2 ฟ้าสวย น้ำใส
“ในที่สุดก็สอบเสร็จสักที เย็นนี้เราไปฉลองกันไหม”หมิวเพื่อนในกลุ่มเอ่ยชวน
“ได้สิ ไปร้องเกะกันนะ” น้ำอิงก็เห็นด้วยกับเพื่อนเพราะนานแล้วที่พวกเธอไม่ได้ออกไปสนุกด้วยกัน
“ขิงขอตัวก่อนนะหมิว น้ำ”
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอขิง” แม้รู้ว่าเพื่อนจะต้องไปทำงานแต่ไม่คิดว่าจะไปทันทีแบบนี้
“อือ ทางนั้นเขาเร่งมา ขิงต้องไปขึ้นเครื่องเย็นนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้โชคดีนะขิงแล้วอย่าลืมติดต่อมาบ้าง”
“ขิงจะพยายามแต่ไม่รู้ว่าที่นั่นสัญญาณจะดีหรือเปล่า แต่ถ้ามีโอกาสขิงจะติดต่อมานะน้ำ แล้วถ้าน้ำกับหมิวเจอพี่ซันขิงก็ฝากบอกด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหาเราจะบอกพี่ซันให้นะ”
ธันยมัยเดินกลับมาจากมหาวิทยาลัยยังไม่ทันถึงหอพักก็เห็นรถเอสยูวีสีดำเคลื่อนผ่านหน้าไปเพียงนิด และจอดสนิทก่อนที่เธอจะเดินผ่าน
“คุณธันยมัยครับ” เซบาสเตียนลดกระจกลงแล้วเรียกหญิงสาวที่กำลังจะเดินเลยรถของเขาไป
“สวัสดีค่ะ คุณเซบาสเตียนฉันไม่คิดว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้”
“บังเอิญว่าผมไม่ค่อยคุ้นเส้นทางเลยออกมาก่อนเวลานัด แล้วคุณสอบเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ขึ้นรถมาสิจะได้ไปพร้อมกัน”
“อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว คุณขับไปจอดรอที่หน้าหอพักได้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มไม่เซ้าซี้เพราะมันก็จะถึงหอพักอย่างที่เธอบอกจริงๆ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงยีนกับเสื้อยืดแล้วธันยมัยก็เดินลงมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ 1 ใบกับกระเป๋าถือ อีก 1 ใบ
“มีแค่ใบเดียวเหรอครับ”เซบาสเตียนถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาเวลาไปไหนกับผู้หญิงพวกหล่อนก็มักจะมีกระเป๋ากันคนละหลายใบ
“ค่ะ ของฉันมีแค่นี้”เธอเป็นคนง่ายๆ จึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้อะไรมาก
“ครับ” เขารับกระเป๋าแล้วนำไปไว้หลังรถจากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปสนามบินทันที
“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ เจ้านายคุณอายุมากหรือเปล่า”
“คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าเจ้านายจะอายุมากแล้ว”
“เปล่าค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ฉันจะได้ทำตัวถูก ปกติแล้วฉันเป็นคนคุยเก่งค่ะ จะเรียกว่าพูดมากก็ได้เลยกลัวว่าท่านจะรำคาญ”
“อย่ากังวลเลย เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น” เซบาสเตียนแอบยิ้ม อยากรู้เหมือนกันว่าคนพูดน้อย ชอบเก็บตัวถ้ามาเจอเด็กช่างพูดอย่างธันยมัยจะเกิดอะไรขึ้น
“ค่ะ”
เธอยังไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เจ้านายจะเป็นคนยังไง อายุเท่าไหร่ จะใจดีกับเธอหรือเปล่า มันเป็นเรื่องที่เธอต้องหาคำตอบเอาเอง
เมื่อวานธันยมัยกับเซบาสเตียนมาถึงสนามบินก็เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยเพราะกระเป๋าเดินทางของเธอนั้นไปสลับกับของผู้โดยสารคนอื่น กว่าคนที่หยิบกระเป๋าผิดจะเอามาคืนก็เลยเวลาลงเรือไปยังเกาะพราวมุกซึ่งมีเรือออกเพียงแค่วันละ 2 เที่ยว
เซบาสเตียนจึงเปิดโรงแรมให้เธอกับเขาคนละห้อง เพื่อพักหนึ่งคืนระหว่างรอเวลาขึ้นเรือเที่ยวแรก
