ปลอบใจ
"ขุนนางหญิงในราชสำนักหาได้ยากยิ่ง ขุนนางทั่วไปล้วนขาดความรอบคอบ ในครั้งนี้ข้าเห็นควรว่าหลินเจี้ยนหลิงจะช่วยสะสางเรื่องที่ไม่ถูกต้องแทนข้า"
เดิมเรื่องราวในวังหลวงไม่เคยผ่านหู เจี้ยนหลิงสงสัยยิ่งนักยังมีเรื่องไหนให้สะสาง
เสียงอื้ออึงเงียบลงใครจะกล้าสงสัยอีกในเมื่อ ฮ่องเต้อวยเจี้ยนหลิงเพียงนี้
ตำหนักบูรพา
"พี่สาวในที่สุดท่านก็มา"
เสี่ยวหลินออกมารับด้านหน้า เจี้ยนหลิงจำได้ว่าเสี่ยวหลินไม่นิยมสีขาว แต่วันนี้นางกลับสวมอาภรณ์สีขาว
"พี่สาวชาดี กับขนมที่ข้าสั่งให้ห้องเครื่องทำขนมเปี๊ยะของโปรดท่านกินกับชาดี"เลื่อนจานขนมตรงหน้าเจี้ยนหลิงอย่างเอาใจ
"มีเรื่องใด ไท่จือเฟยรีบกล่าวมา"เสี่ยวหลินยิ้มเศร้าๆ
"พี่สาว เสี่ยวหลินขอโทษท่าน"
ทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น เจี้ยนหลิงถอนหายใจ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเสี่ยวหลินอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นท่าทีของนางเช่นนี้จึงยิ่งทำให้รู้สึก ว่าไม่ควร
"เสี่ยวหลินรู้ดีว่าตำแหน่งไท่จือเฟยสำคัญกับพี่สาวเพียงใด ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านแม่...ของพี่สาวลงโทษพี่สาว ข้าเสี่ยวหลินรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้กะเกณฑ์เรื่องนี้ หากไม่ใช่ประสงค์ของไท่จือแต่ก็อีกนั่นแหละ ข้าเป็นไท่จือเฟยแล้วเป็นคนของไท่จือแล้ว ข้ารู้ว่าพี่สาวไม่ยอมรามือแน่ ข้ารู้จักท่านดี หากว่าท่านจะแค้นเคืองโปรดให้เป็นเสี่ยวหลินเถิด"
ถอนหายใจเบือนหน้าหนี
เจี้ยนหลิงลุกขึ้นยืนกอดอก ความจริงเมื่อฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์หญิงให้กับเจี้ยนหลิง ความบาดหมางเบาบางลงไป หากเสี่ยวหลินไม่มาพูดอะไรทำนองนี้อีก ตำแหน่งสำคัญนี้คงพอกู้หน้าให้กับมารดาของเจี้ยนหลิงได้
"ข้าไม่รับปาก"
ด้วยนิสัยของเจี้ยนหลิงจะยอมง่ายๆ ไม่ใช่เจี้ยนหลิงแต่น้องสาวไม่ได้ผิดอะไร
หันมาจับไหล่บางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้นแม้จากปากแข็งเพียงใดแต่เมื่อเป็นเสี่ยวหลินเจี้ยนหลิงมักจะยอมใจอ่อนเสมอ
"ข้าไม่ลุก จนกว่าท่านจะยอมรับปากว่าจะไม่แค้นเคืองไท่จือ"
เหมือนเข้ามานั่งในใจ หรือต้องการอวดความภักดีที่มีต่อไท่จือ
"ความจริงเป็นเจ้าที่สับปลับในตอนนั้น เป็นเจ้าที่บอกข้าว่าไม่อยากรับตำแหน่งไท่จือเฟย ข้าจึงคาดหวังและทุ่มเท หากเจ้าไม่พูดเช่นนั้นยอมรับเสียว่าอยากเป็นไท่จือเฟยข้าคงไม่ต้องลงแรง ถึงคราวนี้จะมาบอกว่าให้ข้ารามือ จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือไท่จือเฟย"
"พี่สาวไท่จือเป็นสามีข้าและข้าก็ ..ก็รักไท่จือ เราสองคนพี่น้องไม่ว่าใครเป็นไท่จือเฟย ก็ล้วนแต่เชิดชูตระกูลหลินท่านใจคอคับแคบเช่นนี้ ข้าก็คงจะต้องยืนยันว่าข้าจะคุกเข่าอยู่แบบนี้"
เจี้ยนหลิงหันหลังเดินหนีไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวหลินเกรงว่าจะอดใจอ่อนกับนางเสียไม่ได้
เสี่ยวหลินคลานเข่า ตามเจี้ยนหลิงยื้อยุดไม่ให้เจี้ยนหลิงไป
"พี่สาวท่านกำลังโกรธ ท่านไม่ยอมฟังเหตุผลของข้า"เสี่ยวหลินยื้อชายเสื้อของเจี้ยนหลิงไว้
"เจ้าอยู่ที่นี่ในตำแหน่งไท่จือเฟย ทำหน้าที่ของเจ้า ส่วนข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีเช่นกัน"
สะบัดมือดึงชายเสื้อคลุมด้วยความรำคาญ เสี่ยวหลินกับเซถลาด้วยแรงน้อยและไม่ทันระวังตัวหรือวาเสแสร้งไม่อาจดูออก ล้มลงกับพื้น เพียงพริบตาหยางฟงฉีมาจากไหนไม่รู้เข้าถึงตัวผลักเจี้ยนหลิงจนเซถลาไปอีกทางพยุงร่างบางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้น
"เจ้า เจ้ามาตามราวีเสี่ยวหลินถึงนี่เลยหรือ ข้าคิดไว้ไม่มีผิดเจ้ามันช่างร้ายยิ่งนัก ร้ายสมกับคำร่ำลือ"
แววตาเกลียดชังของหยางฟงฉี ทำเอาเจี้ยนหลิงถึงกับยิ้มมุมปาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าด่าว่าเจี้ยนหลิงนอกจากมารดา
พุ่งตัวเข้าใส่ ตั้งใจซัดฝ่ามือเข้าที่อกของไท่จืออย่างแรง แต่ทว่าเสี่ยวหลินเหมือนจะรู้ทันความคิดของเจี้ยนหลิงพลิกตัวขวางไว้ ฝ่ามือของเจี้ยนหลิงซัดเข้าที่แผ่นหลังของเสี่ยวหลินเต็มเปาทั้งๆ ที่ยั้งมือไว้
"เจ้า"
หยางฟงฉีผลักเจี้ยนหลิงอีกครั้ง
"อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก อย่าได้อาศัยอำนาจและกำลังของเจ้ามารังแกไท่จือเฟยของข้า แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน"
เจี้ยนหลิงกำลังตกใจที่เผลอซัดฝ่ามือด้วยความโมโหใส่เสี่ยวหลินร้อยวันพันปีเจี้ยนหลิงไม่เคยลงมือกับเสี่ยวหลินมาก่อน
"ออกไปจากตำหนักบูรพาของข้าได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า"
เจี้ยนหลิงยิ้มหยัน คิดหรือว่าเจี้ยนหลิงอยากมาที่นี่ คงคิดว่าเจี้ยนหลิงอยากเป็นไท่จือเฟยจนตัวสั่น คิดผิดแล้วหากไม่มีความคาดหวังของมารดา เจี้ยนหลิงไม่มีทางลงแรง ก้าวเดินออกจากตำหนักบูรพาด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจี้ยนหลิง
"เจ้าเจ็บตรงไหน ใครก็ได้ตามหมอหลวง"
เสียงของหยางฟงฉียังตามมาหลอกหลอน เจี้ยนหลิงยิ้มหยันเป็นเช่นนี้จึงดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป
ใต้เท้าหลิน กับฮูหยินรองตระกูลหลิน
“ท่านพี่ เสี่ยวหลินไม่ได้มีเจตนาแย่งชิง”
“ข้ารู้แล้ว เจ้ากับลูกอยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด ครั้งนี้เป็นที่ข้าและซูหลานที่คาดหวังในตัวของ เจี้ยนหลิงมากไป”
“ท่านพี่ ข้าสงสารคุณหนูใหญ่ นางถูกพี่หญิงเฆี่ยนตี ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เสี่ยวหลินมีความสุขในตำแหน่งไท่จือเฟย คุณหนูใหญ่ที่ถูกเคี่ยวเข็ญมาตลอดกับต้องแบกรับความอัปยศไม่สู้เลี้ยงนางให้อ่อนหวานต้องตาบุรุษเช่นเสี่ยวหลิน ดีที่ฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์ให้ปลอบใจ”
“ซูหลานเป็นถึงองค์หญิงมาก่อนเรื่องการเลี้ยงดูเจี้ยนหลิงข้าไม่อาจก้าวก่าย”
“ท่านพี่เช่นนั้นพี่หญิงก็จะคอยเฆี่ยนตีคุณหนูใหญ่อยู่แบบนั้น”
“เจ้าก็คอยปกป้องนางอยู่แล้วมิใช่หรือ เป็นเจ้าที่ตามใจนางยิ่งกว่าซูหลาน”ฃ
หลินลี่หลินหลบตาซ่อนความจริงในใจ
“ครั้งนี้ ฝ่าบาทประทานตำแหน่งพิเศษให้พี่หญิงคงจะพอใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ลบคำครหาจากชาวบ้าน”
“ฝ่าบาทคิดอะไรข้าไม่อาจคาดเดาได้ ตำแหน่งของเจี้ยนหลิงไม่ธรรมดา นางสามารถใช้คำพูดของตัวเองต่างคำบัญชาฝ่าบาทได้ อำนาจนี้แม้แต่ไท่จือกับฮองเฮายังไม่อาจเอื้อม”
หลินลี่หลินซ่อนความรู้สึกริษยา แกล้งยิ้มหวานกลบเกลื่อน
“นางเป็นหญิงแม้จะมีอำนาจแต่หากเหล่าขุนนางไม่ให้ความย้ำเกรงก็ ไม่อาจคลุมคนได้”
“เกรงว่าเป็นฝ่าบาทที่จะสั่งสอนเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์โดยการยกย่องเจี้ยนหลิงและจะต้องมีใครสักคนเป็นตัวอย่างให้ขุนนางคร่ำครึเหล่านั้นรู้ว่า เจี้ยนหลิงมีอำนาจในมือจริงไม่ควรค่อนแคะนินทานาง”