บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 หมดความมั่นใจ2

ในห้องพักสำนักวิหคบุปผา กลิ่นกำยานลอยเอื่อย ช่วยผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง หลินเล่อเจินยอมอยู่กับมารดา ทั้งสองพูดคุยกันจนดึกดื่นไม่มีง่วงนอน

กัวรั่วหลานเคาะจมูกเล็กของบุตรสาวคนโตอย่างเอ็นดู เอ่ยอย่างจนใจว่า “พ่อของเจ้า แม้แม่ไม่ถึงขั้นเกลียดแต่ก็ยังไม่หายโกรธ ปล่อยเขาโทษตัวเองไปเช่นนี้ย่อมดีแล้วส่วนแม่ ทุกความผิดพลาดในชีวิตคู่แม่ก็โทษตัวเองเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุด ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะวาสนาชะตากรรม เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองแต่งงานเพื่อพยุงสกุลหลิน บุรุษผู้นั้นแม้ดีเลิศ ทว่าไม่เหมาะกับเจ้าสักกะผีก”

หลินเล่อเจินยังโน้มน้าวเหมือนทุกคราที่เจอมารดา “แต่ท่านแม่ ท่านสามารถกลับไปหาท่านพ่อได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านพ่อยังคงรักและคิดถึงท่านอยู่มาก”

“หากแม่กลับไปหาพ่อเจ้า แล้วสตรีที่อยู่ตอนนี้เล่า เจ้าจะให้นางไปทางใด?”

ย่อมหมายถึงเหอรั่วซี สตรีผู้นี้น่าเห็นใจเช่นกัน หลินเล่อเจินถึงขั้นอึ้งงัน คิดไม่ตกกะทันหัน

เดิมทีนางคัดค้านงานแต่งแล้ว แต่ล้วนไม่เป็นผล คนจึงทำเรื่องพลาดด้วยการดึงสตรีดีงามผู้หนึ่งเข้ามา

สีหน้ากระอักกระอ่วนและแววตากังวลจนปวดใจ มีหรือคนเป็นมารดาจะมองไม่ออก กัวรั่วหลานเอื้อมนิ้วขึ้นปัดปอยผมทัดหูให้บุตรสาว กล่าวอย่างอ่อนโยนต่อเนื่องว่า

“เจินเอ๋อร์หนอเจินเอ๋อร์ เจ้านี่นะ คิดถึงแต่ผู้อื่น แม่จะบอกให้นะ เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงเหอรั่วซีผู้นั้นเลย”

“แต่ท่านแม่ ข้าเป็นคนนำพาอีกฝ่ายเข้ามาเจ้าค่ะ” หลินเล่อเจินยอมรับออกมาอย่างรู้สึกผิดท่วมท้น

กัวรั่วหลานส่ายหน้ายิ้มหยัน “เจ้าไม่รู้อะไร ที่แท้เหอรั่วซีมีนามเดิมว่าเหอเสวี่ย แต่นางเพิ่งเปลี่ยนชื่อก่อน ค่อยติดต่อแม่สื่อเพื่อดูตัวกับพ่อเจ้า”

หลินเล่อเจินกะพริบตา ยังมิค่อยเข้าใจเท่าใด

กัวรั่วหลานจึงอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยอีกว่า “แม่เพิ่งสืบรู้เมื่อไม่นาน ที่แท้เหอเสวี่ยอยู่เบื้องหลังถานเจียซิน เป้าหมายคือยุยงให้พ่อเจ้าหย่าร้าง จากนั้นนางก็เข้าทางเจ้า ยอมร่วมมือกับเจ้าที่เป็นเด็กน้อยจนได้แต่งเป็นภรรยาเอกให้แก่พ่อเจ้า ทว่าน่าเสียดาย นางคงคาดไม่ถึงว่าต้องอยู่ในสภาพเช่นทุกวันนี้ แม้จะเปลี่ยนชื่อคล้ายแม่ แต่งกายเลียนแบบแม่ ทำตัวปรุงนิสัยเหมือนแม่ทุกอย่าง แต่พ่อเจ้ากลับไม่เข้าหา อีกทั้ง สกุลหลินยังตกต่ำย่ำแย่ลงทุกวัน นางเคยแอบส่งข่าวให้สกุลเดิมช่วยหาทางหย่าร้าง แต่เมืองหลวงเคร่งครัดเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือ”

ผู้ฟังมีสีหน้ามิอาจเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร?”

“ดังนั้น ต่อไปนี้คิดถึงแต่ตัวเองก็พอ เจ้าไม่ต้องคิดถึงผู้อื่นอีกแล้ว คนพวกนั้นไม่มีค่าพอให้เจ้าต้องใส่ใจอะไรอีก โดยเฉพาะคู่หมั้นคนนั้น”

“ท่านแม่ ข้าเคยคุยเปิดอกกับพี่อวิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และข้าก็ให้อภัยเขาแล้วเจ้าค่ะ”

กัวรั่วหลานเอ่ยอย่างรู้เท่าทัน “เขาพูดว่าขอโทษ แล้วขอโอกาสแบบหว่านล้อมด้วยคำหวานกระมัง?”

หลินเล่อเจินพยักหน้าอย่างอึ้งๆ “เขาบอกว่าสิ่งที่ทำแค่ผิดพลาดไป หากแต่งงานอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต เขาจะดีกับลูกแค่คนเดียว สตรีอื่นไม่ข้องเกี่ยว หรือต่อให้ต้องมีใคร เขาจะให้ข้าเป็นคนจัดการผ่าเผย ไม่หักหลังลอบคบหาอีก”

กัวรั่วหลานจับปลายคางบุตรีคนโต “เจินเอ๋อร์ลูกแม่ หากเจ้าคิดว่าลู่อวิ้นจะตัดสตรีอื่นให้เด็ดขาดอย่างหมดจดหลังแต่งงานกับเจ้าจึงเพียงแอบเลี้ยงดูนอกเรือน มิได้รับขึ้นเกี้ยวมาเป็นอนุ นั่นคือเจ้าคิดผิด หรือเจ้าคิดว่าเขาจะรักใคร่ภรรยาเช่นเจ้าด้วยใจ ทะนุถนอมด้วยชีวิต คิดประคองฟูมฟักไว้ในอุ้งมือ ให้เกียรติตลอดไป อีกคนเขาคิดแค่เรื่องบนเตียง เพียงตระกองกอดใต้ร่าง เติมเต็มให้อิ่มเอมเรื่องชายหญิงอย่างไม่ต้องถนอมหรือยั้งมืออันใดนั่น ยิ่งเป็นความคิดที่ผิดพลาดทั้งหมด”

หลินเล่อเจินกะพริบตา มองมารดาผู้รู้ทันอย่างอึ้งงัน นางคิดเช่นนั้นจริงๆ

กัวรั่วหลานจึงตัดบท “เอาล่ะ! ตกลงถอนหมั้นนะ เป็นอันจบ ยุติข้อโต้แย้งได้แล้ว”

หลินเล่อเจินถอนหายใจส่ายหน้าช้าๆ “แต่ท่านแม่การหมั้นหมายกับบุตรชายขุนนางใหญ่มิอาจยกเลิกโดยง่าย หากข้าย้ายตัวเองมาเช่นนี้โดยที่ยังคงมีสัญญาหมั้นกับสกุลลู่ คงไม่แคล้วต้องเปลี่ยนตัวว่าที่เจ้าสาวเป็นน้องหรือเจ้าคะ? แล้วซิงเยียนเล่า ท่านแม่ไม่ห่วงหรือ? จะปล่อยให้น้องต้องข้องเกี่ยวกับผู้ชายแบบนั้นได้ยังไง? หากชั่วชีวิตต้องจมปลักอยู่กับบุรุษเช่นนี้ มิสู้เป็นข้าที่เสียสละดีกว่าเจ้าค่ะ”