จากโรงแรมที่พักไปยังท่าเรือนั้นใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ธันยมัยก็มานั่งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือเฟอร์รีลำใหญ่ ในขณะที่เซบาสเตียนก็เอาแต่วุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า เธอจึงมีโอกาสนั่งมองวิวทะเลสวยๆ อยู่คนเดียว
ครั้งสุดท้ายธันยมัยมาเที่ยวทะเลก็ตอนที่รุ่นพี่พามารับน้องตอนอยู่ปี 1 เธอยังจำบรรยากาศวันนี้ได้ดีแม้จะผ่านมาถึง 3 ปีแล้วก็ตาม ครั้งนั้นเธอไม่ต้องคิดอะไรมาก ใช้ชีวิตในวัยรุ่นอย่างเต็มที่ แต่หลังจากนั้นพอขึ้นปี 2 เธอก็เสียบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างกะทันหันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์
วันนี้ท้องฟ้าสดใส อากาศเย็นสบาย แดดไม่ร้อนมากอีกทั้งยังมีลมทะเลพัดเข้ามาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย หญิงสาวไม่รู้ว่าที่เกาะแห่งนั้นเธอจะต้องไปเจอเจ้านายแบบไหน แต่ระหว่างทางฟ้าสวยและน้ำใสก็ทำให้เธอรู้สึกว่าการมาทำงานครั้งนี้คงเหมือนได้พักผ่อนไปในตัว
ระยะเวลาเดินทางจากท่าเรือมายังเกาะพราวมุกใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ เรือลำใหญ่ก็พามาถึงที่หมาย เซบาสเตียนช่วยเธอลากกระเป๋าไปตามสะพานคอนกรีต ชายหนุ่มเดินผ่านรถโดยสารที่จอดรอรับนักท่องเที่ยว ตรงไปยังรถยนต์คันหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากท่าเรือเพียงเล็กน้อย ก่อนเขาจะกดสัญญาณรีโมทให้เธอเข้าไปนั่นรอในรถขณะที่ตัวเองกำลังนำกระเป๋าใบใหญ่ไปเก็บท้ายรถ
“เราต้องไปอีกไกลไหมคะ” เพราะตั้งแต่ออกจากโรงแรมเซบาสเตียนก็ไม่มีเวลาให้เธอถามอะไรเลย
“ขับรถไปอีก 30 นาทีก็ถึงครับ” เขาตอบเสียงเรียบ ใบหน้าของเขาดูเครียดกว่าที่เจอกันวันก่อนอยู่มาก
ธันยมัยนั่งมองทิวทัศน์ไปเรื่อย จนกระทั่งรถมาหยุดที่บ้านหลังสีขาวทรงโมเดิร์นหลังหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มากนัก
บริเวณที่รถจอดเป็นด้านข้างของตัวบ้าน ส่วนทางด้านหน้านั้นเปิดโล่งเพราะติดอยู่กับทรายหาดสีขาวที่ตอนนี้แสงแดดกระทบกับเม็ดทรายจนเป็นแสงระยิบระยับ
“รีบเข้าบ้านเถอะ คุณอีวานรอแล้ว”เสียงเรียกของเซบาสเตียนทำให้เธอออกจากภวังค์
“ค่ะ”
ด้านในตัวบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเทาเกือบทั้งหมดส่วนตัวผนังบ้านนั้นเป็นสีขาว คงเพราะเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้ชายจึงตกแต่งออกมาในแบบที่เรียบง่าย
“มากันแล้วเหรอ”
“อือ ฉันพาผู้ช่วยมาให้คนหนึ่ง มานี่สิ” เขาหันไปเรียกให้เดินมาตรงหน้าเจ้านาย
ธันยมัยมองผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาครอบด้วยอายชิลด์ ดูแล้วผู้ชายคนนี้รูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่กว่าเซบาสเตียน คงเพราะเขาเป็นลูกครึ่งสิงคโปร์กับไทย ตามที่เซบาสเตียนให้ข้อมูลเธอมา ใบหน้านั้นจัดว่าหล่อกว่าดาราลูกครึ่งหลายคนที่เธอรู้จัก ไรหนวดเขียวครึ้มไปทั่วสันกรามและรอบริมฝีปากหยักได้รูป เธออยากจะเห็นเสียจริงว่าถ้าเอาอายชิลด์ออกแล้วเขาจะหล่อขนาดไหน เธอเผลอจ้องหน้าเขานานจนเซบาสเตียนกระแอมใส่
“สวัสดีค่ะคุณอีวาน ฉันธันยมัยค่ะ”เธอยกมือไหว้ แม้รู้ว่าเขามองไม่เห็นแต่มันก็เป็นมารยาทที่เธอพึ่งกระทำ
“ไม่ต้องไหว้หรอกคุณธันยมัย มันมองไม่เห็นคุณหรอก”เซบาสเตียนบอกพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เจ้านายของเธอด้วยท่าทางสบายๆ
“คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำงานอะไรบ้าง” ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงค่อนขอดของคนข้างๆ เพราะเขารู้ว่าเซบาสเตียนชอบทำตัวตลกกลบเกลื่อนแต่แท้จริงแล้วเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เป็นห่วงอีวานอย่างแท้จริง
“รู้ค่ะ คุณเซบาสเตียนบอกฉันแล้ว”
“คุณชื่ออะไรนะ เมื่อกี้ผมฟังไม่ชัด”
“ธันยมัยค่ะ”
“เรียกยากไปหน่อย มีชื่อเล่นไหม”
“เรียกขิงก็ได้ค่ะ คุณอีวาน”
“อือ แบบนี้ค่อยเรียกง่ายหน่อย”
“ผมให้เวลาคุณพักหนึ่งวัน พรุ่งนี้เข้ามาพบผมที่ห้องทำงานเวลา 9 โมงตรง” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม จนเธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นหดเหลือตัวนิดเดียว
แล้วผู้หญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาจากมุมหนึ่งในบ้าน เธอแนะนำตัวว่าชื่อพี่แหวนเป็นแม่บ้านของที่นี่ จากนั้นพี่แหวนก็พาเธอไปยังห้องพักที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของอีวาน
“คุณขิงพักห้องนี้นะคะ อยู่ตรงข้ามกับห้องคุณเอชจะได้สะดวกในการทำงาน”
“คุณเอชเหรอคะ”
“ค่ะ คุณอีวานชื่อเล่นว่าคุณเอช”
ธันยมัยพยักหน้า แต่เธอคงไม่บังอาจไปเรียกเขาด้วยชื่อเล่นแบบพี่แหวนแน่
แล้วพี่แหวนก็เล่าให้เธอฟังถึงสาเหตุที่เจ้านายของเธอมองไม่เห็น พอได้ฟังแล้วเธอก็รู้สึกสงสารเขาอยู่เหมือนกัน
นอกจากที่พี่แหวนเล่าให้เธอฟังแล้วเธอก็ได้ฟังจากเซบาสเตียนมาเยอะพอสมควร ชายหนุ่มเล่าว่าอีวานประสบอุบัติเหตุเมื่อเกือบสองปีก่อน หลังจากเหตุการณ์นั้นการมองเห็นของเขาก็ลดลง จนในที่สุดก็แทบมองไม่ชัดหมอเลยแนะนำให้เขาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาซึ่งตอนนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพักฟื้นหลังการผ่าตัด แต่เรื่องนี้เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้เพราะมันจะกระทบกับงานที่เขาทำอยู่ เซบาสเตียนเลยให้อีวานมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้และจ้างเธอเป็นผู้ช่วย
“พี่แหวนคะ คุณอีวานดุไหมคะ”
“จะให้พี่นินทาเจ้านายเหรอคะ พี่แหวนไม่กล้าหรอกค่ะ คุณขิงอยู่ไปสักพักก็จะรู้เอง แต่พี่แหวนเตือนไว้อย่างหนึ่งนะคะ คุณเอชท่านไม่ชอบให้ใครมาสงสาร เรื่องที่ท่านตาบอด”
“ค่ะ” แล้วเธอก็เริ่มเอาเสื้อผ้าและของใช้ออกจากกระเป๋าไปเก็บไว้ในตู้ไม้สีขาว ก่อนจะออกไปเดินเล่นที่หน้าชายหาด
อีวานยืนอยู่ในห้องนอน เขาเปิดม่านออกเล็กน้อยและพยายามมองออกไปยังผืนทรายข้างหน้า ตอนนี้แม้จะมองเห็นไม่ค่อยชัดแต่ก็พอจะเดาออกว่าคนที่กำลังเดินอยู่นั้นเป็นผู้ช่วยที่เซบาสเตียนให้มาช่วยงานเขา เพราะเจ้าตัวนั้นต้องกลับไปทำงานแทนเขาที่บริษัท
การหายมานานอย่างนี้ย่อมไม่เป็นผลดีกับบริษัทและไหนจะผู้บริหารบางคนที่พยายามจะเอาเขาลงจากตำแหน่งประธานบริษัท เรื่องสายตาของเขานั้นมีเพียงตัวแองและเซบาสเตียนเท่านั้นที่รู้ ทุกคนในบริษัทรู้แต่เพียงว่าช่วงนี้อีวานกำลังพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาตลอดหลายปี แต่จะหายไปโดยไม่ทำงานก็คงไม่ได้ ชายหนุ่มจึงต้องจ้างผู้ช่วยสักคนเพื่อให้เป็นสายตาให้เขา และคนนั้นๆ จะต้องไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ เขาจึงต้องให้เซบาสเตียนเก็บโทรศัพท์ของธันยมัยทันทีที่มาถึงบนเกาะแห่งนี้