8 เคียงข้าง
อีวานและธันยมัยมาถึงสิงคโปร์ตั้งแต่เมื่อวาน ทันทีที่ถึงคอนโดฯ สุดหรูของอีวาน หญิงสาวก็ต้องตกใจ เพราะชุดสำหรับออกงานพรุ่งนี้ได้ถูกเตรียมไว้หมดแล้ว
ชุดราตรียาวสีพีชทำจากผ้าเดชซาตินที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าทำให้ธันยมัยอดที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสไม่ไหว ผ้าเนื้อดีนุ่มลื่น เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้จะสวมมันไว้บนตัวก็ตื่นเต้นจนแทบจะทนรอไม่ไหว
“ทำไมเงียบจัง ชอบหรือเปล่า”
“ชอบค่ะ ชุดมันสวยมาก” เธอเสียดายที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอย่างที่ควรจะเป็น
“ขิงชอบพี่ก็ดีใจ แล้วมีอะไรที่ขิงอยากได้เพิ่มหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ แค่นี้ขิงก็เกรงใจแย่แล้ว”เพราะในตู้ไม่ได้มีเพียงแต่ชุดราตรีแค่ชุดเดียว มันมีทั้งชุดอยู่บ้าน ชุดนอนและชุดไปทำงานรวมไปถึงรองเท้าอีกหลายคู่ที่อีวานให้เลขาฯเตรียมไว้ให้
“อย่าพูดแบบนี้อีก พี่ไม่อยากให้ขิงคิดว่าเป็นคนอื่น” เขาดึงตัวเธอนั่งลงบนหน้าขาแกร่ง เพียงได้ใกล้ชิดเธอความเป็นชายของเขาก็เริ่มจะขยายตัว อีวานต้องพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ ธันยมัยควรได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“หิวไหม เดี๋ยวเซบจะมารับเราออกไปทานอาหารเย็น”
“ขิงยังไม่หิวค่ะ”
แล้วเซบาสเตียนก็มารับเธอออกไปทานอาหาร ตอนแรกธันยมัยคิดว่าเขาจะออกไปกับเธอด้วย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็กลายเป็นว่ามีเธอออกไปกับเซบาสเตียนเพียงสองคน
“พี่ไม่อยากให้ขิงอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ขิงควรออกไปเดินเที่ยวบ้าง บัตรเครดิตพี่ทำให้แล้ว ขิงเอาไปใช้ได้ตามสบาย”
ธันยมัยรับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเธอไม่ได้ต้องการสิ่งนี้เลยสักนิด แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเขาเธอก็เลยต้องรับมา
“พี่เซบคะ เราทานอาหารร้านใกล้ๆ ได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากไปเดินเที่ยวเหรอ”
“ขิงเป็นห่วงพี่เอช”เธอตอบเขาไปอย่างไม่ปิดบัง
เซบาสเตียนพาเธอไปทายอาหารร้านที่ใกล้ที่สุด แล้วเธอก็สั่งอาหารอีกชุดเพื่อเอาไปฝากอีวาน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการแสดงออกของคนทั้งสองที่มีต่อกันนั้นไม่ใช่แค่เรื่องงานเสียแล้ว
ชายหนุ่มส่งเธอที่หน้าลิฟต์เพราะไม่อยากเข้าไปเป็นก้าง เขายินดีถ้าธันยมัยกับเพื่อนของเขาจะชอบพอกันจริงๆ เพราะเท่าที่ได้ร่วมงานกันมานานแรมเดือน เซบาสเตียนก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด รอบด้าน แม้ว่าเธอจะยังเรียนไม่จบแต่ความสามารถของเธอไม่น้อยเลยสักนิด ถ้าได้เธอมาช่วยงานอีวานอย่างเต็มตัว เขาก็คงได้พักผ่อนบ้าง เพราะตั้งแต่อีวานมีปัญหาเขาไม่เคยได้หยุดงานเลยสักวัน
“ใคร” อีวานตะโกนถาม เขาไม่คิดว่าธันยมัยจะกลับมาเวลานี้ มันพึ่งผ่านไปยังไม่ถึงชั่วโมง
“ขิงเองค่ะ”
“ทำไมกลับมาเร็วจัง”
“ขิงกลัวพี่เอชหิว เลยซื้อของกินมาให้”
อีวานยิ้มดีใจ แม้เธอจะมีโอกาสออกไปเที่ยวแต่ก็ยังนึกถึงเขา
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วธันยมัยก็ขอตัวไปอาบน้ำ พอกลับออกมาอีกทีก็พบว่าตอนนี้อีวานนอนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องรับแขก
“ขิงง่วงหรือยัง”
“ยังค่ะ นี่มันยังไม่ดึกเลย”
“ตื่นเต้นไหม คิดว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า”
“ตื่นเต้นมากๆค่ะ ขิงกลัวทำเสียเรื่อง”
“อย่าพึ่งกังวลพี่ว่าขิงของพี่เก่งอยู่แล้ว” คำว่าขิงของพี่ทำเอาคนฟังหน้าแดงซ่าน
“ขิงจะพยายามนะคะ พี่เซบบอกว่าก่อนเข้างานจะถ่ายวิดีโอแขกในงานมาให้ก่อน พี่เอชจะได้รู้ว่าใครใส่ชุดสีอะไร”เธอนัดแนะกับเซบาสเตียนเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และเซบาสเตียงเองก็จะคอยตามประกบอยู่ใกล้ ทำให้ธันยมัยอุ่นใจขึ้นมาก
“พี่โชคดีที่มีขิงอยู่ข้างๆ” แขนแข็งแรงดึงร่างเธอเข้ามาซบอกแล้วกอดเธอไว้อย่างหลวมๆ
ธันยมัยรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา มันควรจะเป็นเธอมากกว่าที่โชคดีที่ได้เจอเขา
“ทำไมต้องไปนอนห้องเล็กด้วยละครับ ห้องพี่ก็เตียงออกกว้าง” อีวานอิดออดเมื่อเธอบอกว่าจะเข้าไปนอนอีกห้องที่อยู่ติดกัน
“ขิงกลัวพี่นอนไม่หลับเพราะขิงนอนดิ้นแล้วก็นอนกรนด้วย” เหตุผลของเธอทำเอาคนตัวโตหัวเราะอยู่ในลำคอ
“นอนดิ้นหรือว่ากลัวพี่ทำอะไรกันแน่ครับ”
“ขิงไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”
“ถ้าไม่คิดก็นอนห้องเดียวกันแหละ นอนแปลกที่ขิงไม่กลัวเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรต้องกลัว พี่เอชน่ากลัวกว่าเยอะ”
“พี่สัญญา คืนนี้จะไม่ทำอะไรขิงเลย ขอแค่นอนกอดอย่างเดียวได้ไหมครับ นะคนดีของพี่” ธันยมัยพึ่งรู้ว่าเวลาผู้ชายตัวโตอ้อนมันน่ารักมากแค่ไหน
แล้วเธอก็ใจอ่อนยอมเข้าไปนอนห้องเดียวกับเขา อีวานก็ทำตามสัญญาแม้จะขัดกับสิ่งที่ตัวเองต้องการก็ตาม กว่าชายหนุ่มจะข่มตาให้นอนหลับลงได้ก็เวลาก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้วเกือบชั่วโมง
งานแต่งงานที่อีวานต้องมาร่วมงานจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานก็เป็นนักธุรกิจ ทันทีที่เธอกับเขาเข้ามาในงานแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็กระทบเข้าตาจนตาเธอเองยังรู้สึกพร่ามัว เธอเป็นห่วงว่าผู้ชายที่ควงแขนอยู่ตอนนี้เป็นอย่างมาก แต่ดูเขาก็มีท่าทีปกติ
“แว่นพี่ตัดด้วยเลนส์ชนิดพิเศษแสงแฟลชแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก” เขารีบบอกเมื่อเห็นว่าดูเป็นหห่วง
เธอพาเขาไปทักทายคู่บ่าวสาวพร้อมทั้งถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นก็พาเดินเข้าไปในงาน อีวานแนะนำให้เธอรู้จักนักธุรกิจที่เคยร่วมงานกับเขาอยู่หลายคน ด้วยข้อมูลที่เธอศึกษามาอย่างดีบวกกับก่อนมาที่นี่เธอก็ได้เห็นแล้วว่าคนเหล่านี้สวมชุดสีอะไร แต่จะยากก็ตรงผู้ชายที่ส่วนใหญ่ก็จะแต่งตัวในสีโทนเดียวกันเกือบทั้งหมด
“ไหวไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงผม คนพวกนี้ผมเจอมาบ่อย แค่ฟังเสียงก็พอนึกออก ขิงล่ะเหนื่อยไหม” เขาถามเมื่อเธอพามานั่งยังโต๊ะที่จัดไว้
อีวานแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้ร่วมโต๊ะทุกคนตามข้อมูลที่เซบาสเตียนบอก เพราะขานั้นมาถึงงานเป็นคนแรกๆ และตอนนี้เซบาสเตียนก็นั่งอยู่อีกด้าน เท่ากับว่าตอนนี้อีวานมีผู้ช่วยถึงสองคนประกบซ้าย-ขวา ธันยมัยรู้สึกคลายกังวลขึ้นมาก
ตลอดเวลาที่อยู่ในงานแต่งงานดูเหมือนสายตาหลายคู่จะมองมาทางอีวานและเธออยู่บ่อยครั้ง หญิงสาวเริ่มประหม่าและอยากออกไปจากห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ให้เร็วที่สุด พอมองไปยังคนข้างๆ ก็สีหน้าก็เรียบเฉย คงเพราะชายหนุ่มออกงานแบบนี้จนชิน
“พี่เอชคะ เราต้องอยู่จนงานเลิกใช่ไหมคะ” ตอนนี้ทุกคนเริ่มสนใจกับคู่บ่าวสาวที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่บนเวที เธอเลยแอบกระซิบเขา
“ขิงอยากกลับแล้วใช่ไหมครับ” เขาคิดว่าเธอคงอึดอัดเพราะต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายนอกจากเขากับเซบาสเตียนแล้วในห้องนี้ธันยมัยก็ไม่รู้จักใครอื่นอีกแล้ว
“ขิงอยากกลับ แต่ออกไปตอนนี้คงเสียมารยาท” เพราะตำแหน่งที่นั่งของเธอกับอีวานนั้นอยู่หน้าสุดติดกับเวที ถ้าเธอลุกขึ้นก็คงไปรบกวนคนอื่น
อีวานขับเก้าอี้เข้ามาจนชิด
“ขิงครับ ส่งมือมาสิ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู
ธันยมัยส่งมือให้เขาอย่างว่าง่าย เพียงเขาเกาะกุมมือเล็กไว้ในอุ้งมือหญิงสาวก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องกลัวหรือกังวลอีกต่อไปแล้ว ขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆ
ทั้งสองอยู่ร่วงงานจนกระทั่งจบพิธีการ ธันยมัยรอให้คนจำนวนมากออกไปก่อน เธอไม่อยากไปเบียดเสียดกับคนอื่น ลำพังตัวเองก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เธอห่วงผู้ชายตัวโตที่นั่งจับมือเธอมาตลอดมากกว่า คนเยอะพลุกพล่าน มันไม่ดีกับอีวานสักเท่าไหร่
แต่ธันยมัยคงลืมไปว่าอีวานเป็นคนที่สื่อค่อนข้างให้ความสำคัญเพราะพอออกมาจากห้องก็มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์เรื่องที่มีคนปล่อยข่าวลือว่าเขาป่วยหนักจนหายหน้าไปจากสังคมที่นี่นานหลายเดือน
“ผมว่าคงมีการเข้าใจผิดแล้ว พวกคุณก็เห็นแล้วนี่ครับว่าผมสบายดี แต่ที่หายไปหลายเพราะผมมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ส่วนเรื่องงานผมก็ไม่ได้ทิ้ง พวกคุณก็รู้ว่าการสื่อสารตอนนี้มันก้าวหน้าไปมาก ผมไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทเลย”
นักข่าวเห็นด้วยกับคำพูดของอีวาน พอกระจ่างเรื่องงานแล้ว ความสนใจก็เปลี่ยนมาที่ผู้หญิงที่เขาควงออกงานเป็นครั้งแรก
“แล้วไม่ทราบว่าคุณอีวานพอจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างคุณบ้างได้ไหมครับ” หนึ่งในนักข่าวจุดประเด็นขึ้นใหม่
“ครับ” เขาดึงเธอมาโอบเอวบางไว้อย่างห่วงแหน ก่อนจะตอบนักข่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นคู่หมั้นผมครับ” คำตอบของอีวานเรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าว ที่ตอนนี้ต่างพากันถ่ายรูปของทั้งสองจนธันยมัยได้แต่ยืนยิ้มทำอะไรไม่ถูก แม้จะเคยทำงานหน้ากล้องมาบ้างแต่มันไม่ใช่แบบนี้เลย ตอนนั้นเธอยืนหน้ากล้องเพื่อพรีเซ้นสินค้า แต่ตอนนี้เหมือนตัวเธอเป็นสินค้าเองเสียอย่างนั้น
“ทั้งสองคนเจอกันที่ไหนครับ?”
“ไม่ทราบว่าทั้งสองคนคบกันมานานหรือยังคะ?”
“แล้วมีแพลนจะแต่งงานกันตอนไหนคะ?”
“เธอไม่ใช่คนสิงคโปร์ใช่ไหมคะ ? ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหมว่าเธอชื่ออะไร ?แล้วเป็นคนที่ไหน?”
คำถามต่างๆ หลั่งไหลออกมาจากปากของนักข่าว ธันยมัยไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนเพราะเรื่องนี้เธอกับอีวานไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
“วันนี้ผมยังไม่ค่อยสะดวกตอบคำถามเท่าไหร่ ผมเกรงใจเจ้าภาพ เอาไว้โอกาสหน้าผมจะตอบคำถามของคุณทุกคำถามนะครับ วันนี้คงต้องขอตัวก่อน”
อีวานกล่าวขอตัวออกมาอย่างสุภาพ พอดีกับจังหวะที่เซบาสเตียนเดินเข้ามารับทั้งสองคนแล้วพาไปขึ้นรถทันที
“ตกใจหรือเปล่าครับ” อีวานถามเมื่อประตูรถปิดลง
“ค่ะ ขิงไม่คิดว่าพี่จะมีคนรู้จักและอยากรู้เรื่องมากขนาดนี้”
“พี่ว่าไม่ใช่เพราะพี่หรอก คงเพราะขิงมากกว่า”
“ยังไงคะ”
“ก็ขิงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ออกงานคู่กับพี่”
ธันยมัยไม่รู้ว่าอีวานพูดเพราะอยากจะเอาใจหรือเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของเขามาก่อน