นอกจากไม่ห่วง กัวรั่วหลานยังหัวเราะเบาๆ “เด็กโง่ คนที่ต้องห่วงคือคุณชายลู่ผู้นั้นต่างหาก”

แม้มีใบหน้าเหมือนกัน แต่นิสัยของหลินเล่อเจินกับหลินซิงเยียนกลับต่างกันมาก นั่นจึงทำให้กัวรั่วหลานไม่ค่อยห่วงบุตรสาวคนเล็กเท่าใด เอาใจช่วยมิให้ลู่อวิ้นกระอักเลือดตายไปเสียก่อนยังจะดีกว่า

“น้องรองจะฆ่าเขาหรือเจ้าคะ?” หลินเล่อเจินตกใจ “เขาแค่มีหญิงอื่นไม่ถึงขั้นชดใช้ด้วยความตายหรอกเจ้าค่ะ อีกอย่าง หากเขาตายปัญหาใหญ่แน่นอน”

หญิงสาวเริ่มเห็นเค้าลางความวุ่นวายสองสกุล “ท่านแม่ การหมั้นกับบุรุษมากรักมิใช่ปัญหาใหญ่เลยเจ้าค่ะ หากเทียบกับปัญหาอื่นระหว่างสกุลหลินกับสกุลลู่”

“ลูกแม่ หยุดคิดเพื่อสกุลหลินก่อน สำคัญที่ผู้แซ่ลู่ต่างหาก คนผู้นี้คิดว่าเจ้าเป็นสตรีใจดีอ่อนแอและควบคุมจัดการง่าย แต่งเจ้ามาเพียงเพื่อให้ดูแลหลังเรือนเท่านั้น ส่วนตัวเขาก็แค่ร่ำสำราญกับอนุเต็มจวนไปวันๆ ต่อให้เจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยปานใดก็หาได้ใส่ใจไม่ ตรงนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา”

“ท่านแม่ ที่ท่านกล่าวมาตัวข้าล้วนไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เขาจะโปรดปรานใครข้าไม่ใส่ใจสักนิด แค่ให้เกียรติกันก็พอ ยังจะดูแลอนุของเขาอย่างดีด้วย”

กัวรั่วหลานจับคางบุตรสาวส่ายไปมาอย่างเข่นเคี้ยว

“เด็กโง่ แม่รู้ ถ้าเป็นแค่นั้นย่อมไม่คณามือเจ้า แต่อาจมีเหตุผลอีกหนึ่งประการที่ร้ายแรงยิ่งกว่า นั่นก็คือสตรีผู้นั้นกับผู้แซ่ลู่มีความผูกพันธ์กันมาก พวกเขารักกัน  แต่มีเหตุให้เขาไม่อาจมอบฐานะฮูหยินให้ได้ แต่กลับมอบใจให้แล้วทั้งดวง เช่นนี้ ตัวเจ้าจะต่างอันใดกับสตรีไร้ยางอายแย่งชิงบุรุษผู้อื่น”

วาจาเช่นนี้ได้ผลชะงัด หลินเล่อเจินส่ายหน้าทันที

“ท่านแม่ ข้าไม่คิดแย่งชิงคนรักของใครเด็ดขาด”

“บุรุษเช่นนั้นต่อให้เจ้าไม่แย่งชิงก็ยังถูกตราหน้าอยู่ดี คิดดู เขากับสตรีที่ซุกซ่อนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเนิ่นนาน เจ้าที่แม้จะได้แต่งงานแต่ก็ยังเป็นคนที่มาทีหลัง เป็นสตรีที่มาแทรกกลางความรักของพวกเขา”

“โอว...” หลินเล่อเจินให้รู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง นางลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลย

กัวรั่วหลานทำเสียงเข้มขึ้น “เจินเอ๋อร์บอกแม่มา เจ้าอยากแย่งเขาจากหญิงอื่นใช่หรือไม่?”

