้าง

"พวกเจ้าทำได้ดีมาก!" เสียงทุ้มทรงพลังของเขาเปล่งออกมา ทำให้เหล่าทหารยิ่งฮึกเหิมด้วยแรงกำลัง

"ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านจวิ้นอ๋อง!" "ท่านจวิ้นอ๋องทรงพระปรีชาสามารถ!"

เสียงสรรเสริญดังกึกก้องไปทั่วลานฝึกทหาร หวังเยี่ยนหลงโบกมือรับคำชมอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของตน

ภายในห้องทำงานอันโอ่อ่า ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้แกะสลักอย่างประณีต หวังเยี่ยนหลงทิ้งตัวลงนั่งบนตั่งไม้อย่างอ่อนล้า แม้ภายนอกจะดูสง่าผ่าเผย แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เขาถูกส่งไปชายแดนตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและการปกครอง ทำให้เขามีความสามารถรอบด้านทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัว

"ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงมีพระประสงค์เช่นไรกันแน่ ถึงได้ส่งข้าไปอยู่ชายแดนตั้งแต่ยังเล็ก" เขาพึมพำกับตัวเอง แววตาฉายแววตัดพ้อ "หรือว่าข้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมการเมืองของพระองค์"

ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างกัดกินหัวใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ ไม่เคยมีอิสระที่จะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้เลย

"ถึงแม้ข้าจะสร้างผลงานมากมายเพียงใด แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรในสายตาของพระองค์"

ทว่าเสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะความคิด

"เข้ามา"

อาตวน องครักษ์คู่ใจเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะก้าวฝีเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนที่มีอำนาจอยู่เหนือกว่าตน "มีรับสั่งจากวังหลวงขอรับ"

หวังเยี่ยนหลงขมวดคิ้วเมื่อได้รับฟังถ้อยคำจากองครักษ์ "มีอะไร?"

"ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านจวิ้นอ๋องเข้าเฝ้าด่วนที่วังหลวงขอรับ"

"เข้าเฝ้า?" หวังเยี่ยนหลงเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย "มีบอกหรือไม่ว่าเรื่องอะไร?"

อาตวนส่ายหน้า "ไม่มีรายละเอียดขอรับ"

หวังเยี่ยนหลงถอดถอนหายใจอีกครั้ง "เช่นนั้นก็เตรียมตัว ข้าจะเข้าเมืองหลวงเดี๋ยวนี้"

เขาไม่รู้ว่าการเข้าวังครั้งนี้จะนำพาสิ่งใดมาให้ แต่สิ่งหนึ่งที่จวิ้นอ๋องมั่นใจคือ เขาจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมของใครอีกต่อไปแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าอย่างสง่างามและเด็ดเดี่ยว สมกับเป็นจวิ้นอ๋องผู้เลื่องชื่อ

หลังจากหลบหนีออกจากจวน เฉินเหม่ยซินมุ่งหน้าสู่เมืองหานตาน บ้านเกิดของมารดาผู้ล่วงลับ การเดินทางหลายสิบลี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคมากมาย แต่หญิงสาวก็ไม่ย่อท้อเพราะเป้าหมายคือนางต้องการหลุดพ้นจากพันธนาการที่บิดาสร้างขึ้น

เมื่อตะวันคล้อยต่ำ เฉินเหม่ยซินมาถึงโรงเตี๊ยมเล็กๆ ริมทาง ที่พักเพียงแห่งเดียวในละแวกนี้ หญิงสาวเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม พบว่ามีแขกเข้าพักอยู่ก่อนแล้วเพียงโต๊ะเดียว บุรุษรูปงามราวเทพเซียนในอาภรณ์สีแดงตัดดำกำลังนั่งจิบสุราอยู่เพียงลำพัง

เหม่ยซินสะดุดตากับความงามของเขา ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบราวกับเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปราวกับภาพแกะสลักอย่างประณีต บุรุษผู้นี้มีรังสีของผู้สูงศักดิ์แผ่ออกมาโดยรอบ แม้จะนั่งอยู่เฉยๆ ก็ยังดูสง่างามน่าเกรงขาม

หญิงสาวพยายามไม่ให้ตัวเองเสียมารยาทด้วยการจ้องมองเขานานเกินไป นางรีบสั่งอาหารและสุรา ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม เฝ้ามองบุรุษผู้นั้นอย่างเงียบๆ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางถูกแทนที่ด้วยความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับบุรุษรูปงามผู้นี้ เขาเป็นใครกัน? และเหตุใดจึงมาอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้เพียงลำพัง?

เหม่ยซินรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้มีบางอย่างที่พิเศษ และอาจจะเป็นผู้ที่ช่วยให้นางค้นพบเส้นทางใหม่ในชีวิตก็เป็นได้

ไม่นานนัก สตรีอีกคนก็เข้ามาในโรงเตี๊ยม ท่าทางกระฉับกระเฉงและร่าเริงตัดกับบุรุษรูปงามที่ดูสุขุมเยือกเย็น หญิงสาวคนนั้นตรงเข้ามาทักทายชายหนุ่มด้วยความสนิทสนม

"เยี่ยนหลง! เจ้ากลับมาถึงเมืองหลวงแล้วหรือ เหตุใดไม่แจ้งข้าล่วงหน้า"

"ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง เยี่ยนฟาง" บุรุษรูปงามตอบเสียงเรียบ

หลินเยี่ยนฟาง ผู้มาใหม่เป็นสตรีหน้าตาสะสวย ผิวขาวผ่องราวกับหยก นางสวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อน ดูหรูหราและมีรสนิยม เหม่ยซินได้ยินหลินเยี่ยนฟางเรียกบุรุษรูปงามผู้นั้นว่า "เยี่ยนหลง" จึงเดาได้ว่านั่นคงเป็นชื่อของเขา

เหม่ยซินมองดูทั้งสองสนทนากันด้วยความสนใจ สายตาของนางจับจ้องไปที่เยี่ยนหลงเป็นระยะๆ ชื่อของเขาฟังดูคุ้นหู แต่นางไม่อาจนึกออกว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

หลินเยี่ยนฟางนั่งลงข้างหวังเยี่ยนหลง ก่อนจะรินสุราให้ทั้งตัวเองและสหาย "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอาจจะได้รับสมรสพระราชทาน เห็นคงจะได้แต่งงานในเร็วๆ นี้" หลินเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายากที่จะคาดเดาอารมณ์ รอยยิ้มของนางไปไม่ถึงดวงตาคู่งาม

หวังเยี่ยนหลงเพียงแค่พยักหน้ารับ ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา

ด้านเหม่ยซินแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองด้วยความสนใจ นางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ในน้ำเสียงของหลินเยี่ยนฟาง ราวกับนางเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ภายใน

หลังจากนั้นไม่นานนัก เหม่ยซินก็รีบขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง ทิ้งให้สองสหายคุยกันตามลำพัง ถึงจะไม่ได้รับการอบรมเรื่องมารยาท แต่นางก็รู้ดีว่าไม่ควรแอบฟังเรื่องของคนอื่น

แต่สิ่งที่เนเหม่ยซินไม่รู้ก็คือ หลินเยี่ยนฟางได้แอบหยดผงอะไรบางอย่างลงในจอกสุราของหวังเยี่ยนหลง

หวังเยี่ยนหลงที่เริ่มเกิดอาการผิดปกตินั้นผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วิ่งขึ้นไปบนห้องพักโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลินเยี่ยนฟางกระตุกยิ้มด้วยความดีใจ จากนั้นจึงเดินตามหวังเยี่ยนหลงขึ้นห้องไป

แต่หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม นางกลับทำสีหน้าตกตะลึง ความกระวนกระวายใจเข้าครอบงำทันที

“หายไปไหน เยี่ยนหลง! เจ้าหายไปที่ไหนกัน!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel