บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 รู้สึกผิด

เจ็ดปีผันผ่าน

ภายใต้การลอบจัดการของเด็กหญิงหลินเล่อเจิน จวนหลินจึงอยู่ในความสงบสุขไร้ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย  นางเป็นพี่หญิงใหญ่ที่น้องชายเชื่อฟังทุกคำ บิดาเองก็ตามใจ ผู้เฒ่าล้วนไว้วางใจ ทั้งฮูหยินเอกคนใหม่อย่างเหอรั่วซีและบรรดาอนุที่บิดารับมาเพียงเพื่อปรนเปรอล้วนไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางสักคน แม้แต่ถานเจียซินเองที่ยังคงเศร้าใจเรื่องลูกชายตัวเองที่กลายเป็นลูกคนอื่นมิคลาย นางคลั่งแค้นเจียนตายแต่ทำอันใดมิได้กระทั่งคล้ายหนูป่วยใกล้ตายเต็มที

เรื่องราวเป็นเช่นนี้ หลินเล่อเจินล้วนรู้สึกพึงพอใจ เพียงแต่...หญิงสาวรู้ดีว่ามารดาไม่มีวันกลับมาหาบิดา กระนั้นนางยังคงคาดหวังว่าความรักของพวกเขายังคงอยู่ ตลอดเวลาหลินเล่อเจินจึงทำให้บิดาคิดถึงมารดาทุกวัน ไม่ว่าท่านจะทรมานปานใด แต่ต้องจดจำไว้ห้ามลืมเลือน

ทว่าสุดท้าย นางก็ได้ตระหนักและรู้ซึ้งว่าการจมปลักกับคนรักที่หนีหายไม่หวนคืนนั้นคือดาบสองคม

ความทุกข์ตรมไม่เคยปราณีใคร

ทุกวันหลินหานเจ๋อยังคงเอาแต่คิดถึงอดีตภรรยานามกัวรั่วหลานจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาหมกมุ่นครุ่นคิด ระลึกถึงเรื่องราวผิดพลาดจนฟุ้งซ่านบ่อยครั้ง กระทั่งส่งผลให้กระบวนการขบคิดต่องานราชการที่ทำเกิดความล่าช้า กลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้อื่นแทรกแซงเล่นงานจนเพลี่ยงพล้ำ ทำให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสำนักราชบัณฑิตหลวงมาช้านาน ไม่ก้าวหน้าขึ้นสูงกว่านั้นมาหลายปีแล้ว โชคดีที่ไม่ถูกปลด อาจเพราะความดีที่สั่งสมและไร้ความผิดให้ถึงขั้นเอาโทษ แต่ผลงานที่ไม่ถูกต่อเติมจะสามารถยืนหยัดในราชสำนัก รักษาอำนาจบารมีได้นานเท่าใดก็สุดรู้

นายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่กลัดกลุ้มอย่างทำอะไรมิได้นอกจากเรียกมาตำหนิก่อนค่อยๆ เอ่ยเตือนสติ แต่ก็เหมือนบุตรชายฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวามาโดยตลอด ยังคงทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่กระตือรือร้นในหน้าที่การงาน เหมือนคนไร้ความสามารถไม่มีวาสนาในราชสำนักไปแล้ว

เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า คราแรกพวกท่านถึงได้คัดค้านอย่างเต็มที่ เพื่อทัดทานการแต่งงานของบุตรชายกับหญิงต่างเมืองอย่างกัวรั่วหลาน หากเป็นคุณหนูเปราะบางในห้องหอเรื่องราวในครอบครัวของบุตรชายคงไม่อนาถกระทั่งต้องจบลงเช่นนี้

ฮูหยินน้อยสกุลหลินย่อมรับได้หากสามีรับอนุเข้ามาสักสามสี่คน หรือมากกว่านั้น

แต่นี่...แค่คนเดียวยังทำตัวโอหังจนบ้านแตกพังยับ

ผู้เฒ่าทั้งสองยังคงกล่าวโทษกัวรั่วหลานไม่จบไม่สิ้น

เหตุเพราะหลินหานเจ๋อไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกออกไปถึงความโง่เขลาของตน ที่ครั้งหนึ่งเคยพลั้งเผลอหลงมารยาหญิงอื่นจนนำมาสู่การนอกใจภรรยา

ส่วนถานเจียซินเองก็มีความร้ายกาจมารยาเหลือล้น คนจึงยังคงเป็นสตรีแสนดีผู้ถูกกระทำในสายตาสองผู้เฒ่า เพียงแต่ด้วยตำแหน่งอนุต่ำต้อย พวกท่านจึงไม่ใส่ใจเท่าใด อย่างน้อยก็มีหลานชาย ใครจะเป็นจะตายล้วนไม่สำคัญ

ในขณะที่จวนหลินได้ทายาทชายสืบทอดแล้วนั้น กลับถึงคราวตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย

แม้เบื้องบนคือนายท่านผู้เฒ่าหลิน แต่ก็เป็นเพียงอดีตขุนนางชราปลดเกษียณที่เจ็บป่วยใกล้สิ้นอายุขัยเต็มที ส่วนบุตรชายหนึ่งเดียวที่เป็นผู้นำคนปัจจุบันกลับไม่มีเรี่ยวแรงสร้างผลงานใหญ่อย่างฮึกเหิม ในขณะที่ผู้สืบทอดยังคงเป็นแค่เด็กเจ็ดขวบเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเพียงบุตรอนุที่ยกให้เลี้ยงดูในนามฮูหยินเอกที่ไร้ปากเสียงคนหนึ่ง

ไม่บอกก็รู้ว่าภายภาพหน้าหากสิ้นหลินหานเจ๋อ  จวนหลินอาจจะถึงคราวตกต่ำมากกว่านี้เพียงไร

เรื่องเหล่านี้ทำหลินเล่อเจินให้รู้สึกย่ำแย่ยิ่งกว่าใคร

เพราะนางใช่หรือไม่ที่เป็นคนทำให้บิดากลายเป็นบุรุษไร้ความก้าวหน้า สกุลหลินตกต่ำเพราะนางโดยแท้...

หลินเล่อเจินให้รู้สึกผิดเหลือเกิน

ทั้งยังหมดความมั่นใจในตัวเองจนสิ้น

นางมองเหม่อจากริมระเบียงเรือนชั้นสองไปทางทิศอันไกลโพ้น ทิศนั้นอาจมีมารดาของนางอาศัยอยู่

เจ็ดปีที่ผ่านมา มารดาของนางร่ำรวยยิ่งใหญ่มีชีวิตที่อิสระดุจพญาปักษาสยายปีก ต่างกับบิดาที่ยังคงจมปลักเหมือนพยัคฆ์เฒ่าถูกขัง ทั้งสองแตกต่างกันมากมายนัก

แน่นอนว่าแผนการของหลินเล่อเจินได้ผลชะงัด แต่กลับผิดคาดไปหมด นางให้รู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก

มิใช่ว่าหลินเล่อเจินไม่เคยเจอมารดา ใช่ว่าไม่เคยพูดจาโน้มน้าวขอร้องให้มารดาอภัยแล้วให้กลับมาเริ่มต้นสานสัมพันธ์ครั้งใหม่กับบิดา

ทว่ากลับได้ยินประโยคไม่แยแสว่า

‘ขณะที่แม่กำลังเลี้ยงดูพวกเจ้าอย่างยากลำบาก พ่อเจ้ากลับลักลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงอื่นใต้จมูกแม่’

เหตุผลนี้กัวรั่วหลานกล่าวอย่างมีโทสะไม่เสื่อมคลาย เรื่องราวจึงไม่เคยง่ายสำหรับหลินเล่อเจินมาโดยตลอด

‘เจ้าฟังแม่นะ สตรีหยิ่งยโสทะนงตนผู้หนึ่งยอมละทิ้งถิ่นฐานเดิมเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ยอมอยู่ในจวนที่ไม่รู้จักใครเลยสักคน พวกเขาทุกคนคือคนแปลกหน้า ประหนึ่งคุยกันคนละภาษาด้วยซ้ำ การที่สตรีผู้นั้นยินดีละทิ้งทุกสิ่งมาอยู่กับบุรุษที่รัก นางย่อมปรารถนาการฟูมฟักและคาดหวังว่าสามีจะเป็นที่พึ่งพิง เป็นที่แอบอิงหนึ่งเดียวที่อบอุ่นปลอดภัยตลอดไป ทว่าคนที่ไว้ใจที่สุดกลับใจร้ายที่สุด เจ้าคิดว่าแม่จะยอมกลับไปหรือไม่?’

หลินเล่อเจินได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเหนื่อย

ครั้งหนึ่งหลินเล่อเจินหว่านล้อมโน้มน้าวบิดาสำเร็จ ท่านยอมส่งจดหมายขอคืนดีด้วยลายมือตัวเองให้มารดา ทว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเย็นชาว่ามีสามีใหม่แล้ว

ทั้งๆ ที่มารดาไม่ได้มีสามีใหม่ ไม่ชายตามองบุรุษใด กลับส่งข้อความเช่นนี้มาให้ เห็นได้ชัดว่าไร้หนทางต่อสายใย

ทุกอย่างสายจนเกินไป

ชัดเจนแล้วว่ามารดาไม่มีทางหวนคืนกลับมาหาบิดา แม้ยากยอมรับแต่ลูกย่อมต้องยอมจำนนต่อวาสนาที่สะบั้น

บิดาล้มเลิกการงอนง้อ ท่านไม่ตามขอคืนดีอีกเลย เพียงรับอนุเข้าเรือนมาหลายคนและทำตัวจมปลักต่อไป

ส่วนฮูหยินใหญ่เหอรั่วซีก็เอาดีเพียงดูแลบุตรชาย หมายยึดเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวยามชรา เรื่องดูแลอนุของบิดาล้วนเป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่อย่างหลินเล่อเจิน

หญิงสาวมิอาจไม่แบกรับ

ขณะติดอยู่ในภวังค์แห่งตน เสียงสดใสพลันแทรกเข้ามาในโสตประสาทของหลินเล่อเจิน

“พี่ใหญ่ ท่านเอาแต่คิดมากเรื่องท่านพ่ออีกแล้วนะ”

หลินซิงเยียนเดินมานั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมจานขนมและน้ำชาหอมกรุ่น

สองพี่น้องมักนัดเจอกันเสมอที่เรือนพักริมชานเมือง มีเพียงบิดามารดาเท่านั้นที่ไม่ยอมมาเจอกัน

พวกท่าน คนหนึ่งถือทิฐิแห่งอิสตรีของตน อีกคนก็ถือศักดิ์ศรีแห่งบุรุษเป็นใหญ่ บุตรสาวทั้งสองจึงได้แต่ทำใจ

แฝดผู้น้องถอนหายใจก่อนกล่าวอีกว่า “เดิมทีข้าเองก็โกรธท่านพ่อ เห็นใจเพียงท่านแม่ แต่ยามนี้ข้ากลับรู้สึกว่าท่านพ่อน่าห่วงใยเป็นที่สุด”

หลินเล่อเจินพยักหน้ายิ้มขื่น “ถูกต้อง เช่นนั้นพี่ใหญ่คงไม่อาจรับปากเจ้าได้ เรื่องย้ายตัวเองไปอยู่กับท่านแม่ ยังคงต้องอยู่ดูแลท่านพ่อ ทำทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูจวนหลิน”

หลินซิงเยียนขมวดคิ้วเครียด “เพราะอย่างนั้นพี่ใหญ่จึงยินยอมรับการหมั้นหมายกับผู้ชายที่มิได้รักชอบหรือ”

“อืม...สายสัมพันธ์นี้ย่อมช่วยค้ำจุนสกุลหลินได้”

“เฮ้อ..พี่ใหญ่ หลายปีมานี้ท่านลำบากมามากแล้ว ไปอยู่กับท่านแม่ไม่ดีกว่าหรือ? สกุลหลินตกต่ำปานนั้นเพราะพวกเขาทำตัวเองต่างหาก ไฉนพี่ใหญ่ต้องเอาความสุขชั่วชีวิตเข้าแลกด้วยเล่า?”

แฝดผู้พี่ส่ายหน้าเบาๆ “เป็นเพราะพี่เอง ทุกอย่างเป็นเพราะพี่ใหญ่ทั้งสิ้น สมควรรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

น้องสาวรู้ว่าพูดเรื่องนี้ต่อไปคงทำให้หลินเล่อเจินยิ่งรู้สึกโทษตัวเองไปกันใหญ่ นางจึงลุกขึ้นมาโอบกอดพี่สาวอย่างต้องการปลอบโยน

“พี่ใหญ่ ท่านผอมเกินไปแล้วนะเจ้าคะ”

พูดพลางเลื่อนฝ่ามือมากอบกุมเนินอกอิ่มของพี่สาว “โอ้! แต่ตรงนี้ของพี่ใหญ่ยังเติบโตใช้ได้ดีทีเดียว นุ่มนิ่มยิ่ง”

ใบหน้าเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หลินเล่อเจินรีบยกมือปัดป้องอย่างเขินอาย “เจ้าน้องคนนี้! ไยถึงกล้า...”

“ฮ่าๆ หน้าอกพี่ใหญ่นุ่มกว่าของข้าอีกนะเจ้าคะ” หลินซิงเยียนบีบหน้าอกตัวเองสลับกับหัวเราะลั่นจนตัวงอ ทำเอาคนพี่ต้องหลุดยิ้มตามอย่างช่วยมิได้

“เจ้านี่นะ นิสัยหยาบกระด้างเหลือเกิน”

“พี่ใหญ่ยิ้มแล้ว”

แฝดผู้นี้ส่ายหน้ามองค้อน “น้องรอง!”

เมื่อเย้าแหย่จนคนหน้าเศร้าอารมณ์ดี หลินซิงเยียนจึงล้มตัวลงนอนหนุนตักพี่สาวอย่างออดอ้อน

“ข้าชอบให้พี่ใหญ่ยิ้มมากกว่าทำหน้าอมทุกข์นะ”

หลินเล่อเจินก้มหน้ายกมือลูบผมน้องสาวอย่างเอ็นดู “อืม...พี่ใหญ่จะยิ้มให้มาก ดีหรือไม่?”

“ดียิ่งเจ้าค่ะ”

หลินซิงเยียนรับคำยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกาย

ทว่าภายในใจกลับขบคิดในบางสิ่ง

เพื่อแบ่งเบาพี่สาว นางต้องทำอะไรสักอย่าง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel