บทย่อ
"คุณเป็นใครกันแน่" ม่านฟ้าย้อนถามเสียงเรียบ แววตาสีนิลจ้องมองไปยังดวงตาคมกริบของเชคฮบราฮิมอย่างเป็นคำถาม เขารู้ชื่อเธอได้ยังไง?นั่นคือสิ่งที่เธอสงสัย "เป็นใครไม่สำคัญ" "สำคัญสิ...จะมาให้ฉันทานข้าวกับคนไม่รู้จักได้ยังไง ใส่อะไรให้ฉันกินก็ไม่รู้" "ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น" "บอกใครเขาจะเชื่อกันเล่าพ่อคู๊ณ.....” ม่านฟ้าสบถเสียงสูงสำเนียงภาษาไทยและเบือนหน้าหนี "เชื่อเถอะ...ว่าผมเชื่อถือได้" เชคฮ บราฮิม ตอบกลับเมื่อการพูดสำเนียงภาษาไทยที่ม่านฟ้าคิดว่าเขาคงฟังไม่ออกเป็นแน่ แต่เธอนั้นคิดผิด! "คุณฟังออก!" "ครับ" เชคฮบราฮิมเปล่งเสียงภาษาไทยที่ไม่ชัดถ้อยชัดคำแต่ก็ฟังออกว่าคือคำไหน และไม่แปลกที่เชคฮบราฮิมจะฟังภาษาไทยได้ แค่อาจจะฟังไม่กระจ่างทุกคำ เพราะธุรกิจที่เขาทำสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ไม่ได้ทำแค่ในประเทศเท่านั้น เขามีหุ้นส่วนที่เป็นชาวต่างชาติหลายภาษารวมถึงประเทศไทย...และก่อนหน้าเขาฟังม่านฟ้าออกแค่ไม่โต้ตอบเท่านั้น "ฉันไม่ไว้ใจคุณ และขอปฏิเสธ" "หนึ่งหมื่น!" "บ้าบออะไรของคุณอีกเนี่ย!" "....คุณบ้าไปแล้ว" สิ่งที่ได้ยินทำเอาม่านฟ้าถึงกับหยุดนิ่งเงยหน้ามองอ้าปากเหวอฟังอย่างตกใจ หนึ่งหมื่นดอลล่า! ชายคนนี้บ้าไปแล้วแน่ ๆ นั่นมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ มันมากมายสำหรับเธอ "คุณจะได้รับค่าเสียเวลาทันทีหลังจากคุณตอบตกลง" "!!!" ม่านฟ้านิ่งเงียบไม่ตอบกลับอะไร เขาเป็นใครกันแน่...หนึ่งใจก็ลังเล นั่นมันเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะม่านฟ้า ก็แค่กินข้าว...ม่านฟ้าจ้องหน้าเชคฮบราฮิมอย่างสงสัย พร้อมความในใจที่กำลังวนเวียนว่าเธอจะเอายังไงต่อดี "บราฮิม คือชื่อของผม....."
1-เจอครั้งแรกก็ถูกใจ
ม่านฟ้า
สาธารณะรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาณาเขตดินแดนในฝันที่ใครหลายคนนั้นอยากไปเหยียบสักครั้งในชีวิต ด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ความมั่งคั่งของผู้คน ความตระการตาของตึกราบ้านช่อง วัฒนธรรมที่น่าศึกษาและสิ่งสวยงามของประเทศนี้ที่แตกต่างและหรูหรา
"สวยจัง" เสียงหวานของม่านฟ้าหญิงสาววัยสร้างตัววัยยี่สิบแปดที่ได้แต่นั่งมองรูปภาพ ชื่นชมทัศนียภาพแค่ภาพนิ่ง อยากให้สักวันมันเป็นความจริง ว่าเธอนั้นจะได้มีโอกาสสัมผัส ผืนทะเลทราย ที่ร้อนระอุแต่มันก็มีความงามในแบบของตัวมันเอง ที่ทำให้ม่านฟ้านั้นหลงใหล อยากจะไปสักครั้ง
ม่านฟ้า เป็นสาวโสดตัวคนเดียว ไร้ญาติพี่น้อง พ่อแม่ตายจากตั้งแต่เธอยังเด็ก มีเพียงยายคนเดียวที่ชุบเลี้ยงเธอมา แต่ต้องมาจากลาไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคชรา ม่านฟ้าเป็นคนใจแข็ง เธอเลือกคบคน น้อยนักที่ใครจะกล้าเข้าหาเพราะหน้าตา ท่าทางเธอนั้นดูเย็นชา ม่านฟ้าชอบอิสระ ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายรูป มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่แอบดื้อเงียบ มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าได้กล้าเสีย ม่านฟ้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีเพื่อนที่สนิทกันแค่ไม่กี่คน เพราะเธอนั้นเลือกที่คบ มันมีสาเหตุให้เธอเป็นแบบนี้เพราะความไว้ใจของเพื่อนสมัยอนุบาล แต่ม่านฟ้ากลับถูกเพื่อนคนนี้หักหลัง จนม่านฟ้ากลายเป็นคนหยิ่งในสายตาคนอื่นเพราะเธอเฉยชากับการที่ต้องให้ใจใคร แต่ที่จริงเธอนั้นอ่อนไหวและใจดีเสียยิ่งกว่ากระไร
"เป็นอะไรยัยม่าน นั่งยิ้มคนเดียว" และนี่แหละเพื่อนสนิทไม่กี่คนของเธอที่พูดถึง 'เอย' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มารู้จักกันตอนที่ม่านฟ้ามาทำงานที่นี่ซึ่งเอยทำงานอยู่ก่อนแล้ว และมีแค่หล่อนคนเดียวที่กล้าเข้าหาม่านฟ้าจนกลายเป็นนั้นสนิทสนมกันจนถึงปัจจุบัน
"นี่...ฉันอยากไปที่นี่สักครั้งแก" ม่านฟ้าชี้โรงแรมแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นรูปเรือใบให้เอยดู เป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อและสวยงาม มีเอกลักษณ์ที่น่าตราตรึงแก่สายตา
"ฝันเฟื่องแล้วแกอะ" เอยดีดนิ้วดังเปาะอย่างดึงสติทำให้ม่านฟ้านั้นหลุดจากภวังค์ จากที่ยิ้มจนต้องหุบยิ้มทันทีเพราะเพื่อนสนิทนั้นดับฝัน
“ฝันอะไร...ฉันกำลังเก็บเงินอยู่ ฝันของฉันมันต้องเป็นจริงเว้ยเพื่อนรัก หุหุ” เสียงหวานหัวเราะขบขันอย่างมีความหวัง
“เป็นเอามากเพื่อนฉัน” เอยส่ายหัวและเปรยออกมาอย่างเอือมระอาในความฝันของม่านฟ้าที่พร่ำเพ้อออกทางสีหน้าชัดเจน
“แล้วนี่แกไม่มีงานมีการทำหรือไง...มาดับฝันฉันเนี่ย”
“มี!”
“แล้วทำไมไม่ไปทำ”
“ฉันขี้เกียจ”
“เออ...ง่ายดีเนอะ”
“ก็ฉันเป็นคนง่าย ๆ ผู้ชายก็ได้ ผู้หญิงก็ดี” เอยไหวไหล่และเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดสักนิด
“ไม่มีคำบรรยาย...” ม่านฟ้าเอ่ยอย่างเอือมระอา จนเอยเพื่อนรักเดินออกไป ส่วนม่านฟ้าก็ก้มหน้ามองสถานที่ต่าง ๆ ในฝันที่เธอนั้นอยากจะไปด้วยความหวังที่มีเต็มเปี่ยม เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า จะต้องไปให้ได้ในชีวิตนี้
“แล้วนี่แกจะรีบไปไหนม่านฟ้า รุกรี้รุกรนเชียว” เอยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั้นเก็บกระเป๋าอย่างร้อนรนเหมือนคนรีบร้อน
“อ๋อ ฉันจะไปบริษัททัวร์น่ะแก ต้องเอาพาสสปอร์ตไปให้เขา”
“ห๊า นี่แกเอาจริงหรอม่านฟ้า แล้ว แล้วนี่แกไปเตรียมการตั้งแต่ตอนไหนวะ” เอยถามขึ้นอย่างตกใจไม่คิดว่าสิ่งที่เพื่อนนั้นฝัน เธอแอบทำมันโดยที่ไม่ได้บอกให้เธอรู้สักนิด
“ก็เริ่มมาสักพักแล้วล่ะ”
“ทำไมฉันไม่รู้อะ”
“แกชอบบอกฉันฝัน ฉันเพ้อเลยไม่อยากบอก ตอนแรกก็ว่าจะเล่าให้ฟังนะ แต่พอเห็นแกบอกเมื่อกลางวันว่าฉันนั้นฝันเฟื่องเลยเปลี่ยนใจไม่เล่าให้ฟัง
“แกนะแก ปิดเพื่อนได้ แล้วนี่จะไปเมื่อไหร่ล่ะ” เอยเมื่อไม่มีคำจะพูดต่อ เพราะสิ่งที่ม่านฟ้านั้นบอกเธอพูดดับฝันเพื่อนจริง ๆ
“อาทิตย์หน้าออกเดินทางและฉันก็ยื่นแจ้งลาพักร้อนไว้แล้ว” ม่านฟ้าบอกกล่าวให้เอยรับรู้ เพราะการไปตามฝันในสถานที่ใฝ่ฝันนั้นต้องไปหลายวัน และบ้านหลังเดียวที่เป็นมรดกส่งต่อมาจากยายเธอต้องอาศัยวานให้เอยดูแลให้ในช่วงที่เธอไม่อยู่
“เร็วจังวะ”
“ก็ฉันเตรียมตัวไว้นานแล้ว แค่ไม่บอกแกแค่นั้นเองเพื่อนรัก”
“ฉันมองแกพลาดมากม่านฟ้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...ถ้าฉันตั้งใจนะเอยไม่ว่าเรื่องยากแค่ไหนฉันก็ต้องทำมันให้ได้ ไปกับฉันด้วยไหมล่ะ”
“ไม่ไปอะ...แต่คืนนี้อย่าลืมนัดนะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง”
“โอเคจ้ะ”
....ยามราตรีที่แสนครึกครื้นแต่เวลากลางคืนแบบนี้บางคนอาจจะเข้าสู่ของการหลับใหลอย่างสบายใจ แต่มันไม่ใช่สำหรับสองสาวงามอย่างม่านฟ้าและเอย ที่กำลังเชยชมเหล่าผีเสื้อตัวผู้และตัวเมียร่ายท่าทางประกอบกับเสียงเพลงที่แสนเร้าใจ มือบางถือแก้วเครื่องดื่มโยกเบา ๆ ไปมา สายตาก็กวาดมองโดยรอบบริเวณแต่สายตาของม่านฟ้าได้สบตามองกับใครบางคนที่จ้องมาทางเธอเช่นกัน ชายคนนั้นส่งยิ้มให้เธอแต่ม่านฟ้าก็ไม่ได้สนใจ ละสายตามองไปทางอื่นทันที ท่าทางแบบนี้ที่เธอเป็นประจำและคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“ให้เกียรติดื่มกับผมสักแก้วจะได้ไหม?” ชายคนนั้นเดินมายืนตรงข้ามม่านฟ้าและเอ่ยทักอย่างร้องขอ
“..................” ม่านฟ้ามองนิ่งจ้องมองชายตรงหน้าแต่ก็ไม่พูดจาอะไร
