บท
ตั้งค่า

ปลอบใจ

"ขุนนางหญิงในราชสำนักหาได้ยากยิ่ง ขุนนางทั่วไปล้วนขาดความรอบคอบ ในครั้งนี้ข้าเห็นควรว่าหลินเจี้ยนหลิงจะช่วยสะสางเรื่องที่ไม่ถูกต้องแทนข้า"

เดิมเรื่องราวในวังหลวงไม่เคยผ่านหู เจี้ยนหลิงสงสัยยิ่งนักยังมีเรื่องไหนให้สะสาง

เสียงอื้ออึงเงียบลงใครจะกล้าสงสัยอีกในเมื่อ ฮ่องเต้อวยเจี้ยนหลิงเพียงนี้

ตำหนักบูรพา

"พี่สาวในที่สุดท่านก็มา"

เสี่ยวหลินออกมารับด้านหน้า เจี้ยนหลิงจำได้ว่าเสี่ยวหลินไม่นิยมสีขาว แต่วันนี้นางกลับสวมอาภรณ์สีขาว

"พี่สาวชาดี กับขนมที่ข้าสั่งให้ห้องเครื่องทำขนมเปี๊ยะของโปรดท่านกินกับชาดี"เลื่อนจานขนมตรงหน้าเจี้ยนหลิงอย่างเอาใจ

"มีเรื่องใด ไท่จือเฟยรีบกล่าวมา"เสี่ยวหลินยิ้มเศร้าๆ

"พี่สาว เสี่ยวหลินขอโทษท่าน"

ทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น เจี้ยนหลิงถอนหายใจ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเสี่ยวหลินอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นท่าทีของนางเช่นนี้จึงยิ่งทำให้รู้สึก ว่าไม่ควร

"เสี่ยวหลินรู้ดีว่าตำแหน่งไท่จือเฟยสำคัญกับพี่สาวเพียงใด ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านแม่...ของพี่สาวลงโทษพี่สาว ข้าเสี่ยวหลินรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้กะเกณฑ์เรื่องนี้ หากไม่ใช่ประสงค์ของไท่จือแต่ก็อีกนั่นแหละ ข้าเป็นไท่จือเฟยแล้วเป็นคนของไท่จือแล้ว ข้ารู้ว่าพี่สาวไม่ยอมรามือแน่ ข้ารู้จักท่านดี หากว่าท่านจะแค้นเคืองโปรดให้เป็นเสี่ยวหลินเถิด"

ถอนหายใจเบือนหน้าหนี

เจี้ยนหลิงลุกขึ้นยืนกอดอก ความจริงเมื่อฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์หญิงให้กับเจี้ยนหลิง ความบาดหมางเบาบางลงไป หากเสี่ยวหลินไม่มาพูดอะไรทำนองนี้อีก ตำแหน่งสำคัญนี้คงพอกู้หน้าให้กับมารดาของเจี้ยนหลิงได้

"ข้าไม่รับปาก"

ด้วยนิสัยของเจี้ยนหลิงจะยอมง่ายๆ ไม่ใช่เจี้ยนหลิงแต่น้องสาวไม่ได้ผิดอะไร

หันมาจับไหล่บางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้นแม้จากปากแข็งเพียงใดแต่เมื่อเป็นเสี่ยวหลินเจี้ยนหลิงมักจะยอมใจอ่อนเสมอ

"ข้าไม่ลุก จนกว่าท่านจะยอมรับปากว่าจะไม่แค้นเคืองไท่จือ"

เหมือนเข้ามานั่งในใจ หรือต้องการอวดความภักดีที่มีต่อไท่จือ

"ความจริงเป็นเจ้าที่สับปลับในตอนนั้น เป็นเจ้าที่บอกข้าว่าไม่อยากรับตำแหน่งไท่จือเฟย ข้าจึงคาดหวังและทุ่มเท หากเจ้าไม่พูดเช่นนั้นยอมรับเสียว่าอยากเป็นไท่จือเฟยข้าคงไม่ต้องลงแรง ถึงคราวนี้จะมาบอกว่าให้ข้ารามือ จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือไท่จือเฟย"

"พี่สาวไท่จือเป็นสามีข้าและข้าก็ ..ก็รักไท่จือ เราสองคนพี่น้องไม่ว่าใครเป็นไท่จือเฟย ก็ล้วนแต่เชิดชูตระกูลหลินท่านใจคอคับแคบเช่นนี้ ข้าก็คงจะต้องยืนยันว่าข้าจะคุกเข่าอยู่แบบนี้"

เจี้ยนหลิงหันหลังเดินหนีไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวหลินเกรงว่าจะอดใจอ่อนกับนางเสียไม่ได้

เสี่ยวหลินคลานเข่า ตามเจี้ยนหลิงยื้อยุดไม่ให้เจี้ยนหลิงไป

"พี่สาวท่านกำลังโกรธ ท่านไม่ยอมฟังเหตุผลของข้า"เสี่ยวหลินยื้อชายเสื้อของเจี้ยนหลิงไว้

"เจ้าอยู่ที่นี่ในตำแหน่งไท่จือเฟย ทำหน้าที่ของเจ้า ส่วนข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีเช่นกัน"

สะบัดมือดึงชายเสื้อคลุมด้วยความรำคาญ เสี่ยวหลินกับเซถลาด้วยแรงน้อยและไม่ทันระวังตัวหรือวาเสแสร้งไม่อาจดูออก ล้มลงกับพื้น เพียงพริบตาหยางฟงฉีมาจากไหนไม่รู้เข้าถึงตัวผลักเจี้ยนหลิงจนเซถลาไปอีกทางพยุงร่างบางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้น

"เจ้า เจ้ามาตามราวีเสี่ยวหลินถึงนี่เลยหรือ ข้าคิดไว้ไม่มีผิดเจ้ามันช่างร้ายยิ่งนัก ร้ายสมกับคำร่ำลือ"

แววตาเกลียดชังของหยางฟงฉี ทำเอาเจี้ยนหลิงถึงกับยิ้มมุมปาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าด่าว่าเจี้ยนหลิงนอกจากมารดา

พุ่งตัวเข้าใส่ ตั้งใจซัดฝ่ามือเข้าที่อกของไท่จืออย่างแรง แต่ทว่าเสี่ยวหลินเหมือนจะรู้ทันความคิดของเจี้ยนหลิงพลิกตัวขวางไว้ ฝ่ามือของเจี้ยนหลิงซัดเข้าที่แผ่นหลังของเสี่ยวหลินเต็มเปาทั้งๆ ที่ยั้งมือไว้

"เจ้า"

หยางฟงฉีผลักเจี้ยนหลิงอีกครั้ง

"อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก อย่าได้อาศัยอำนาจและกำลังของเจ้ามารังแกไท่จือเฟยของข้า แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน"

เจี้ยนหลิงกำลังตกใจที่เผลอซัดฝ่ามือด้วยความโมโหใส่เสี่ยวหลินร้อยวันพันปีเจี้ยนหลิงไม่เคยลงมือกับเสี่ยวหลินมาก่อน

"ออกไปจากตำหนักบูรพาของข้าได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า"

เจี้ยนหลิงยิ้มหยัน คิดหรือว่าเจี้ยนหลิงอยากมาที่นี่ คงคิดว่าเจี้ยนหลิงอยากเป็นไท่จือเฟยจนตัวสั่น คิดผิดแล้วหากไม่มีความคาดหวังของมารดา เจี้ยนหลิงไม่มีทางลงแรง ก้าวเดินออกจากตำหนักบูรพาด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจี้ยนหลิง

"เจ้าเจ็บตรงไหน ใครก็ได้ตามหมอหลวง"

เสียงของหยางฟงฉียังตามมาหลอกหลอน เจี้ยนหลิงยิ้มหยันเป็นเช่นนี้จึงดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป

ใต้เท้าหลิน กับฮูหยินรองตระกูลหลิน

“ท่านพี่ เสี่ยวหลินไม่ได้มีเจตนาแย่งชิง”

“ข้ารู้แล้ว เจ้ากับลูกอยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด ครั้งนี้เป็นที่ข้าและซูหลานที่คาดหวังในตัวของ เจี้ยนหลิงมากไป”

“ท่านพี่ ข้าสงสารคุณหนูใหญ่ นางถูกพี่หญิงเฆี่ยนตี ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เสี่ยวหลินมีความสุขในตำแหน่งไท่จือเฟย คุณหนูใหญ่ที่ถูกเคี่ยวเข็ญมาตลอดกับต้องแบกรับความอัปยศไม่สู้เลี้ยงนางให้อ่อนหวานต้องตาบุรุษเช่นเสี่ยวหลิน ดีที่ฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์ให้ปลอบใจ”

“ซูหลานเป็นถึงองค์หญิงมาก่อนเรื่องการเลี้ยงดูเจี้ยนหลิงข้าไม่อาจก้าวก่าย”

“ท่านพี่เช่นนั้นพี่หญิงก็จะคอยเฆี่ยนตีคุณหนูใหญ่อยู่แบบนั้น”

“เจ้าก็คอยปกป้องนางอยู่แล้วมิใช่หรือ เป็นเจ้าที่ตามใจนางยิ่งกว่าซูหลาน”ฃ

หลินลี่หลินหลบตาซ่อนความจริงในใจ

“ครั้งนี้ ฝ่าบาทประทานตำแหน่งพิเศษให้พี่หญิงคงจะพอใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ลบคำครหาจากชาวบ้าน”

“ฝ่าบาทคิดอะไรข้าไม่อาจคาดเดาได้ ตำแหน่งของเจี้ยนหลิงไม่ธรรมดา นางสามารถใช้คำพูดของตัวเองต่างคำบัญชาฝ่าบาทได้ อำนาจนี้แม้แต่ไท่จือกับฮองเฮายังไม่อาจเอื้อม”

หลินลี่หลินซ่อนความรู้สึกริษยา แกล้งยิ้มหวานกลบเกลื่อน

“นางเป็นหญิงแม้จะมีอำนาจแต่หากเหล่าขุนนางไม่ให้ความย้ำเกรงก็ ไม่อาจคลุมคนได้”

“เกรงว่าเป็นฝ่าบาทที่จะสั่งสอนเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์โดยการยกย่องเจี้ยนหลิงและจะต้องมีใครสักคนเป็นตัวอย่างให้ขุนนางคร่ำครึเหล่านั้นรู้ว่า เจี้ยนหลิงมีอำนาจในมือจริงไม่ควรค่อนแคะนินทานาง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel