๑.๑ คู่หมั้นจำเป็น
๑
คู่หมั้นจำเป็น
ภาพข่าวการแต่งงานของรามิล ศิวัฒน์ชัย มหาเศรษฐีชาวใต้อดีตดาราดังของเมืองไทยกับปริญชยา วิจิตรา นักประพันธ์สาวผู้โชคดีเป็นข่าวครึกโครมบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าของวันรุ่งขึ้น แต่อีกข่าวหนึ่งที่โด่งดังและเป็นที่สนใจของบรรดาคอบันเทิงไม่แพ้กันก็คือภาพการจุมพิตอย่างแสนดูดดื่มระหว่างรามาวตีกับหนุ่มหล่อมาดเข้มคนหนึ่ง
‘น้องสาวเจ้าบ่าวแอบหนีออกนอกงาน หลบสวีตหนุ่มหล่อ ประกบปากดูดดื่มที่ระเบียงโรงแรม’
ในขณะที่ผู้คนครึ่งค่อนประเทศกำลังอ่านข่าวซุบซิบนี้อย่างสนอกสนใจ แต่ร่างแน่งน้อยของคนที่ตกเป็นข่าวกลับยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นบนเตียงนอนหนานุ่มเพราะความเหนื่อยล้าจากการตะลุยช่วยงานแต่งงานของพี่ชายกับพี่สะใภ้เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
เปลือกตาคู่สวยที่ปิดสนิทเริ่มขยุกขยิกเมื่อทำนองเพลงหวานแว่วจากโทรศัพท์มือถือที่หล่อนตั้งเป็นเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ‘รามาวตี ศิวัฒน์ชัย’ ควานมือเรียวเล็กไปปิดเสียงที่กำลังดังอยู่นั้น
เมื่อตื่นขึ้นมาเต็มตาก็ประหวัดคิดไปถึงพี่ชายและพี่สะใภ้ของตนที่ป่านนี้คงกำลังเหินฟ้าอยู่บนเครื่องบินระหว่างประเทศลำใดลำหนึ่งเพื่อไปฮันนีมูน เพราะรามิลบอกเอาไว้ว่าจะพาปริญชยาออกเดินทางแต่เช้ามืด แต่แล้วความทรงจำบางอย่างก็แวบเข้ามาในสมอง เป็นเหตุให้พวงแก้มเนียนใสต้องแดงก่ำไปจรดซอกคอ มือบางเผลอยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล ยามนึกถึงตอนที่ริมฝีปากหนักอุ่นจัดแบบลูกผู้ชายกดแนบลงมาอย่างเร่าร้อนดิบเถื่อน
รามาวตีครุ่นคิดอย่างอับอาย นึกโมโหตัวเองที่สามารถจดจำรายละเอียดของสัมผัสอันหยาบคายนั้นได้แม่นยำเสียเหลือเกิน หล่อนสะบัดศีรษะแรงๆ และยกมือขึ้นทุบเบาๆ เพื่อให้หลุดจากภวังค์ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น โดยใช้เวลาไม่นานนักก็กลับออกมาแต่งตัวด้วยชุดลำลองเป็นเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกางเกงขาสั้นสีครีม อวดความเปล่งปลั่งส่องประกายราวกับน้ำค้างบริสุทธิ์ของสาววัยยี่สิบสอง ก่อนจะออกจากห้องแล้วเดินลงไปหาผู้เป็นบุพการีทั้งสองซึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารเหมือนเช่นทุกเช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อคุณแม่” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยทักทายด้วยท่าทางร่าเริงพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับมารดา
แต่ทว่าเช้านี้ทั้งคุณรามและคุณเรณูต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด และมองมายังหล่อนเป็นตาเดียวราวกับเป็นผู้ต้องหาที่ต้องคดีอุกฉกรรจ์ก็ไม่ปาน
“คุณพ่อกับคุณแม่ทำไมมองหน้าเรแปลกๆ แบบนั้นล่ะคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอุบอิบ
คุณเรณูยื่นหนังสือพิมพ์ให้ “อ่านข่าวนี่ก่อนแล้วก็ตอบคำถามแม่”
สาวน้อยรับมา ก้มลงมองข่าวบนหน้าบันเทิงอย่างงงๆ แล้วดวงตากลมแป๋วก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะภาพที่ตนเองกำลังถูกปฏิภาณประกบจูบอย่างดูดดื่มในหนังสือพิมพ์หน้านั้นเด่นหราไม่แพ้ภาพของคู่บ่าวสาว
สายตากวาดไล่อ่านตัวอักษรที่อยู่ข้างล่างภาพข่าวนั้นอย่างละเอียดยิบไม่ยอมพลาดแม้แต่ตัวอักษรเดียว เมื่ออ่านจบก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าชาวาบและเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกพ่อแม่มองด้วยสายตาแปลกๆ ในทันที หล่อนไม่รู้ว่าภาพนี้หลุดออกมาได้อย่างไร ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกใครแอบถ่ายตั้งแต่ตอนไหน...
“ไหนเรบอกแม่มาซิ ว่าไปรักไปชอบพอกับคุณปฏิภาณตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงได้มีภาพแบบนี้หลุดออกมา” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามทันทีที่ลูกสาวเงยหน้าขึ้น
“มันไม่ใช่อย่างที่ข่าวเขียนนะคะคุณแม่ เรไม่ได้ชอบกับอีตาเจ้าของไร่ป่าเถื่อนนั่นเลย” รามาวตีแก้ต่างให้ตัวเองเป็นพัลวัน
“ถ้ามันไม่ใช่ ภาพมันจะหลุดออกมาได้ยังไงล่ะเร”
“มันไม่มีอะไรจริงๆ นะคะคุณพ่อคุณแม่ เรกับเขาแค่ทะเลาะกันแล้วเขาก็...” คำพูดสุดท้ายติดอยู่ที่ริมฝีปาก
“หนูเป็นผู้หญิงนะเร เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีข่าวแบบนี้เกิดขึ้นก็มีแต่เสียหาย” คุณเรณูพูดเสียงเข้ม แววตาจริงจัง
“ข่าวก็คือข่าวค่ะ ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่เชื่อเร เรจะไปพาเขามายืนยันด้วยตัวเอง ว่าเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
ว่าแล้วรามาวตีก็คว้าเอากุญแจรถ แล้วผลุนผลันออกไปจากบ้านอย่างร้อนใจ
หญิงสาวขับรถด้วยความเร็วค่อนข้างสูง มุ่งหน้าไปยังโรงแรมเพิร์ลไดมอนด์ที่ปฏิภาณพักอยู่ เมื่อไปถึงร่างอรชรก็ก้าวฉับๆ ตรงไปยังลิฟต์อย่างไม่รีรอ กดตัวเลขชั้นที่เป็นห้องพักของคู่กรณีโดยไม่ติดต่อประชาสัมพันธ์ให้เสียเวลา และอีกไม่กี่อึดใจหล่อนก็มายืนหน้าห้องเขา มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ร่างกำยำงัวเงียลืมตาลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นติดๆ กัน ชายหนุ่มถอนหายใจ มองไปทางประตูอย่างหงุดหงิด
“ใครมาเคาะแต่เช้า ยุ่งชิบ!” เสียงทุ้มบ่นอุบ ขณะที่ดวงตายังคงหรี่ปรือด้วยความง่วงงุน ตอนนี้เขาแทบไม่อยากจะลุกออกจากเตียงนอนนุ่มๆ นี้แม้แต่วินาทีเดียว
แต่เสียงที่ดังไม่หยุด ทำให้ต้องหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวสอบเพื่อปิดบังร่างกายเกือบเปลือยเปล่าอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปยังหน้าประตูห้องและกระชากเปิดออกตามแรงอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดอย่างที่สุด
รามาวตีอ้าปากขึ้นเตรียมจะต่อว่าที่เขามาเปิดประตูให้ช้า แต่แล้วก็ยกมือขึ้นปิดตาแทบไม่ทัน เมื่อเห็นร่างกำยำที่ยืนทำหน้ายักษ์ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมเผ้ายุ่งเหยิง
“มาทำไมแต่เช้า หรือว่าติดใจรสจูบของผมจนต้องมาขอต่อให้จบ คุณนี่มันไวไฟมากกว่าที่ผมคิดเสียอีกนะ” เสียงทุ้มพูดเยาะๆ ก่อนจะตวัดแขนสอดเข้าที่เอวอ้อนแอ้นและดึงร่างอรชรเข้ามากอดอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ตั้งตัว
“ปล่อยฉันนะ! คุณจะทำอะไร!”
รามาวตีร้องโวยวายด้วยอารมณ์โมโหระคนตกใจ พยายามดันร่างหนาให้ออกห่างแต่ก็สู้แรงอันมหาศาลของเขาไม่ได้ ยิ่งดิ้นมากเท่าไรก็ยิ่งกลายเป็นว่าบดเบียดทรวงอกอวบอิ่มเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่ามากขึ้นเท่านั้น
“ถามได้...ผู้หญิงมาหาถึงห้อง คุณจะให้ผมเอาไปวางไว้บนหิ้งหรือไง”
“คนบ้า คนทุเรศ คน...”
เสียงนั้นจมหายไปในลำคอเมื่อปากที่กำลังตอบโต้เขาอย่างเผ็ดร้อนถูกประกบปิดสนิทแนบแน่น ริมฝีปากหยักจาบจ้วงระดมจุมพิตอย่างเร่าร้อน มอบความวาบหวามให้หล่อนเป็นครั้งที่สองในเวลาห่างกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง
มือหนาสอดลอดเลื้อยเข้าไปใต้ชายเสื้อตัวสวย ประกบทรวงอกอวบอิ่มแล้วบีบคลึงเบาๆ แม้จะมีผ้าเนื้อดีของบราเซียร์สีหวานขวางกั้นก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เพราะเขาสามารถรับสัมผัสความหยุ่นแน่นของเนินเนื้อเต่งตึงได้อย่างเต็มที่
“อื้อ...”
รามาวตีหลุดเสียงครางออกมาอย่างผาดแผ่ว ปฏิภาณฟังเสียงนั้นอย่างพึงพอใจ อารมณ์ที่คั่งค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้เขาตักตวงความหอมหวานด้วยความกระหายหิว และไม่มีทีท่าว่าจะผละออกห่างง่ายๆ จนริมฝีปากอิ่มเริ่มบวมช้ำ เขาจึงเลื่อนลงไปที่ซอกคอขาวผ่อง
เจ้าของร่างอรชรเบี่ยงหลบตามสัญชาตญาณ แต่นั่นเท่ากับเป็นการแหงนเงยใบหน้าขึ้น เปิดทางให้เขาคลุกเคล้าได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น
ริมฝีปากร้อนรุ่มกดแนบบดเบียดซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนหอมกรุ่นนั้นอย่างหลงใหลในกลิ่นกายสาว มือข้างหนึ่งยังประคองกอดลูบไล้และเคล้นคลึงทรวงอกอวบอิ่มที่เต่งตึงแน่นหยุ่น ส่วนมืออีกข้างไล้ลงมาที่หน้าท้องเรียบเนียน
“หยะ... หยุด... อย่า...”