“แก” เอยสะกิดแขนม่านฟ้าอย่างบอกกล่าวเมื่อเพื่อนนั้นเอาแต่นิ่งเงียบไม่สนใจ
“อะไร” ม่านฟ้าตอบเพียงสั้น ๆ
“เขาคุยกับแกอะ” เอยบอกพร้อมส่งยิ้มเป็นการทักทายชายตรงหน้า “นั่งก่อนสิคะ”
“ขอบคุณครับ” ชายคนนั้นนั่งลงตรงข้ามกับม่านฟ้า สายตาที่มองม่านฟ้าอย่างหยาดเยิ้มแต่เธอไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย “ผมชื่อครรชิตนะครับ...จะเป็นอะไรไหมถ้าวันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือ” ครรชิตเสนอตัว
((ไม่ค่ะ/ยินดีค่ะ)) คำแรกม่านฟ้าพูด คำต่อมาเอ่ยบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเพื่อนไม่เล่นด้วยเอยจึงส่งสายตาขึงตึงใส่ม่านฟ้าอย่างส่งสัญญาณว่าเธอนั้นอุตส่าห์จะรอดพ้นจากการเป็นเจ้ามือในค่ำคืนนี้แต่ทำไมเพื่อนต้องเป็นหนาม
“แหะ ๆ” เมื่อทำอะไรไม่ได้เมื่อสายตาของม่านฟ้านั้นส่งสัญญาณบอกกล่าวว่าเอยควรอยู่นิ่ง ๆ
“คงไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะเรามีเงินเลี้ยงตัวเอง...ไปกลับกันได้แล้วเอย” ม่านฟ้าวางแก้วเครื่องดื่มแล้วลุกพรวดจากโต๊ะนั้นทันทีโดยไม่รีรอให้เอยนั้นได้มีโอกาสเอ่ยปากถามหรือตอบโต้ใด ๆ
“ม่านฟ้า!” เอยตวาดเสียงดังในรถเมื่อเพื่อนไม่ได้ดั่งใจ
“ตะคอกเสียงดังทำไม” ม่านฟ้าไม่ได้ใยดีเสียงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านหูเธอหรอก
“แกทำให้เราชวดกินฟรี” เอยนั่งหน้างอมือกอดอกพูดพร่ำ
“ของฟรีไม่มีในโลก มันอาจจะคิดไม่ดีกับเราก็ได้นะเอย” ม่านฟ้าชี้แจง “เราเป็นผู้หญิงมาเที่ยวแบบนี้จะเห็นแก่กินฟรีไม่ได้ต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อน”
“มันก็ใช่อะ ฉันคิดน้อยไป งั้นเรากลับบ้านกันดีกว่า”
ครรชิต
ท้องฟ้าที่แสนสดใส แสงแดดเจิดจ้าร้อนระอุของเมืองไทย สาวไทยผิวสองสีกำลังย่างกรายเรียวขายาวสวยเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้เธอจะไปทำตามฝันที่ตั้งใจ ม่านฟ้าทำการลาพักร้อนด้วยสิทธิ์ที่เธอนั้นมี วันนี้เธอจะได้เหยียบผืนดินที่ใฝ่ฝันมานาน
"เดินทางดีๆ นะแก" เอยเพื่อนสนิทมาส่งม่านฟ้ายังสนามบินเพื่อเดินทางไปยังที่หมาย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
"ขอบใจนะเอย...ที่มาส่ง" ม่านฟ้าขยับเข้าไปกอดเอยอย่างขอบคุณ
"เที่ยวให้สนุกนะแก...ฝันกำลังเป็นจริงแล้ว"
"อืม...ฝากดูแลบ้านด้วยนะ รดน้ำต้นไม้ให้ด้วย" ม่านฟ้าละกอดจากเอย และเอ่ยฝากฝังดูแลบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ยายทิ้งไว้ให้ก่อนลาลับจากโลกไป
เสียงเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล แพรก้อนเมมฆสีขาวสะอาดตาหนากระทบกับแสงแดดจ้า ส่องประกายระยิบระยับ เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติช่างสรรค์สร้างขึ้นมาเสียจริง สายตาคมจ้องมองความงามบนท้องฟ้ารอยยิ้มและหัวใจเต้นตุบ ๆ
...บริษัททัวร์ที่ม่านฟ้าเลือกใช้บริการก็ดูแลดีเสียจริง การเดินทางที่ไร้คนรู้จัก ก็ไม่ยักจะเป็นอุปสรรคต่อม่านฟ้าเลยสักนิด
"สวัสดีครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจนเธอต้องละสายตาหันมามองตามเสียง ชายคนที่นั่งข้างๆ เอ่ยเรียก เขาคือหนึ่งในคนที่ร่วมทริปในครั้งนี้
"ค่ะ" เสียงนิ่งตอบกลับเพียงสั้น ๆ
"ผมชื่อครรชิต มากับทัวร์กรุ๊ปที่จะไปดูไบ" ชายวัยกลางคนที่นั่งข้าง ๆ ม่านฟ้าแนะนำด้วยท่าทีเป็นมิตรเพราะเธอคนนี้เขาเคยเจอมาก่อนหน้าแล้วแต่เธอนั้นแสดงท่าทีไม่ได้อยากรู้จักเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทริปแล้วกัน
"อ่อค่ะ...ฉันม่านฟ้า"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
"ค่ะ...ว่าแต่คุณหน้าคุ้น ๆ นะคะ"
“อย่างนั้นเหรอครับ” ครรชิตตีหน้าซื่อตอบแบบอมยิ้มอ่อนเมื่อสิ่งที่เธอนั้นบอกแม้จะจดจำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังแสดงความคุ้นหน้า
การสนทนาแนะนำตัวเริ่มขึ้น ครรชิตที่สังเกตเห็นม่านฟ้าที่คุ้นหน้าคร่าตาตั้งแต่คืนที่พบเจอกันในสถานบันเทิงที่บังเอิญเจอ ความต้องตาเริ่มก่อตัวจนอยากรู้จัก หญิงสาวผู้มักมีใบหน้าไร้รอยยิ้ม ไม่รู้อะไรที่ทำให้ครรชิตหนุ่มหน้าตาดีต้องตาต้องใจได้ ครรชิตเป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้ และครั้งนี้เขาก็มาดูแลลูกค้าด้วยตัวเองแต่ไม่รู้ว่ามันคือโชคชะตาหรือเปล่าที่ทำให้เขานั้นพบสาวคนนี้ที่ถูกใจเขาเพียงสายตาแรกที่พบเห็นแบบชัดเจน เพราะคืนที่เจอกันเขามองเธอผ่านม่านไฟสลัวเท่านั้น ไม่คิดว่าเมื่อเจอเธอแบบจัง ๆ เธอจะถูกใจยิ่งกว่า...
ครรชิตพยายามพูดคุยกับสาวเจ้าที่โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง คำถามที่ครรชิตถามยาวเหยียด แต่คำตอบจากสาวเจ้าที่ตอบกลับนั้นช่างแสนสั้นนัก แต่ครรชิตก็ไม่ลดละความพยายาม เพราะเธออาจจะระแวดระวังตัวจากคนไม่คุ้นหน้า และม่านฟ้าก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วครรชิตคือเจ้าของบริษัททัวร์ที่เธอกำลังใช้บริการอยู่
"คุณม่านฟ้า..."ครรชิตเอ่ยถาม
"คะ ?"ม่านฟ้าตอบรับสั้น ๆ
"รับอาหารว่างไหมครับ” เมื่อการเดินทางมานานพอสมควรจนพนักงานบริการบนเครื่องบินเข็นรถเข็นที่มีน้ำและอาหารมาบริการ ครรชิตจึงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นม่านฟ้าไม่มีทีท่าขยับกายไปไหนหรือต้องการอะไรสักอย่าง ความเป็นสุภาพบุรุษจึงก่อตัว
"ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธและก้มหน้าอ่านหนังสือที่เธอนั้นชอบพกติดตัวตลอดเวลามาด้วย นิยายเล่มโปรดที่เธอยังอ่านค้างไม่จบ
"ต้องการอะไรบอกได้นะครับ"ครรชิตเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ และเขาก็ยินดีหากเธอจะเรียกให้เขาบริการ
"ค่ะ"ม่านฟ้าตอบรับพร้อมส่งยิ้มอ่อน จนคนที่ได้มองนั้นหัวใจแทบหลอมละลาย
เชคฮบราฮิม
"วันนี้เรามีภารกิจที่ไหนบ้าง ราชิต" ทายาทผู้นำรัฐเอ่ยถามเลขาคนสนิทถึงภารกิจที่ต้องทำ ตามที่ท่านผู้นำรัฐมอบหมายให้
"ท่านจะต้องต้อนรับแขกคนสำคัญด้วยตนเองที่สนามบินครับ...และเลี้ยงรับรองในมื้อเย็น เป็นอันเสร็จภารกิจของวันนี้ครับ" ราชิตร่ายยาวถึงภารกิจที่เชคฮบราฮิมต้องทำ
"ทานข้าวอย่างนั้นหรือ...ใครกันแขกสำคัญ เรื่องนี้เราไม่เห็นรู้ล่วงหน้า"
"ท่านผู้นำสั่งมาแบบกะทันหันครับ ต้องขออภัยที่รายงานช้า" ราชิตเลขาคนสนิทโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นการขอโทษขอโพย แต่แท้จริงแล้วราชิตทำโดยคำสั่งท่านผู้นำรัฐต่างหากที่สั่งเข้มไว้ เพราะหากบอกกล่าวล่วงหน้าบุตรชายทายาทคงปฏิเสธภารกิจนี้เป็นแน่
เชคฮบราฮิม ทายาทลำดับต่อไปต่อจากท่านผู้นำแห่งรัฐชาร์จาห์ ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาหรับบนอ่าวเปอร์เซีย ที่มีประชากรนับหลายแสนคน เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง ผู้คนมากมายทั้งนักธุรกิจชาวต่างชาติและนักธุรกิจในอาหรับ ที่ต้องการร่วมลงทุนกับธุรกิจของชาร์จาห์ แต่ก็ไม่ง่ายนักเลยที่
เชคฮบราฮิมผู้เคร่งครัดและมีแบบแผนจะยอมร่วมลงทุนด้วยง่าย ๆ หากผลที่ได้นั้นไม่มากพอจนเป็นที่น่าพอใจ
เชคฮบราฮิม ผู้ที่ทรงเสน่ห์ด้วยมาดขรึม แววตาดุดันคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยวที่เฉิดฉายบนท้องฟ้า เป็นที่ต้องตาของหญิงสาวชาวอาหรับ แต่ทุกนางกลับถูกเชคฮบราฮิมนั้นปฏิเสธ เพียงเพราะยังไม่อยากผูกมัดกับหญิงใด หากไม่ใช่คนที่หมายตาและถูกใจจริง ๆ
^^^^^^^^^^^^^^^
...ผืนแผ่นดินอาหรับที่อาบล้อมด้วยความงดงามทางวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างตระการตา สายตาคมของม่านฟ้ามองตึกสูงระฟ้าและสิ่งรอบกายอย่างสนอกสนใจ เธอชื่นชอบและหลงใหลที่นี่เสียแล้ว
"ทุกคน....เดี๋ยวคืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมBurj Al Arab(บุรจอัลอาหรับ) กันนะครับ เป็นโรงแรมที่หรูหราระดับเจ็ดดาวและเป็นสัญลักษณ์แห่งดูไบ” เสียงเข้มสุขุมดังขึ้น เมื่อหันมองไปก็เป็นเสียงของครรชิตที่เปร่งออกมาเพื่อบอกกล่าวลูกทัวร์
((ว้าว))
"ทำไม...?" ม่านฟ้าจ้องมองไปยังครรชิตด้วยความสงสัย และส่งสายตาอย่างเป็นคำถามเมื่อครรชิตนั้นมองมาและส่งยิ้มให้
"ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ...ผมชื่อครรชิต เป็นคนดูแลทุกท่านตลอดทริปนี้ และ...เป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้ครับ"
((ว้าว)) เสียงโห่ร้องของลูกทัวร์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อครรชิตแนะนำตัวจบลง แน่นอนสิเพราะครรชิตหนุ่มหน้าตาดีจะเป็นคนดูแลและบริการพาเที่ยว สาวที่ไหนจะไม่กรี๊ดจริงไหม?
การจัดทริปท่องเที่ยวที่แสนจะพิเศษ เรียกได้ว่าระดับราชนิกูลเลยทีเดียว ด้วยราคาทัวร์ต่อคนนั้นเหยียบแสนกว่าบาทและลูกทัวร์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ก็ไม่แปลกหากเจ้าของบริษัทฯ จะลงมาดูแลความเรียบร้อยเอง
ม่านฟ้าที่ได้แต่ยืนมองครรชิตด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ท่ามกลางเสียงตื่นเต้นของสาว ๆ หลายคน ใช่แล้วล่ะสาวๆ เพราะทริปนี้ไม่มีคนแก่หรือเด็กสักคน แต่ม่านฟ้าหาได้สนใจไม่ แค่ตกใจกับการได้ยินและรับรู้ครั้งแรกเท่านั้น ทุกอิริยาบถจึงเข้าสู่ปกติดังเดิม
เมื่อผู้นำทัวร์ชี้แจงรายละเอียดห้องพัก คู่ที่ต้องนอนร่วมกันตลอดทั้งทริปและทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งหมดจึงมุ่งตรงสู่โรงแรมที่พัก ม่านฟ้าเกิดอาการประหม่าและตื่นเต้นแต่เก็บอาการ เธอจ้องมองรูปภาพของโรงแรมในฝันและตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นความจริง
ความหรูหราตระการตาภายในโรงแรมจนแทบไม่อยากจะละสายตา ความสวยงามที่ฉาบแต่งอย่างอลังการ ม่านฟ้าเดินก้าวขาอย่างช้า ๆ สายตาก็กวาดมองโดยรอบอย่างตะลึงในความสวยงาม และสิ่งก่อสร้างนี้ โดยที่เธอนั้นไม่ได้มองทางสักนิด เพราะหลงใหลกับสิ่งตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาลงได้จริง ๆ
"สวยจริง ๆ" สายตาคมแหงนมองพื้นเพดานสีทอง ถูกตกแต่งด้วยไฟระย้าสวยงามพวงใหญ่ ตุ๊กตาพลทหารน่ารักยืนเรียงเป็นชั้น ๆ จนม่านฟ้านั้นอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ "โอ๊ะ!..." ด้วยความไม่ทันระวัง ม่านฟ้าถอยหลังเพื่อมุมถ่ายรูปที่ต้องการ จนแผ่นหลังบางนั้นชนกระทบเข้ากับของแข็งบางอย่างจึงรีบหันกลับไปมองทันที "ขอโทษค่ะ" ม่านฟ้ารีบก้มหัวและพูดขอโทษเป็นภาษาอังกฤษทันทีตามวิสัยของคนไทยที่มักนอบน้อมเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ตาม
ชายตรงหน้าที่มีใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลา ในแบบฉบับชาวตะวันออกกลาง เปรียบเหมือนมนตราที่สะกดม่านฟ้าให้จ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้อย่างกับโดนมนตร์ดำสะกดไว้
...ไร้เสียงตอบกลับจากฝ่ายตรงข้ามแม้ม่านฟ้าจะเอ่ยขอโทษออกไป มีเพียงสายตาคมดุดันเท่านั้นที่มองมาพร้อมใบหน้าที่นิ่งเรียบ
"ขอโทษอีกครั้ง...ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ม่านฟ้ารีบกล่าวตามมารยาทอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษเมื่อดึงสติกลับมาให้หลุดจากภวังค์ขอบใบหน้าหล่อเหลานั้น "คุณคะ...อ๊ะ!!" มือบางยื่นออกไปหวังจะสะกิดชายตรงหน้า เพราะม่านฟ้าพูดออกไปหลายประโยคแต่กลับไร้น้ำเสียงโต้ตอบกลับมา มีเพียงสายตาคมที่มองมายังเธอเท่านั้น มือบางหวังสัมผัสเพื่อให้ให้ชายตรงหน้าโต้ตอบ เพราะเขานั้นนิ่งเหลือเกินอย่างกับหยุดหายใจ แต่ก็โดนชายชุดสูทสีดำปัดมือบางนั้นออกไปอย่างแรง
ชายคนนั้นเพ่งสายตาคมไปมองชายชุดดำที่ยืนขนาบข้าง พูดเสียงเข้มแต่ม่านฟ้าฟังไม่ออกด้วยภาษาที่เขาใช้กันนั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เธอจึงได้แต่ยืนมองอย่างงวยงง
((คุณม่านฟ้า)) เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้ม่านฟ้าเบนสายตาไปยังต้นเสียง ครรชิตที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังเธอก่อนจะหยุดยืนข้าง ๆ และมองชายคนนั้นที่ยืนอยู่ก่อนหน้า ม่านฟ้างงว่าทำไมเขาไม่พูดอะไรหรือเดินจากไปเสียที หรือเขาเคืองโกรธที่เธอนั้นเผลอชนเขาเข้า
"คุณครรชิต คือฉันชนเขาค่ะ แต่....อ้าว~~~" ม่านฟ้ากำลังแถลงเหตุการณ์เล่าสู่ครรชิตฟัง หวังให้ครรชิตถามไถ่ให้ แต่ไหนเลยชายคนนั้นกลับเดินจากไปทันทีทั้งที่ก่อนหน้าก็นิ่งอยู่นาน แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่เอาเรื่องก็ดีถมไปแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณม่านฟ้า" ครรชิตเอ่ยถาม
"ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าตอบกลับ
"พอดีผมจะมาตาม...บัดดี้ที่จะนอนห้องเดียวกับคุณม่านฟ้ารอเข้าห้องพักอยู่ครับ"
"อ่อ...ขอโทษนะคะ ฉันเดินเพลินไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ...ไปกันเถอะเดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
"ขอบคุณค่ะ" ม่านฟ้าส่งยิ้มให้ครรชิตและเอ่ยขอบคุณ ทันทีที่รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าเสลา ครรชิตนั้นปลื้มปริ่ม ยิ้มกริ่มในใจ รอยยิ้มหวานสดใสที่มองทีไรเป็นต้องทำให้หัวใจครรชิตนั้นสั่นไหวทุกครา
“คุณม่านฟ้ามาเที่ยวคนเดียวหรือครับ” ระหว่างทางที่เดินไปส่งหญิงสาว ครรชิตเอ่ยถามขึ้นเพื่อสยบความเงียบ เพราะม่านฟ้าดูท่าแล้วคงไม่มีทางพูดกับเขาก่อนเป็นแน่
“อ๋อใช่ค่ะ”
“ไม่เหงาหรือครับ ปกติผมเห็นผู้เขาไม่ค่อยไปไหนมาไหนคนเดียว” ครรชิตถามอย่างสงสัยเพราะเท่าที่รู้จักผู้หญิงแทบไม่เจอเลยคนแบบม่านฟ้า มาต่างถิ่นแบบนี้จะมาเพียงลำพัง
“ไม่หรอกค่ะ อีกอย่างฉันไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ มาคนเดียวก็สบายใจดีค่ะ” ประโยคแรกตั้งแต่เดินทางร่วมกันมาที่ม่านฟ้าพูดกับเขายาวเหยียด จนครรชิตนั้นแสดงออกทางสีหน้าด้วยยิ้ม “ยิ้มอะไรเหรอคะ ? ฉันพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ”
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจส่วนมากไม่ค่อยมีผู้หญิงที่จะคิดแบบคุณเท่าไหร่” ครรชิตบอกอย่างเขินอายเมื่อถูกจับได้เพียงรอยยิ้มบนใบหน้า
“แฟนหรือคะ ?”
“ผมยังไม่มีใครครับ” ครรชิตรีบพูดทันทีเมื่อคำถามออกจากปากของม่านฟ้า หญิงสาวที่หมายตาตั้งแต่แรกเห็น “ถึงห้องพอดีครับ”
“ขอบคุณที่เดินมาส่งนะคะ” ม่านฟ้าส่งยิ้มอ่อน ๆ พร้อมเอ่ยของคุณ
“พักผ่อนให้สบายนะครับ แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้เช้า”
“ค่ะ”
“คุณม่านฟ้าเข้าห้องเถอะครับ” ครรชิตบอกและม่านฟ้าก็ส่งยิ้มสุดท้ายของค่ำคืนนี้แก่ชายตรงหน้าก่อนจะเคาะห้องพักแล้วเดินหายลับเข้าไปทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่มันยังคงฝังในใจของครรชิตให้นอนหลับฝันดีในคืนนี้เท่านั้น....