บทที่๑...คู่นอน (๑)
บทที่๑...คู่นอน
กายทั้งสองสอดประสานกันเป็นจังหวะเดียวปลดปล่อยอารมณ์ออกมาก่อนส่งเสียงร้องเมื่อถึงฝั่งฝันทั้งคู่ ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนจะเอนกายลงบนที่นอนหายใจเร็วถี่ก่อนหันไปมองหญิงสาวที่ห่มผ้าปิดกายตนเองหลังเสร็จสิ้นอารมณ์หมาย ใบหน้าหวานหลับตาราวกับไม่อยากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรืออยากลบมันออกจากความทรงจำ
“มีอะไรกับฉันมันจำใจมากหรือไง”และเป็นเขาเองที่ทนไม่ได้เอ่ยถามเสียงเข้มแววตาขุ่นมัวด้วยความไม่ชอบใจในการกระทำของอีกฝ่าย
“เปล่า”ตอบปฏิเสธเสียงเรียบก่อนนอนหันหลังให้เขา ใบหน้าหวานไม่ได้มีน้ำตาออกมาแต่แววตาแสดงถึงความเจ็บปวดก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเมื่อฝ่ายชายกระชากไหล่บางให้หันมามองตนเองด้วยความเอาแต่ใจ
“แล้วไอ้ท่าทางรังเกียจทั้งที่เธอเป็นคนขอมีเซ็กกับฉันมันควรให้ฉันปล่อยผ่านหรือไง”เป็นเวลากว่าสองเดือนที่ทั้งคู่อยู่ในสถานะคู่ขาหรือเรียกให้เข้าใจง่ายคือคู่นอน สถานที่คือคอนโดของฝ่ายชายที่มักจะมาพักเมื่อทำงานดึกเท่านั้น
“ฉันไม่ได้รังเกียจ”ร่างสูงแสยะยิ้มสมเพชกับคำแก้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นมาต่ออีกสักรอบคงไม่เป็นไร พรุ่งนี้เธอไม่มีถ่ายละครไม่ใช่เหรอ”ไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอให้เธอตอบรับร่างสูงก็เริ่มกิจกรรมเร่าร้อนอีกสักครั้งโดยไม่เห็นว่าน้ำตาไหลผ่านหางตาของเธอไปก่อนตกลงบนหมอนขาวจนเธอต้องรีบเช็ดออกเพราะกลัวเขาเห็น เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งเขาพอใจจึงผละจากร่างบางที่นอนสลบทั้งเหนื่อยจากการทำงานและกิจกรรมเมื่อครู่
“ฉันจะกลับ ถ้าตื่นก็ปิดห้องให้ด้วย”ร่างบางที่หลับปรือตามองนาฬิกาที่หัวเตียงพบว่าตอนนี้ตีสองเข้าให้แล้วเธอจะฝืนสังขารกลับได้อย่างไรคงต้องรอรุ่งเช้า
ไม่มีใครพูดอะไรอีกร่างสูงเดินไปอาบน้ำแล้วออกมาด้วยเสื้อเชิ้ตตัวเดิมหากแต่ทำให้หลุดลุ่ยเหมือนทำงานหนัก หันมามองเธอเดินไปหยิบนาฬิกาที่หัวเตียงมาใส่ข้อมือพร้อมหยิบโทรศัพท์หาคนที่บ้านให้เปิดประตูรอ เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองหญิงที่นอนหลับตาหากแต่ไม่หลับจริงเธอฟังเสียงเขาเดินออกไปและประตูที่ปิดลง
น้ำตาไหลลงบนหมอนหัวใจเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายบินเข้ากองไฟแท้ๆ เพราะไม่คิดว่าไฟจะร้อนจนแผดเผาให้มอดไหม้ขนาดนี้ ชายที่เธอเคยชื่นชมในอดีตที่ตนเองยังเป็นเพียงหญิงตัวอ้วนสิวเขรอะจนเพื่อนๆ ต่างพากันล้อ
“รางวัลชนะเลิศแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศ นายภราดร วิจิตรประภา”
“ชนะเลิศตอบคำถามภาษาอังกฤษระดับประเทศ นายภราดร วิจิตประภา”
“แข่งขันตอบคำถามวิทยาศาสตร์ นายภราดร วิจิตรประภา”ทุกวันที่เข้าแถวเคารพธงชาติมักจะได้ยินชื่อของเขาขึ้นรับรางวัลจากแต่ก่อนที่ไม่เคยสนใจจนต้องมองอย่างชื่นชม จากที่เคยเดินผ่านด้วยใจปกติก็ตื่นเต้นแม้ใบหน้าจะยังคงนิ่งก็ตาม
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมแก้มแดงทุกครั้งที่เดินผ่านพี่ดล อย่าบอกนะว่าแกชอบพี่ดล”เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างศลิษาเอ่ยล้อเลียน แม้เธอจะหน้าตาน่ารักแต่ก็ยังมาคบกับเปมิกาจนคนอื่นต่างพากันแสดงความเห็นว่าเหมือนรจนามาคบกับเงาะป่า
“เปล่า ไม่ได้ชอบ”นั่งหน้านิ่งกินข้าวในจานต่อโดยไม่มีท่าทางให้จับสังเกตได้เลย
“ไม่จริง ถึงหน้าแกจะนิ่งเป็นหินแต่แก้มแกไม่โกหกฉันหรอก ยิ่งผิวขาวเวลาเขินหน้าก็จะแดงขึ้น บอกพี่มาเถอะน้องว่าชอบหนุ่มอัจฉริยะหน้าหล่อของโรงเรียน”ศลิษายิ้มเจ้าเล่ห์จนเปมิกาถอนหายใจ
“เลิกเซ้าซี้แล้วกินได้แล้วคุณหนูไม่อย่างนั้นฉันแย่งไก่ในจานแกนะ”มองเท่านี้ก็รู้คำตอบเธอจึงไม่เอ่ยอะไรอีกนอกจากหัวเราะเสียงดังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ช่วงพักเที่ยงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเพื่อนโอดครวญ
“เปมิกาเดี๋ยวเธอไปเอาสมุดบนโต๊ะครูก่อนขึ้นห้องด้วยนะ”เดินผ่านคุณครูที่จะสอนวิชาต่อไปท่านจึงบอกศิษย์รักที่เอ็นดู
“ค่ะ”ตอบรับก่อนบอกให้ศลิษาขึ้นห้องไปก่อนส่วนตนเดินไปห้องพักครูเห็นโต๊ะหมายก็เดินไปหยิบกองสมุดของห้องตนเองโดยไม่ทันระวังอีกกองที่อยู่ใกล้กันจนสมุดหล่นพื้น
“ซุ่มซ่ามจริงเปรม”บ่นตนเองเสียงเบาก้มลงไปหยิบสมุดหลายเล่มแต่ก็มีอีกมือมาช่วยพอหันไปมองก็พบรุ่นพี่สุดหล่อใบหน้าอยู่ห่างไม่มากนักยิ่งมองใกล้แบบนี้เขายิ่งดูหล่อทั้งใบหน้าขาวใสคมเข้มจนต้องเก็บอาการหลุบตาต่ำมองสมุด
“ขอบคุณค่ะ”ภราดรช่วยเธอเก็บจนหมดเอาสมุดมาตั้งไว้ที่เดิม
“ระวังหน่อยแล้วกัน”เด็กหญิงมอสามผมสั้นเพียงติ่งหูพยักหน้ารับแล้วถือกองสมุดของห้องตนเองออกมาเห็นเพียงว่าเขาเดินไปโต๊ะอีกโต๊ะหยิบกองสมุดเช่นเดียวกันและก่อนที่เขาจะเดินออกมาเธอก็เร่งฝีเท้าออกไปก่อนด้วยเขินเกินกว่าจะอยู่สองต่อสองแค่เมื่อครู่ก็กลัวใจเต้นแรงจนเขาได้ยินเสียงของมันแล้ว
“คนที่ผิดคือเธอนะเปรม เธอเลือกเอง”เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นจากเตียงแม้จะเจ็บร้าวทางกายมากแค่ไหนก็กัดฟันลุกขึ้นยืนเดินไปชำระร่างกายที่ห้องน้ำ ร่องรอยตามร่างกายที่เขาฝากเอาไว้ให้เจ็บปวดใจเล่น สถานะของเธอเป็นแค่คู่นอนแต่ใจตอนนี้มันกลับถลำลึกไปมากกว่านั้น
หลังอาบน้ำเสร็จออกมาแต่งตัวก็พบว่าเป็นเวลาตีสามหยิบกระเป๋าและคว้ากุญแจรถมาถือเอาไว้ ใบหน้าสวยราบเรียบหากแต่แววตามีแต่ความเจ็บปวดก้าวออกไปหยิบคีย์การ์ดมาด้วย เขาให้คีย์การ์ดสำรองกับเธอเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ผู้หญิงอย่างเปมิการู้สึกดีใจ เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่เขาให้เข้ามาในคอนโดแห่งนี้
กลับถึงห้องของตนเองก็ตีสี่กว่าร่างบางล้มตัวลงนอนเพราะไม่มีถ่ายละคร ด้วยความเหนื่อยเพียงแค่หัวถึงหมอนก็หลับไปในทันทีก่อนจะตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ควานหากระเป๋าที่วางไว้บนเตียงหยิบมือถือเจ้าปัญหามากดรับเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา
“ว่าไงพี่ทัต”เปมทัต ภัทรกุล พี่ชายร่วมบิดามารดาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่จึงอยากจะรักษาเอาไว้ให้นาน
‘เปรมวันนี้ทำงานไหมเดี๋ยวพี่จะไปหา’ลืมตามองนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่โต๊ะเล็กข้างโคมไฟหัวเตียงพบว่าเป็นเวลากว่าสิบโมงเช้า
“ไม่มีงาน เดี๋ยวเปรมไปหาพี่ทัตก็ได้เจอกันร้านเดิม”นัดแนะเวลากันเรียบร้อยนางเอกคนสวยจึงตั้งนาฬิกาปลุกแล้วนอนหลับต่ออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด อันที่จริงหากนัดพี่มาที่ห้องก็ได้แต่เธอไม่ชอบให้ใครเข้ามาภายในคอนโดของตนเองแม้จะสนิทก็ตาม เปมิกาต้องการความเป็นส่วนตัวแม้แต่ผู้จัดการก็ไม่มี หลังจากพี่ที่ดูแลคนเก่าลาออกก็หาคนใหม่ที่ถูกใจไม่ได้จึงตัดปัญหารับงานเองแม้จะยากแต่ก็สบายใจ
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้คนที่นอนหลับใหลตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียก่อนจะกดปิดเสียงอันน่ารำคาญ มองนาฬิกาก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใช้เวลาแต่งหน้านานหน่อยเพราะการไปร้านแบบนี้ก็ต้องพบเจอผู้คนมากมายจึงต้องทำตัวให้ดูดีเสมอ
เปมิกาขับรถไปยังร้านที่นัดเจอกับพี่ประจำหลังออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เธอทำงานส่งเสียตัวเองเรียนทั้งพาร์ทไทม์และรับทำรายงาน ดีที่ได้ทุนจึงประหยัดค่าเรียนไปได้มากก่อนจะเข้าวงการหลังเรียนจบ ตอนนั้นเองที่เริ่มมีรายได้เข้ามาจนกระทั่งสามารถซื้อคอนโดเป็นของตนเอง
“ใกล้จะถึงแล้ว”ในขณะที่ขับรถพี่ชายก็โทรมาบอกว่าตนเองรอที่ร้าน ร่างบางวางสายแล้วขับรถไปยังที่หมายในเวลาต่อมา หลังจอดรถเสร็จก็ใส่แว่นตาสีเข้มเดินเข้าไปภายในร้านด้วยท้วงท่าปกติแต่ดูสง่างามจนหลายคนต้องมองด้วยความชื่นชม
“เปรม”มองหาพี่ชายก่อนจะเห็นอีกคนโบกมือให้จึงเดินไป ใบหน้าสวยยังคงนิ่งไม่มีรอยยิ้มเช่นเดิม
“พี่สั่งชิฟฟ่อนเค้กกับชามะนาวมาให้แล้ว”ร้านที่เขาเลือกเป็นคาเฟ่ชื่อดังติดถนนแห่งหนึ่งที่มีคนไม่มากนัก
“ขอบคุณค่ะ”เปมทัตมองน้องสาวแล้วยิ้มด้วยความภูมิใจ จากเด็กหญิงตัวอ้วนกินเก่งน้องกลายร่างเป็นดาราหุ่นสวยที่สาวหลายคนอิจฉา ทั้งท้วงท่าสง่างามใบหน้านิ่งเป็นนิจไม่บ่งบอกอารมณ์ก็ทำให้คิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้
“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน พี่เอาการ์ดแต่งงานของพี่กับจินมาให้”ยื่นการ์ดสีชมพูกลิ่นหอมให้น้องสาวที่มองรอยยิ้มเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
“พี่ขอบใจน้องมากนะที่ยอมทำเพื่อพี่ขนาดนี้”จินหรือจิดารัณ ธรรมธรณ์แฟนสาวที่คบกันมานานของเปมทัตจนกระทั่งวันนี้ที่ได้แต่งงานกันเสียที
“ค่ะ”ลำคอระหงตั้งตรงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เมื่อคิดถึงเรื่องที่พี่ชายเคยขอร้อง และมันคือกองไฟที่เปมทัตบังคับให้เธอบินเข้าไปจนร้อนรนมาถึงทุกวันนี้
“ตอนนี้เปรมไม่ต้องทำแบบนั้นนะ จินเขาไม่ไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้นแล้วล่ะ”พี่ชายที่เธอพยายามรักษาเอาไว้กลับไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเธอเลยเขายอมเสียน้องสาวเพื่อรักษาคนรักของตนเองเอาไว้
“ขอบใจที่ทำเพื่อพี่มากขนาดนี้”มือหนายื่นมากุมมือน้องสาวที่วางไว้บนโต๊ะ เขายิ้มให้อย่างจริงใจบีบมือบางที่เย็นเฉียบ
“พี่ทัตต้องการพูดแค่นี้ใช่ไหม”น้ำเสียงนิ่งราวกับไม่มีความรู้สึกเพราะมันด้านชาไปหมดแล้ว เธอลุกขึ้นวางเงินเอาไว้ไม่แตะของที่เขาสั่งให้แม้แต่น้อย แว่นกันแดดถูกใส่อีกครั้งเพื่อบดบังแววตาแห่งความผิดหวัง เร่งจังหวะการเดินให้ไปถึงรถในขณะที่มือกำการ์ดแต่งงานของพี่ชายแน่น
ปิดประตูรถเสียงดังเมื่อได้อยู่คนเดียวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายเพราะรถติดฟิล์มดำสนิท เธอย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อนที่พี่ชายคนนี้นัดเธอมาหาด้วยแววตาแห้งผากใบหน้าซีดราวกับคนไร้ชีวิต
“เปรม เปรมช่วยพี่ด้วย”เข้ามาในบ้านที่ไม่คุ้นเคยเห็นพี่ชายนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่โซฟาก็อดสังเวชใจไม่ได้ หนุ่มหล่อมาดดีกลายเป็นแค่เรื่องในอดีตเมื่อใต้ตาคล้ำทั้งตาแดงที่ผ่านการร้องไห้มานาน
“พี่ทัตเป็นอะไร”แม้จะห่วงแต่การแสดงออกของเปมิกาติดลบจึงทำเพียงเดินไปนั่งใกล้พี่ชายและแตะไหล่ถามด้วยความเป็นห่วง
“จินจะทิ้งพี่ไป เขาจะไปหาคนอื่น”เอ่ยถึงคนรักที่คบกันมานานและพี่เธอก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้นแม้กระทั่งทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ใช้แม้ว่าร่างกายจะไม่ไหวก็ตามจนบางครั้งเป็นเธอเองที่เอาเงินให้เขาเพราะสงสาร
“ช่างเขาสิ”ด้วยไม่ชอบแฟนคนนี้ของพี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้วจึงเอ่ยอย่างไม่แยแส
“ไม่ได้ พี่รักเขา พี่รักจิน”พยายามถอนหายใจออกมาเบาที่สุด ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักพี่ชายเธอสักนิดมีแต่จะเกาะเพื่อกินเท่านั้น
“แต่เขาไม่รักพี่”ย้ำความเจ็บปวดที่ทำให้คนเป็นพี่ร้องไห้ออกมาอีก คนอย่างเปมิกาไม่รู้วิธีปลอบคนหากให้มานั่งพูดดีด้วยคงเป็นไปได้ยาก
“เปรมต้องช่วยพี่ เอาผู้ชายคนนั้นออกไปจากจิน”วิธีการที่เขาบอกช่างเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุซึ่งเธอเกลียดที่สุด เปมิกาเม้มปากไม่อยากพูดต่อเพราะกลัวพูดกระแทกใจดำใส่พี่ชายจนเขาอาจจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย
“มันแย่งจินไปจากพี่ เปรมต้องไปกันมันออก ช่วยพี่ด้วยนะ เปรมช่วยพี่ด้วย”ร่างสูงของพี่ชายโถมตัวมาที่เธอกลิ่นเหล้าคละคลุ้งจนต้องเบือนหน้าหนี
“ไอ้ภราดรเพราะมันคนเดียว มันทำให้พี่ต้องเสียจินไป”ชื่อที่เขาเอ่ยทำให้เปมิกาชะงักจากที่ไม่สนใจกลับสร้างความสงสัยให้จนต้องถามพี่ชายว่าใช่คนเดียวกับที่ตนเองคิดหรือเปล่า
“พี่หมายถึงภราดรไหน”
“ไอ้ภราดร วิจิตรประภา มันแย่งจินไปจากพี่!”เพียงเท่านั้นภาพต่างๆ ก็ไหลเข้ามาในหัว รุ่นพี่ร่วมโรงเรียนที่เธอแอบมองมาตลอดหลายปีเป็นคนแย่งแฟนพี่ชายเธอไปอย่างนั้นหรือ ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดหากบอกว่าผู้หญิงคนนั้นไปหาเองยังจะน่าเชื่อเสียมากกว่า
“พี่แน่ใจได้ยังไง”ถามเสียงเรียบในขณะที่พี่ชายดวงตาโกรธแค้นเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อของคู่แข่งที่แย่งแฟนสาวของตนเองไป
“จินรักพี่ถ้าไม่ใช่เพราะมันใช้เล่ห์เหลี่ยมก็คงไม่ไปจากพี่หรอก”น้อยไปน่ะสิ อยากจะบอกพี่ชายเหลือเกินว่าลับหลังแฟนที่รักและเทิดทูนมั่วขนาดไหนแต่เพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครจึงเงียบไว้
“ช่างเขาเถอะพี่ทัต ในเมื่อเขาเลือกแล้วก็ปล่อยเขาไป”บอกเสียงเรียบภายในเองก็รู้สึกเจ็บเพราะไม่อาจลืมผู้ชายคนนั้นได้ ผู้ชายที่ต่อให้เธออยากเกลียดมากแค่ไหนก็ทำไมได้เสียที ในใจยังคงมีแต่เขาจับจองพื้นที่เต็มไปหมดไม่อาจลบเลือนได้เลย