๘ หลงใคร (๒)
“แต่มันคือเสน่ห์ของคนิ้งนะ ผมชอบที่เธอยิ้มยาก ชอบที่เธอทำอาหารให้กิน ชอบที่เห็นเธอมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และชอบที่ได้ยืนข้างเธอในวันแต่งงาน อีกอย่าง...คนที่ช่วยน่ะ ใครจำไม่ได้กันแน่” สองคนมองตากันทำเอาพิธีกรต้องเอ่ยแซว
“โอ๊ย มดกัดครับมดกัด หวานกันจริงเลยคู่นี้” เสียงปรบมือดังขึ้น พร้อมกับเพลงที่เริ่มบรรเลงยามชายหญิงลงไปข้างล่าง
ช่วงส่งตัวผ่านไปตั้งแต่เช้าแล้ว คืนนี้จึงสามารถเมาได้เต็มที่ คีรินทร์เลือกไปนั่งดื่มเหล้ากับบิดาทั้งที่เมื่อคืนก็ยกไปหลายแก้วจนเกือบตื่นไม่ทัน ส่วนมธุรดาก็ไปเปลี่ยนชุดมารับประทานอาหาร เพราะไม่ได้แตะอะไรมาตั้งแต่บ่ายแล้ว
งานผ่านไปอย่างเรียบง่าย เน้นความสนุกสนานของคนงานมากกว่า เหมือนกับเป็นการฉลองที่ขายพืชผลทางการเกษตรได้ทะลุเป้า เจ้าของไร่ทั้งสองคนเลยตัดสินใจเลี้ยงวันเดียวกับงานแต่งเสียเลย ทำเอาคนงานมีความสุขกันใหญ่
“แม่จัดห้องคีไว้ให้แล้ว คืนนี้นอนที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยย้ายไปอยู่บ้านในเมือง” บุลลาพาลูกสะใภ้เดินมาที่บ้านหลังเล็กของลูกชาย แล้วเปิดประตูให้เข้าไปพักผ่อน
คุณพณณกรซื้อเรือนหอไว้ให้ทั้งสองเป็นบ้านจัดสรรในตัวเมือง ขนของบางส่วนเข้าไปเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะขนของที่เหลือเข้าบ้าน ต้องไปปรามสองพ่อลูกไม่ให้เมาหนักจนพรุ่งนี้ตื่นมาเก็บของไม่ไหวเสียแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะ เอ่อ คุณแม่” ไม่ชินกับการเรียกบุลลาว่าแม่ จึงเติมคำว่าคุณข้างหน้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ มาอยู่ในสถานะนี้ก็รู้สึกแปลกๆ
ภรรยาเจ้าของไร่ยิ้มให้แล้วผละออกไปหาสามี เหลือเจ้าสาวเพียงคนเดียว เธอจึงสำรวจบ้านที่เคยเข้ามาแค่ครั้งเดียว ตอนนี้โล่งขึ้นเพราะชายหนุ่มเก็บของใส่ไว้ในกล่องกระดาษบางส่วน คาดว่าคงเอาไปไว้เรือนหอที่จะอยู่ด้วยกัน
คิดแล้วก็นึกกลัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นนี้ เธอจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน รักที่มีมันจะเป็นนิรันดรหรือเปล่า ถอนหายใจอออกมาอย่างหนักอก
ช่างมันเถอะ...ขอแค่ไม่ก้าวก่ายกันก็พอแล้ว ต่างคนต่างอยู่คงไม่เป็นไรหรอก
สะบัดศีรษะไล่ความคิด เดินเข้าห้องน้ำไปเช็ดเครื่องสำอาง ล้างหน้าและอาบน้ำ ค่อยเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ป้องกันตนเองเต็มที่ไม่อยากถูกล่วงเกิน ยังจำสายตาเจ้าเล่ห์ราวหมาป่าของเขาได้ขึ้นใจ
‘ฉันไม่เป็นพี่น้องกับเมียตัวเองหรอกนะ’
รีบลบประโยคนั้นออกไปจากสมอง ถ้าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องซะอย่างชายหนุ่มจะทำอะไรได้ สุดท้ายจึงเดินไปล็อคประตูห้องแล้วเข้านอนทันที ปิดการรับรู้ทุกอย่างเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับลึกเพราะเหนื่อยล้าจากงานจนไม่ได้ยินเสียงเรียกให้เปิดประตู
“นิ้งเปิดประตู เมียจ๋าผัวมาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย”
“นิ้ง ถ้าไม่เปิดฉันพังเข้าไปนะ”
“โอมจงเปิด เปิดเดี๋ยวนี้ เอิ๊ก ไม่เปิด มนต์ใช้ไม่ได้ผลว่ะ” เสียงของเขาดังอยู่หน้าประตู แต่ไม่เข้าโสตประสาทของคนที่นอนบนเตียง สุดท้ายคีรินทร์ก็เป็นเจ้าบ่าวที่น่าสงสาร เพราะคืนเข้าหอต้องนอนหน้าประตูห้องกอดรองเท้าเอาไว้แน่น...
เอ๊กอี้เอ๊กเอก
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงนุ่มแล้วบิดขี้เกียจ ลืมตาตื่นในตอนเช้าของวัน เดินไปเปิดม่านรับแสงยามรุ่งอรุณ หยิบเสื้อผ้าของตนเองแล้วเข้าห้องน้ำชำระกาย เมื่อคืนหลับสนิทในรอบหลายวัน คงเพราะเหนื่อยจากการเตรียมงานแต่ง
ว่าแต่...คุณคีไปนอนที่ไหน
เธอล็อคประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา กลัวเขามาทำมิดีมิร้ายตอนหลับ สงสัยคงดื่มเยอะจนไม่กลับบ้าน คิดดังนั้นถึงได้ก้าวไปที่ประตู เปิดออกก่อนจะสะดุ้งเมื่อพบว่าร่างสูงนอนขวางบานไม้หนาเอาไว้ ก้มมองสามีทางนิตินัยที่นอนกอดรองเท้า
“คุณคี ไปนอนดีๆ ค่ะ” สงสารเขาจนต้องย่อกายลงแล้วบอกเสียงนุ่ม ทว่าคนเมาก็ปัดไม้ปัดมือก่อนหันไปอีกทาง ราวกับว่าเสียงของหล่อนกำลังรบกวนฝันอันแสนสุขของเขา
มธุรดาจึงตัดสินใจเดินเลี่ยงเพื่อออกจากบ้านหลังน้อย ปล่อยให้ร่างสูงนอนอยู่บนพื้นเหมือนเดิม ทางเดินทอดยาวไปหยุดที่บ้านหลังแรก ซึ่งเป็นศูนย์รวมของครอบครัว ยามเช้าก็มารับประทานอาหารด้วยกัน
แต่ดูเหมือนวันนี้บนโต๊ะจะเหลือเพียงบุลลา ภูตะวันและมธุรดาเสียแล้ว ในเมื่อสองพ่อลูกดื่มหนักเมื่อคืนจนลุกมารับประทานข้าวเช้าไม่ไหว สะใภ้คนเล็กช่วยแม่สามีทำอาหาร เรียกความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกลูกสะใภ้คนนี้
“คีล่ะครับแม่” ภูตะวันเดินเข้ามาในบ้านแล้วนั่งประจำที่ มองไม่เห็นน้องชายก็ถามขึ้น ส่วนบิดาไม่บอกก็รู้ว่าคงแฮงค์จากการดื่มเหล้าเมื่อคืน ตื่นอีกทีน่าจะเที่ยงวัน
“ถามเมียเขาสิ มาถามแม่ทำไม” มธุรดาเกือบทำถ้วยร่วง ดีที่จับไว้แน่นจึงได้วางลงบนโต๊ะ ข้าวเช้าวันนี้คือข้าวต้มปลาและผัดผักบุ้งไฟแดง น้ำส้มคั้นสดๆ เสิร์ฟคู่กัน
“ว่าไง คีไปไหนเหรอ” ร่างสูงถามด้วยสายตาล้อเลียน เล่นเอาหล่อนพูดไม่ออก
“เอ่อ คือคุณคียังไม่ตื่นค่ะ” ไม่กล้าบอกเลยว่าเมื่อคืนเธอปล่อยให้สามีนอนนอกห้อง แถมยังกอดรองเท้าเอาไว้แน่นอีก
“อืม สงสัยเมื่อคืนหนักไปหน่อยเนอะ” หล่อนนั่งลงตรงข้ามภูตะวัน เห็นเขาเอ่ยล้อก็แก้มแดง ก้มหน้าจนแทบจะมุดชามข้าวต้ม คุณบุลลายิ้มเอ็นดูลูกสะใภ้ เริ่มรับประทานอาหารเช้าพร้อมนัดแนะเก็บของย้ายเข้าบ้านจัดสรร
ส่วนยายบานเย็นก็จะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านตามความต้องการของลูกสาว ปล่อยร้านอาหารให้ลูกจ้างดูแล ค่อยไปตรวจตราสัปดาห์ละครั้งก็พอ
เมื่อรับประทานอาหารเช้าจนอิ่มก็เก็บจานไปล้างแล้วค่อยเดินกลับห้อง เธอไม่ค่อยอยากเข้าไปสักเท่าไหร่ กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาโวยวาย จึงค่อยเปิดบานประตูช้าๆ มองพื้นตรงกลางห้องที่คีรินทร์เคยนอนหลับ ทว่าตอนนี้กลับไม่พบแม้แต่เงาของชายหนุ่ม
หายไปไหนของเขา...
ปิดประตูลงแล้วเดินเข้าไปข้างในห้องนอน คิดว่าร่างสูงน่าจะไปนอนบนเตียงแต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า แล้วอย่างนั้นเขาหายไปไหน
แอ๊ด
สะดุ้งแล้วหันไปมองประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก เห็นสามีทางนิตินัยนุ่งผ้าเช็ดตัวพันด้านล่างเพียงผืนเดียวก็ไม่กล้ามอง
“นี่เธอ! เมื่อคืนฉันเรียกทำไมไม่เปิดประตูให้ รู้ไหมว่าฉันต้องทนร้อนนอนหน้าประตู” คว้าไหล่บางให้หันมาสบตาพลางพูดเสียงดัง เล่นเอาคนตัวเล็กยิ้มแหย่อย่างรู้สึกผิด นอนหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียง แต่ถึงจะได้ยินเธอก็ไม่เปิดให้เขาอยู่ดี
ขอปลอดภัยไว้ก่อนแล้วกัน ไม่รู้จะโดนทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า ตอนนี้กะจะเจรจาสงบศึกและเป็นมิตรกับชายหนุ่ม
“นิ้งไม่ได้ยินค่ะ คุณคีเรียกนิ้งด้วยเหรอคะ” ตีหน้าซื่อถามกลับ
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อเหมือนไม่รู้เรื่องเลยนะ ฉันเรียกเธอเป็นชั่วโมงจนเสียงแหบไปหมด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องนอนหน้าประตูห้องนอนตัวเอง เธอมันยัยแม่มด!” ตะโกนว่าเธอแล้วค่อยปล่อยให้เป็นอิสระ มธุรดาค่อยพรูลมหายใจออกมาช้าๆ
พยายามเบนสายตาหนีไม่มองแผ่นหลังกว้าง “คุณคีจะทำอะไรคะ!” เห็นเขากำลังจะปลดผ้าเช็ดตัวเลยร้องถามเสียงหลง
วิศวกรหนุ่มหันหน้ามาแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คุณภรรยา ค่อยก้าวเข้ามาใกล้คนที่พยายามหลบสายตา คิดอะไรดีๆ ออกแล้ว
“ก็จะใส่เสื้อผ้าน่ะสิ แต่ก่อนใส่ก็ต้องถอดผ้าเช็ดตัวที่ตอนนี้ไม่มีอะไรปกปิดความใหญ่โตของฉันเลย เคยเห็นไหมไอ้ความใหญ่โตน่ะ อยากเห็นหรือเปล่า เดี๋ยวฉันเปิดให้ดูเธอจะได้ชินเร็วๆ” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นพลางส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” รีบผละออกกำลังจะเดินไปจากห้อง แต่แขนเรียวก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ จะไปไหน ยังไม่ได้เห็นมังกรยักษ์ของฉันเลย” คุณครูคนเก่งตอนนี้เริ่มจะไม่สู้เสียแล้ว เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ยิ่งทำให้คีรินทร์สนุกเข้าไปใหญ่
“ไม่ดูค่ะ ปล่อยนิ้งนะคุณคี” พยายามปลดมือเขาออก แต่แข็งเป็นเหล็กขนาดนี้เธอทำอย่างไรก็ไม่ออกเสียที
“พูดเป็นแต่คำว่าไม่เหรอ ไหนลองตอบว่าอยากดูค่ะซิ เดี๋ยวจะปล่อยเลย” อมยิ้มเจ้าเล่ห์และหล่อนก็ไม่มีทางเชื่อคนร้อยมารยาอย่างเขาหรอก
“มะ...” กำลังจะปฏิเสธแต่ร่างสูงก็ขัดอีกครั้ง
“ตอบไม่ฉันจับจูบนะ จูบตอนนี้เลย จูบเสร็จกดต่อบนเตียง เอาไงดี” ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอเขาเล่นไม้นี้ หญิงสาวเม้มปากแน่นดวงตาคลอด้วยน้ำใจ ทั้งเจ็บใจและอับอายที่โดนเขาแกล้งโดยไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
“คุณมันโรคจิตที่สุดเลย” ว่าแล้วก็กระทืบลงบนหลังเท้าเขาอย่างแรงจนคนตัวสูงสะดุ้ง ปล่อยมือออกจากแขนเรียวก่อนจะกระโดดโหยงทั่วห้อง
“ยัยบ้า มันเจ็บนะ!” โวยวายเสียงดังขณะที่หน้าเริ่มแดงก่ำ กุมเท้าตัวเองเอาไว้เห็นว่ามันแดงเถือกเพราะหญิงสาวไม่ยั้งแรงสักนิด
“ขอโทษนะคะ แต่สมน้ำหน้าค่ะ” เขาเผยอปากอึ้ง ไม่คิดว่าจะโดนสมน้ำหน้าจากผู้หญิงหงิมๆ คนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คนเรียบร้อยอย่างที่คิดเสียแล้ว
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์ของนายคีรินทร์บ้าง มองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกจากห้องนอนแล้วหมายมาดเอาไว้ในใจ แต่ตอนนี้คงต้องสวมเสื้อผ้าเสียก่อน นัดกับแม่ไว้ว่าจะขนของเข้าบ้านที่ท่านซื้อให้
ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร หรือไปซื้อกันตอนไหน เตรียมการดีเหลือเกิน ทั้งจดทะเบียนสมรส ไหนจะบ้านจัดสรรอีก เป็นเจ้าบ่าวที่รู้ก่อนวันแต่งแค่วันเดียว
ชีวิตคือเรื่องเซอร์ไพรส์ โสดอยู่ดีๆ ดันมีเมียซะอย่างนั้น...
แล้วดันเป็นผู้หญิงหน้าตาเฉิ่มเชยอีกด้วย มาลองดูกันสักตั้งว่าจะอยู่กันไปได้นานแค่ไหน เธอจะรับมือกับเขาได้หรือเปล่า เกมนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ
แต่ของบอกเลยว่านายคีรินทร์คนนี้ไม่เคยแพ้ และมธุรดาต้องล่าถอยขอเอ่ยปากหย่าด้วยตนเอง!