หลินเล่อเจินส่ายหน้าพรืด “ไม่เจ้าค่ะ ไม่เด็ดขาด”

“รักเขาหรือไม่?”

“ไม่เจ้าค่ะ ข้าแต่งเพื่อสกุลเท่านั้น” หลินเล่อเจินอยากร้องไห้แล้ว นางปฏิเสธอย่างเร็ว

เด็กสาวเบิกตาจนกลมโตท่าทางลนลานอย่างยิ่ง เหมือนกระต่ายตัวน้อยอย่างไรอย่างนั้น น่าเอ็นดูเหลือเกิน กัวรั่วหลานอมยิ้มจนปวดแก้ม ลูกสาวคนโตของนางน่ารักน่าทะนุถนอมหาใดเปรียบ

“เอาล่ะๆ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้ามีแนวคิดเรื่องคู่ครองเช่นนั้น มิใส่ใจหากเขาจะรับอนุภรรยาเข้ามากี่คน แม่ก็ไม่ต้องกังวลอันใดมาก แต่หากว่าเป็นบุรุษอ่อนแอปกป้องเจ้าไม่ได้ นี่ต่างหากที่แม่กังวลที่สุด ดังนั้น บุรุษแซ่ลู่ตัดไปเถอะ เจ้าเตรียมตัวแต่งกับคนที่แม่เลือกให้ดีกว่า เพียงแต่เขาจะเลือกฝ่ายเราหรือเปล่ายังคงเป็นปัญหา”

หลินเล่อเจินกะพริบตา เริ่มงงเล็กน้อย

กัวรั่วหลานหัวเราะเบาๆ กล่าวต่ออย่างไม่ยี่หระว่า “แต่แม่เชื่อว่าสำนักวิหคบุปผาของแม่ต้องเข้าตาสำนักเขา เพราะแม่หมายตาเขาไว้แล้ว คนผู้นี้หล่อเหลางามสง่าและล้ำเลิศยิ่งกว่าคนที่สกุลหลินเลือกให้เจ้าแน่นอน”

“เขาเป็นใครหรือเจ้าคะ?”

“เจ้าสำนักพยัคฆ์เมฆา เป็นคนหนุ่มที่เที่ยงธรรม ฝีมือยุทธ์สูงส่ง ชื่นชอบแต่การฝึกวิชายุทธ ไม่ใฝ่หาอิสตรี และที่สำคัญ แม่เห็นเขาตั้งแต่ยังเป็นแค่เด็ก นิสัยใจคอดียิ่ง แม่พูดได้เต็มปากเลยว่าดียิ่งกว่าบุรุษในเมืองหลวงด้วยซ้ำ”

หลังจากนั้น กัวรั่วหลานก็เริ่มสาธยายว่าที่คู่หมายคนใหม่ของบุตรสาวคนโตให้ฟังอย่างออกรสออกชาติ

หลินเล่อเจินมองสีหน้าเปี่ยมสุขของมารดายามพูดถึงว่าที่ลูกเขยอย่างพึงใจขั้นสุด นางจึงทำได้เพียงพยักหน้า

สำหรับนาง ความรักเป็นเรื่องเพ้อฝัน การหึงหวงเป็นทะเลทุกข์ การยึดติดเป็นสิ่งที่ไร้ความสุขชั่วชีวิต

ดังนั้น เงื่อนไขเดียวของว่าที่สามีที่นางต้องการก็คือ เป็นใครก็ได้ แค่มีน้ำใจให้กันก็พอ นางไม่ขอหัวใจเขาหรอก

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น การปฏิเสธย่อมไม่เกิด

การเกี่ยวดองสองสำนักเพื่อความยิ่งใหญ่ในยุทธภพย่อมไม่แตกต่างจากการเชื่อมสัมพันธ์สองสกุลในเมืองหลวง ล้วนสมเหตุสมผล ไม่มีข้อกังขาติดขัด

“ข้าเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel