แสร้ง
"ว้าย"เผลอร้องด้วยความตกใจหน้าแก้มแดงถึงใบหู
“ ไร้มารยาท "เสียงเกือบจะกลายเป็นตวาด
ทำไมต้องดุด้วย เฟิ่งหลิวเสียอีกต้องมาเจออะไรแบบนี้ทั้งๆ ที่ยังเป็นสาวเป็นแส้
“เห็นที่คงต้องทิ้งไว้เสียที่นี่พากลับวังหลวงไม่ได้แน่”ส่ายหน้าไปมา
“ใครอยากไป ข้าแค่มาขัดตาทัพอย่างที่ท่านว่าเป็นตาย หาสนใจไม่”อยากจะบอกว่าครอบครัวมีเงินใช้สอยสบายแล้วจะเป็นตายร้ายดีหาสนใจไม่ หมิงซื่อสะบัดเสื้อออกจากตัวอกแน่นด้วยมัดกล้ามคว้าข้อมืออย่างวางอำนาจ แววตาดุดันเสี่ยวหานคุกเข่าพรึบพรับ
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครเจ้ามาทำเรื่องวุ่นวายแล้วจะตายง่ายๆ อย่างนี้ได้หรือ จนกว่าจะถึงวังหลวง ต้องอยู่ไม่สู้ตายอย่างนี้”
อะไรของเขาใจคอจะพาเฟิ่งหลิวกลับวังหลวงของแคว้นใต้จริงๆ หรือไหนว่าจะตัดสินโทษ ไหนว่าจะไต่สวน
“ไหนว่าจะไต่สวน”เสี่ยวหาน ขยิบตาให้เฟิ่งหลิวเหมือนจะบอกว่าอย่ายั่วโมโหอีก
“จนกว่า จะพบองค์หญิง เจ้าจึงจะถูกม้าแยกร่าง ระหว่างนี้ห้ามใครแพร่งพรายเรื่ององค์หญิงหายตัวไป” กลัวเสียหน้าไม่กล้าบอกใครว่าหญิงที่หมายปองหนีไป
“ส่วนเจ้ามานี่”ดึงร่างบางเข้าปะทะกับอกกว้างเปลือยเปล่า
“ปล่อยนะ คนอะไรเผด็จการสิ้นดี”เฟิ่งหลิวเชิดหน้าสูงขึ้น ความทะนงตนไม่รู้มาจากไหนในตอนนี้
"อย่าได้คิดว่าจะได้อยู่อย่างสบาย"
พูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจเต็มที่
ผลักเฟิ่งหลิวลงไปกองกับพื้น เฟิ่งหลิวกัดฟันพยุงตัวลุกขึ้น แต่กลับทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยข้อเท้าพลิก
"โอ้ย"คลำที่เท้าใบหน้าเหยเก
"เจ้านี่เหมาะ อยู่ในหอนางโลมอย่างยิ่ง ร้อยเล่ห์มารยา"น้ำเสียงยังคงดูถูกดูแคลน
เฟิ่งหลิวสมัครใจเข้าไปอยู่ในหอนางโลม แลกเงินเพียงน้อยนิดเพราะทนเห็นครอบครัวอดอยากไม่ได้แต่เข้ามายังไม่ทันทำงานแรกสำเร็จลุล่วงก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้สวรรค์หนอสวรรค์
เสี่ยวหานรีบมาพยุงด้วยเห็นว่าเฟิ่งหลิวทำสีหน้าเหยเก แสดงความเจ็บปวด
"เสี่ยวหานท่านแม่ทัพกลับมาหรือยัง" ทำเป็นไม่สนใจเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่สนใจว่าเฟิ่งหลิวเจ็บอยู่
"ทูลฝ่าบาท จนกระทั่งป่านนี้ ท่านแม่ทัพยังไม่กลับมา"หมิงซื่อถอนใจ องค์หญิงสิบสี่คนนี้ท่าทียโสทว่าใบหน้างดงามเกินคำบรรยาย เมื่อเขาส่งราชสานส์มาขอเชื่อมสัมพันธ์ ต้องการให้นางไปเป็นฮองเฮากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย อีกทั้งยังตรึงกำลังตามแนวชายแดนเกณฑ์ไพร่พลกลับเข้าในเขตแดนห้ามทำการค้าขายแลกเปลี่ยน ทำไมรังเกียจเขานัก ทั้งๆที่เขาเองก็ได้รับการขนานนามว่ารูปโฉมงดงามและเก่งกาจในการทำศึกอีกทั้งยังไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮา
ในครั้งแรกที่เห็นภาพวาดที่ถูกส่งมา หมิงซื่อครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะทำเช่นไรให้ได้องค์หญิงสิบสี่อิงเผยมาครอบครอง
...หลงรูป..นางเข้าแล้ว
หลานซานเข้ามาอีกคน
"ส่งม้าเร็วตามท่านแม่ทัพให้ยุติการค้นหาองค์หญิง"เสี่ยวหานขมวดคิ้ว
"ฝ่าบาท สิ่งที่ทำไปทั้งหมดจะเสียเปล่าทั้งยกทัพมาตีแคว้นเหนือทั้งสูญเสียกำลังพลไปมากมาย"หลานซานยกมือเขกหัวเสี่ยวหานดังโป้ก
"ฝ่าบาทเสี่ยวหาน พูดมากอย่าทรงถือสา"เสี่ยวหานเกาหัวแกรกๆ
"จริงอย่างเสี่ยวหานพูดมา ข้าแพ้แล้วแพ้ให้กับหญิงงามเพียงคนเดียว"น้ำเสียงเศร้าสร้อย แว๊บหนึ่งเฟิ่งหลิวกลับรู้สึกว่าโลกทั้งโลกกำลังจะแหลกสลาย
"ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลองค์หญิงสิบสี่ต้องมีสักวันที่เห็นความจริงใจของฝ่าบาท"หันมาที่เฟิ่งหลิว เฟิ่งหลิวขยับตัวหนีรู้ได้ทันทีภัยกำลังจะมาถึงตัว
"หลานซานคิดว่านาง มาเพื่อถ่วงเวลาฝ่าบาทคงเป็นองค์หญิงสิบสี่ที่ส่งนางมา รั้งนางไว้มีแต่ยุ่งยาก ปล่อยนางไปเสียกลางทางนี้เถิดขอรับ"
"ไม่ไม่ไม่ จะให้มาอยู่กลางหุบเขาหันหน้าหันหลังไม่มีใครอย่างนั้นหรือ"เมื่อเช้าลองชะโงกหน้าออกไปดูที่นี่มีแต่หุบเขาไม่คุ้นตาว่าแต่เป็นที่ไหนกัน ทีแรกคิดว่ายังอยู่ไม่ไกลจากหอนางโลมแต่ตอนนี้ยากจะบอกได้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วจะหาทางกลับไปได้อย่างไร หลานซานคนนี้หน้าตาหน้าหล่อเหลาแต่ใจดำคนพวกนี้หน้าตาดีท่าทีองอาจแต่ใจดำ
"ข้ารอแค่เพียงหาองค์หญิงสิบสี่พบ"
"อย่านะ ข้ายังไม่อยากไปไหน"คิดคำหวานฉอเลาะเหมือนที่พวกพี่สาวในหอนางโลมและสือหรูสอนไม่ออกอีกทั้งยังไม่กล้าจีบปากจีบคอพูดเหมือนที่เคยถูกสั่งสอนมา
"ทำไม ไหนเจ้าบอกไม่อยากเห็นหน้าข้าจะลูกไม้อะไรอีก"
"หลานซาน เกรงว่าแม่นางคนนี้ จะถูกส่งมาเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ฝ่าบาททรงติดตาม องค์หญิงสิบสี่เป็นแน่"พูดซ้ำๆเดิมๆก็หลานซานนั่นปักใจไปแล้วคำว่าหญิงงามเช่นเฟิ่งหลิวช่วยอะไรไม่ได้ในยามนี้
หลายคนนคาดการณ์ผิดใครจะคิดว่าเฟิ่งหลิวจะวิ่งหนีออกมาต่างหาก แล้วคนพวกนี้ทำไมต้องคิดว่า เฟิ่งหลิวร้ายกาจอย่างนั้นด้วย
“ปล่อยนางไว้เสียที่นี่”หลานซานออกความเห็น
"จะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้ จะมาปล่อยให้อยู่กลางป่าเขาอย่างไรกัน ข้าก็เป็นคนนะ แล้วทั้งหมดก็ไม่ใช่ข้าเสียหน่อยข้าเพียงแต่ดื่มชาตามที่บอกก็เท่านั้น นอกจากนั้นข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิอะไรขึ้นต่อจากนั้นและต่อจากนี้”
หมิงซื่อถอนหายใจ คำพูดเหมือนจริงใจ หรือว่านางแสร้งแสดงละครตบตาไปก็เท่านั้น