3 วันแรกของการทำงาน
การทำงานวันแรกเริ่มด้วยเธอต้องไปเปลี่ยนผ้าก๊อซและหยอดยาหยอดตาให้กับอีวาน เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้มองเห็นเข้าใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกประหม่าอยู่มาก แม้จะนอนหลับตานิ่งแต่เธอก็รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว อีวานก็ดีดตัวขึ้นจนไปชนกับธันยมัยที่พึ่งจะถอยออกมา
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ผมขอโทษผมมองไม่เห็น” อีวานรีบขอโทษ เพราะรู้สึกว่าหัวของเธอจะชนเข้ากับแผงอกกว้างของเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ” เธอรีบกล่าวขอโทษเจ้านายและเก็บกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากห้องโดยเร็ว
ประตูห้องปิดลงพร้อมกับหัวใจของธันยมัยที่เต้นแรงกว่าปกติ เธอคิดว่าเป็นเพราะกลัวจะทำให้เจ้านายไม่พอใจตั้งแต่ทำงานวันแรก
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าวันนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเพราะไม่มีเซบาสเตียนอยู่ด้วยเหมือนเมื่อวาน
ธันยมัยนั่งทานอาหารของตัวเองแต่สายตาก็พยายามมองไปทางเจ้านายหนุ่มเผื่อว่าเขาจะต้องการให้ช่วยเหลือ แต่อีวานก็นั่งทานเงียบๆ โดยไม่ได้ขอให้เธอช่วยเลยสักนิด
“ชิ” เธอแอบย่นจมูกเมื่อเห็นเขานั่งทานเหมือนคนปกติ ในใจแอบคิดว่าบางทีอีวานอาจจะแกล้งตาบอด แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร เพราะมันไม่เป็นผลดีกับตัวเขาเองเลยสักนิด
“ถ้าคุณเอาแต่นั่งมองผมอย่างนั้นวันนี้ก็คงทานไม่เสร็จ” เขาพูดอย่างรู้ทัน
“คุณรู้ได้ยังไงคะ ไหนว่าคุณมองเห็น”เธอสงสัย
“ถึงมองไม่เห็นก็พอรู้เพราะผมไม่ได้ยินเสียงขยับตัวของคุณเลยสักนิด”
ธันยมัยเงียบ เพราะที่เขาพูดมันก็ถูก แม้จะระมัดระวังมากแค่ไหนแต่ถ้าคนเราทานอาหารอย่างน้อยก็คงมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง
เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองเธอจึงลงมือทานอาหารอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เจ้านายมาคอยจับผิดอีก
งานที่ให้หญิงสาวทำช่วงเช้าคือเปิดอีเมลแล้วอ่านให้เขาฟัง จากนั้นก็พิมพ์ตอบตามที่บอกเป็นภาษาอังกฤษ อีเมลแต่ละฉบับก็จะเกี่ยวกับเรื่องงาน ดูเหมือนชายคนนี้จะทำธุรกิจหลายอย่าง ตอนแรกเธอก็จำได้หรอก แต่อ่านและพิมพ์ตอบไปหลายฉบับในสมองก็เริ่มสับสน และไม่เห็นความจำเป็นว่าจะรู้เรื่องของเขาไปทำไม แค่ทำตามที่เขาบอกเวลาก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว
มื้อกลางวันเขากับเธอก็ยังทานอาหารกันแค่สองคน แต่บรรยากาศก็ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าอยู่มาก
หลังทานอาหารเขาอนุญาตให้ธันยมัยพัก ก่อนจะกลับมาเริ่มงานอีกทีเวลาบ่ายโมงครึ่ง
ปกติแล้วเวลาว่างของเธอก็มักจะท่องไปในโลกโซเชียลแต่มาที่นี่ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะเซบาสเตียนนั้นยึดโทรศัพท์ไปตั้งแต่เธอเหยียบลงบนเกาะแห่งนี้
หญิงสาวนอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วก็เผลอหลับไป สะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่พี่แหวนมาเคาะประตู
“พี่แหวน คุณอีวานให้ตามเหรอคะ ขิงเผลอหลับไป ไม่คิดว่าจะถึงเวลางานแล้ว”
“เปล่าค่ะคุณขิง พี่แหวนแค่จะมาบอกว่าถ้าคุณขิงเบื่อก็ไปดูทีวีที่ห้องรับแขกได้”
“อ๋อ โล่งออกไปทีค่ะ เอาไว้คราวหน้านะคะ นี่ใกล้เวลาเริ่มงานแล้ว” เธอมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าอีกเพียง 20 นาทีก็จะถึงเวลาเริ่มงานตอนบ่ายจึงปฏิเสธพี่แหวนไป
“ได้ค่ะ พี่แหวนขอไปทำงานก่อน อ้อ! คุณขิงแพ้อาหารอะไรไหมคะ พี่ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ลืม”
“ไม่นะคะ ขิงทานได้ทุกอย่าง”เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อพี่แหวนกลับไปแล้วธันยมัยก็เข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรงข้ามซึ่งเป็นทั้งห้องนอนและห้องทำงานของอีวาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อือ เข้ามาเลย” เสียงเย็นชายจากเจ้าของห้องที่ฟังดูเหมือนว่าจะรอเธออยู่แล้ว
“ฉันพร้อมเริ่มงานแล้วค่ะ บ่ายนี้มีอะไรที่ต้องทำบ้าง”
ชายหนุ่มนั่งรอเธออยู่แล้วที่โต๊ะทำงานตัวเดิม แม้จะอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวแต่เขาก็ยังนั่งตัวตรง ธันยมัยมองเจ้านายหนุ่มแล้วรู้สึกว่าบุคลิกของเขานั้นยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ หญิงสาวพยายามท่องไว้ในใจว่าเขาคือเจ้านายและตัวเธอเองก็มีแฟนอยู่แล้ว
“เห็นแฟ้มตรงหน้าคุณไหม เลือกแฟ้มที่เขียนว่าแผนลงทุนตลาดจีนขึ้นมา แล้วอ่านสรุปสองหน้าสุดท้ายให้ผมฟังอีกรอบ
เธอทำตามที่เขาบอกซึ่งเนื้อหาทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ พออ่านจบเขาก็นิ่งเหมือนคนกำลังใช้ความคิด
“คุณฟังเข้าใจไหม” เขาอยากได้ความคิดเห็นเพราะตัวเองฟังที่เธออ่านก็รู้สึกว่าข้อความนั้นมันไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนว่ามันยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก
“ฉันออกความเห็นได้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างลังเล
“ได้สิ ผมก็อยากรู้”
“คือฉันไม่รู้ว่าที่คุณให้อ่านมันเป็นต้นฉบับหรือว่าคุณแปลมันมาจากภาษาอื่น เพราะฟังดูแปลกยังไงก็ไม่รู้นะคะ” เธอไม่ค่อยแน่ใจแต่ถ้ามันเป็นต้นฉบับก็คิดว่าคนที่สรุปการประชุมนี้ทำงานไม่ค่อยเรียบร้อยเพราะเธอเองแม้ยังเรียนยังไม่จบก็ถึงข้อบกพร่องนี้
“คุณคิดอย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ”
“มันถูกแปลมาจากภาษาจีนอีกที”
“คุณอีวานมีต้นฉบับไหมคะ ฉันอยากลองอ่านดู”
“อย่าบอกนะว่าคุณอ่านภาษาจีนออก” เขาแปลกใจเพราะเซบาสเตียนบอกแค่ว่าเธอใช่ภาษาอังกฤษได้ดีเท่านั้น
“ค่ะ ฉันอ่านออก เขียนได้ ส่วนเรื่องพูดก็พอได้ค่ะ แต่สำเนียงอาจแปลกไปหน่อย เพราะไม่ค่อยพูดกับใครเท่าไหร่” เพราะทักษะภาษาจีนทำให้เธอได้ร่วมงานของแบรนด์สินค้าจากจีนอยู่บ่อยครั้ง
“ผมเชื่อคุณได้ใช่ไหม” เขาไม่ค่อยแน่ใจเพราะไม่เห็นสีหน้าและแววตาของคนที่คุยด้วย
“คุณจะทดสอบฉันก็ได้นะคะ”ธันยมัยมั่นใจว่าเธอมีความสามารถมากพอ
จากนั้นเขาก็คุยกับเธอด้วยภาษาจีนกลาง สีหน้าของอีวานดูพอใจเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มคิดว่าคงต้องเพิ่มค่าจ้างให้เธอเพราะช่วยงานได้มากกว่าที่คิด
ตลอดบ่ายวันนี้อีวานเลยให้เธอช่วยอ่านสรุปการประชุมของบริษัทลูกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนให้ฟัง เวลาผ่านไปเร็วมากจนพี่แหวนขึ้นมาตามทั้งสองให้ลงไปทานอาหารเย็น
“เย็นนี้มีอะไรทานค่ะพี่แหวน ขิงหิวมากเลยค่ะ” เธอเดินตามหลังแม่บ้านซึ่งกำลังประคองอีวานไปนั่งที่โต๊ะ
“พี่ทำหลายอย่างเลยค่ะ ไม่รู้คุณขิงจะชอบหรือเปล่า”
ธันยมัยมองอาหารตรงหน้าแล้วก็ยิ้มกว้างเพราะนั่นเป็นอาหารโปรดของเธอทั้งนั้น
“ของโปรดทั้งนั้นเลยค่ะพี่แหวน ต้มยำกุ้งน้ำข้น กั้งทอดกระเทียมสงสัยขิงต้องน้ำหนักขึ้นแน่ๆ เลยค่ะ”
“คุณขิงชอบเหมือนคุณเอชเลยนะคะ”
“คุณก็ชอบต้มยำเหรอคะ”
“อาหารไทยขึ้นชื่อ ใครบ้างจะไม่ชอบ” เขาตอบห้วนๆ ตามสไตล์ของคนพูดน้อย
อาหารมื้อเย็นของวันนี้บรรยากาศดีกว่าทุกมื้อที่ผ่านมา ธันยมัยช่วยเขาตักอาหารใส่จาน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือของเธอ กว่าทั้งคู่จะลุกจากโต๊ะนานเกือบชั่วโมง
“นี่ถือว่าเลิกงานแล้วคุณพักผ่อนได้ตามสบายนะ”
“แล้วคุณล่ะคะ จะทำอะไร ไปเดินย่อยอาหารกันไหม” เธอไม่อยากให้เขาอุดอู้อยู่แต่ในห้อง
“ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”
“ไม่เห็นลำบากอะไรเลยค่ะ อย่าลืมสิคะว่าคุณจ้างฉันมาดูแลคุณนะ แล้วทางจากหน้าบ้านคุณไปที่ชายหาดเป็นทางโล่งมาก คุณคงไม่เดินชนอะไรหรอกค่ะ หรือว่าคุณกลัวคนอื่นจะมาเจอ”
“ผมไม่รู้จักใครที่นี่หรอก แล้วคุณล่ะ ไม่กลัวเจอคนรู้จักเหรอ”
“ฉันไม่ได้บอกใครว่ามาที่นี่ นะคะไปเดินด้วยกัน ฉันไม่อยากเดินคนเดียว”
แล้วหญิงสาวก็พาเขาเดินออกจากตัวบ้านช้าๆ จนเท้าของอีวานสัมผัสกับผืนทราย ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีจนอยากมาเดินแบบนี้ทุกวัน
“ผมคงไม่ทำให้คุณลำบากใจใช่ไหมครับ” เขาถามอย่างสุภาพเพราะนานแล้วที่ไม่มีใครชวนเขาออกไปเดินเล่นแบบนี้
“ไม่เลยค่ะ ออกมาเดินเที่ยวถือว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศ ฉันอยากให้คุณผ่อนคลาย ช่วงที่ฉันมาอยู่ที่ฉันจะพาคุณออกมาเดินทุกวันเลยดีไหมคะ”
“ผมคงต้องเพิ่มค่าจ้างให้คุณแล้ว เพราะการพาผมออกมาเดินเล่นมันไม่ได้อยู่ในสัญญา”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ อีกอย่างฉันเป็นคนชวนคุณออกมานะคะ ฉันของคุณมากที่คุณจ้างฉัน ถ้าไม่ได้เงินก้อนนั้นฉันคงไม่ได้เข้าห้องสอบแน่ๆ
“เรื่องนั้นเซบบอกแล้ว”
“ค่ะ มันน่าอายเหมือนกันนะคะ ที่คนนอกอย่างคุณสองคนต้องมารับรู้เรื่องส่วนตัวของฉันมากขนาดนี้” เธอรู้สึกอย่างที่พูดจริง เธออายแต่มันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เข้าห้องสอบ
“แล้วคุณคิดว่าจะได้เงินคืนจากแฟนคุณไหม”
“ฉันไม่แน่ใจค่ะ เพราะฉันเองก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน” ธันยมัยหมายถึงภาสกรแฟนหนุ่มของเธอ
“คุณเคยถามไหมว่าแม่เขารักษาตัวอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่เคยถามค่ะ หรือบางทีแม่เขาอาจจะไม่ได้ป่วยก็ได้”เธอเริ่มคิดเพราะตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงแม่เลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆ ภาสกรก็มาบอกเธอว่าแม่ตัวเองป่วย
“ถ้ารู้ว่าเขาโกหกคุณจะเสียใจไหม”
“ใครก็ต้องเสียใจทั้งนั้น”
“ผมหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่ผมพูด”อีวานรู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ลำพังแค่ตัวเองก็มีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ทุกวัน
“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนค่ะ”
ทั้งสองเดินคุยกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เท้าของเขารู้สึกถึงความเปียกของผืนทราย อีวานหยุดก้าวเดิน
“หยุดทำไมคะ”
“เราเดินมาไกลแล้ว”
“ไม่ไกลเลยค่ะ เล่นน้ำทะเลกันไหมคะ”
“ไม่ดีกว่า” อีวานรีบปฏิเสธ
“งั้นแค่เดินลุยน้ำก็พอนะคะ”
มือเล็กของเธอจับมือเขาให้แน่นขึ้นก่อนจะพาเขาเดินลงน้ำทะเลไป
อีวานรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วขึ้น ผู้หญิงคนนี้มีความสดใสร่าเริง เธอชวนเขาคุยไปเรื่อย ซึ่งอีวานก็ฟังไปยิ้มไปอย่างเพลิดเพลิน กว่าเธอจะพาเขากลับขึ้นมาบ้านพักเขาก็เปียกไปเกือบทั้งตัว
“คุณรอตรงนี้ก่อนนะคะ ฉันจะเอาน้ำมาล้างทรายออกก่อน”
เขารั้งมือนั้นไว้แน่น เพราะยังไม่ชินกับการยืนอยู่นอกบ้านคนเดียว
“ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะเอาน้ำได้ยังไงคะ”
เมื่อปล่อยมือเธอแล้วก็รู้สึกใจหาย แต่ก็ยังอุ่นใจที่ได้ยินเสียงเธอคุยอยู่กับแม่บ้านที่กำลังเดินมาทางที่เขายืนอยู่
“ตายจริงเปียกไปเกือบทั้งตัวเลยนะคะ” แล้วแม่บ้านกับธันยมัยก็ช่วยล้างทรายออกจากตัวชายหนุ่มจากนั้นก็ประคองเขาไปส่งที่หน้าห้องนอน
แม้ว่าตาจะมองไม่เห็นแต่อีวานก็ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำด้วยตัวเองได้เพราะให้เซบาสเตียนจัดวางทุกอย่างให้เหมือนกับห้องน้ำที่คอนโดฯของตัวเองที่สิงคโปร์