ใต้ร่มเงาของมาเฟีย (50%)
คฤหาสน์ดิมิเทียส ประเทศฝรั่งเศส
รถแท็กซี่ที่มณีญาจ้างมาจากสนามบินหยุดลงที่ป้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยหน้าคฤหาสน์หลังงาม แล้วบอดี้การ์ดร่างยักษ์ก็ทำการตรวจเช็กรถทั้งคันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้เข้าไปภายในได้ แท็กซี่วิ่งเข้ามาตามถนนทอดยาวสู่คฤหาสน์หลังงาม แล้วมาหยุดลงที่มุขหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้บุปผชาติกำลังยืนยิ้มแป้นรออยู่ เมื่อมณีญาก้าวขาลงมายืนเต็มความสูงบุปผชาติก็โผเข้าไปกอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึงทันที
“แม่มณี หวัดดีจ้ะ คิดถึงจังเลย” บุปผชาติกอดร่างของมณีญาไว้แน่น ก่อนจะทักทายเสียงใสแจ๋ว
“เราก็คิดถึงเธอเหมือนกัน” มณีญาบอกเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เจอกันนานสวยขึ้นนะยะ เอ๊ะ…หรือเป็นเพราะความรัก” มณีญาดันตัวเพื่อนรักออกนิดหน่อย หรี่ตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของยัยเฉิ่ม แล้วเอ่ยแซวด้วยท่าทางทะเล้น
“บ้า…แม่มณี พูดอะไรก็ไม่รู้” บุปผชาติแก้เก้อโดยการฟาดเข้าที่แขนเรียวของคนชอบล้อเบาๆ พลางอุบอิบต่อว่าเพื่อนด้วยท่าทางขัดเขิน หน้างามสุกปลั่ง
“แล้วคุณสามีของเธอไปไหนซะล่ะ” มณีญาถามพลางสอดส่ายสายตาหามาร์โค ดิมิเทียส เพราะรู้ดีว่ารายนั้นติดเมียมากแค่ไหน
“พาน้องแมทไปเล่นเซิร์ฟที่ชายหาด ไม่ไกลจากนี่เท่าไรหรอก” บุปผชาติยิ้มให้คนช่างจ้อ ตอบคำถามเพื่อนรักเสียงนุ่ม วันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้สองหนุ่มต่างวัยก็มักจะออกไปหาอะไรทำตามประสาผู้ชายที่ชื่นชอบความท้าทายอยู่ในกระแสเลือด
“แล้วน้องไอด้าล่ะ” มณีญาถามถึงลูกสาวคนเล็กของเพื่อนรัก เพราะยังไม่เคยเห็นหน้าหลานสาวตัวน้อยเลยสักครั้ง
“กินนมเสร็จก็เพิ่งหลับไปนี่แหละ” คุณแม่ยังสาวบอกเพื่อนเบาๆ พอพูดถึงลูกสาวตัวน้อยบุปผชาติก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กอะไรยังไม่ประสาแต่กลับขี้อ้อนจนคนรอบข้างหลงเสน่ห์ไปตามๆ กัน
“ป่ะพาฉันไปดูหน้าลูกสาวเธอหน่อย ตั้งแต่คลอดยังเคยเจอหน้าเลย เห็นแต่รูปที่เธอส่งไปให้” เห็นเพื่อนรักเอาแต่ยิ้มเพียงแค่เอ่ยถึงลูกสาว มณีญาก็ชักอยากจะเห็นหน้าหลานสาวตัวน้อย จึงชักชวนให้คุณแม่ยังสาวพาไปหาน้องไอด้า
“งั้นตามมาทางนี้เลยจ้ะ กระเป๋าเอาไว้นั่นแหละเดี๋ยวแก้มให้คนมายกขึ้นไปให้” บุปผชาติว่าพลางเดินนำหน้าขึ้นบันไดไปยังห้องนอนเล็ก ที่อยู่ติดกับห้องของตัวเองกับสามี
“ไม่เป็นไรเรายกเองได้เบาๆ เอง” มณีญาบอกอย่างเกรงใจ พร้อมจัดการหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นไปยังชั้นสองด้วย สัมภาระเธอมีไม่มากจึงไม่อยากจะใช้คนอื่นให้ยุ่งยาก
เมื่อมาถึงห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าน่ารัก มณีญาก็เดินเบาๆ เข้าไปยืนชิดเตียงที่มีร่างกะจ้อยร่อยของน้องไอด้านอนอยู่ แล้วก้มลงมองใบหน้าหลานสาวที่กำลังหลับตาพริ้ม
“อุ๊ย…นางฟ้าตัวน้อยน่ารักเชียว” มณีญาอุทานเบาๆ มองเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู เพียงวินาทีแรกที่ได้มองหน้าเธอก็หลงเสน่ห์คนไม่ประสาเข้าซะแล้ว
“อืม…ช่วงนี้น้องไอด้ากินเก่งและนอนเก่งมากเลย” บุปผชาติบอกยิ้มๆ พร้อมกันนั้นก็มองใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกสาวสุดที่รักไม่วางตา
“ลูกสาวเธอน่ารักน่าชังมากเลยแก้ม ปากนิดจมูกหน่อย น่าหยิกน่าหยอกชะมัด” มณีญาชมหลานสาวไม่ขาดปาก อีกทั้งยังรู้สึกมันเขี้ยวสุดๆ
“อืม…เห็นหน้าแกแล้วแก้มก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ว่าแต่เธอเถอะแม่มณี เมื่อไหร่จะหาพ่อของลูกได้จ๊ะ” คุณแม่ยังสาวว่าพลางยกนิ้วโป้งเกลี่ยแก้มย้วยของเจ้าตัวน้อยเบาๆ อย่างรักใคร่ ท้ายประโยคไม่วายเอ่ยแซวเพื่อนรัก
“โอ๊ย…เนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดหรอกยัยแก้ม” มณีญาบอกเสียงดัง อย่างเธอเหรอจะได้แต่งงานมีลูก ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้เป็นคนจนจะเข้าวัยสาวตอนปลายยังไม่มีผู้ชายมาตกหลุมตกร่องสักคน
“แหม…อย่าว่าไปนะ เธออาจจะเจอเร็วๆ นี้ก็ได้ ใครจะไปรู้” บุปผชาติหัวเราะคิกคัก แล้วตั้งข้อสันนิษฐานอย่างนึกสนุก
จากนั้นสองสาวเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันมากว่าสามปี ก็คุยจ้อไม่หยุดหย่อนอยู่ที่โซฟามุมห้องนอนเล็ก ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงคุณพ่อลูกสองร้องเรียกหาเมียมาแต่ไกล
“แก้มจ๋า พี่กลับมาแล้วจ้า” เสียงหวานหยดของมาร์โคที่ส่งมาก่อนทั้งที่ตัวยังมาไม่ถึง ทำให้มณีญาอดจะมองเพื่อนอย่างล้อๆ ไม่ได้ ลูกสองแล้วยังหวานกันไม่สร่าง น่าอิจฉาจริงเลยคู่นี้ เสียงคุณพ่อดังขึ้นไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงคุณลูกชายสุดที่รัก
“นางฟ้าครับ พี่แมทกลับมาแล้วครับ” น้องแมทธิววิ่งตึงตังเข้ามา จนผู้เป็นแม่ต้องยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากส่งสัญญาณว่าให้เบาเสียง เด็กชายตัวน้อยถึงได้ผ่อนฝีเท้าลง แล้วทำทีเป็นย่องเข้ามา จนมณีญาและบุปผชาติต้องหลุดเสียงหัวเราะคิกออกมาพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ คุณมาร์ค” มณีญาทักทายสามีของเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หวัดดีครับ คุณมณี” มาร์โคทักทายกลับด้วยท่าทีเป็นกันเอง ไม่แปลกใจเลยที่เห็นมณีญามาปรากฏตัวที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้เมียสาวได้บอกกล่าวไว้ก่อนแล้ว ว่าเพื่อนรักของเธอจะมาขออาศัยชั่วคราว
“แมทนี่ป้ามณีไงลูก จำได้ไหมที่แม่เคยให้คุยกับป้าเขา” บุปผชาติหันไปหาลูกชายและแนะนำเพื่อนรักให้เจ้าจอมซนได้รู้จักอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยคุยกันแต่ในโทรศัพท์
“จำได้ครับ หวัดดีครับป้ามณี” คนความจำดีป็นเลิศบอกด้วยรอยยิ้มน่ารัก ก่อนจะพนมมือขึ้นไหว้ทำความเคารพแบบที่แม่สอนอย่างนอบน้อม จนมณีญายกมือขึ้นรับไหว้หลานชายแทบไม่ทัน
“หวัดดีจ้ะ พ่อหนุ่มน้อย” มณีญากล่าวทักทายเสียงหวาน แล้วยื่นมือไปลูบหัวหนุ่มน้อยหน้ามนด้วยความเอ็นดู คนอะไรมีแววฉลาดตั้งแต่ยังเด็ก
“แก้มว่าพี่มาร์คพาลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” บุปผชาติคิดได้ก็รีบบอกสามี เพราะถึงแม้ทั้งสองหนุ่มจะเปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว แต่ไอทะเลก็ยังติดตามเนื้อตัวอยู่
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” มาร์โครับคำเมียอย่างว่าง่าย หันไปเอ่ยกับแขกสาวเสียงทุ้ม แล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลูกชายไปอาบน้ำกับตน
“ค่ะ เชิญค่ะ” มณีญาตอบยิ้มๆ เพื่อนเธอนี่ปราบเพลย์บอยผู้เลื่องชื่อของปารีสได้อยู่หมัดจริงๆ ดูสิเมียบอกให้ไปทำอะไรไม่มีเกี่ยงงอน
“ป้ามณีครับ แมทไปอาบน้ำแล้วจะมาเล่นด้วยนะครับ” เด็กชายแมทธิว ดิมิเทียส หนูน้อยวัยห้าขวบขยิบตาให้คุณป้ายังสาว จนมณีญาต้องหัวเราะกับท่าทางเกินตัวของพ่อหนุ่มน้อย
“จ้า…พ่อสุดหล่อ” ยื่นมือไปยีผมบนศรีษะน้อยอย่างมันเขี้ยว พร้อมรับคำเสียงเจือขบขัน เด็กอะไรแก่แดดเเก่ลม ทำตัวยังกับผู้ใหญ่ไม่มีผิด
“เราว่ามณีมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีไหม” บุปผชาติบอกเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เพราะมณีญานั่งเครื่องมาก็หลายชั่วโมงเพื่อนของเธอคงจะเพลียไม่น้อย
“อืม…ก็ดีเหมือนกัน มณีเองก็รู้สึกเพลียๆ” มณีญาพยักหน้าเห็นด้วย ตอนอยู่บนเครื่องเธอไม่ได้พักสายตาเลยเพราะมัวแต่หวาดระแวงกับไอ้หน้าหนวดบ้ากามอย่างมาร์เวล หากรู้ว่าเป็นเขาตั้งแต่แรกเธอจะเล่นงานให้หนักเลยเชียว คนบ้าชอบกวนประสาทเธอดีนัก มณีญาได้แต่คิดอย่างแค้นเคือง
“มณีเดินไปเลยนะ เราให้คนจัดห้องให้แล้ว ห้องรับรองแขกตรงหัวมุมนั่นแหละ” บุปผชาติบอกถึงห้องที่ตนได้จัดไว้รองรับการมาเยือนของเพื่อนสาว
“ขอบใจมากเลยนะแก้ม ถ้าไม่ได้แก้มช่วยเราคงแย่” มณีญาเดินเข้ามากอดเพื่อนรัก แล้วบอกอย่างซาบซึ้งใจ หากไม่มีบุปผชาติเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้นดี
“ไม่เป็นไรจ้ะ อย่าคิดมาก ลงไปเจอกันตอนอาหารค่ำหกโมงเย็นนะจ๊ะ” บุปผชาติตบหลังคนหนีร้อนมาพึ่งเย็นเบาๆ แล้วแจ้งถึงเวลาอาหารเย็นของบ้านให้มณีญาได้รับรู้
“จ้ะ” มณีญาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินไปทางห้องนอนที่เพื่อนจัดไว้ให้
หกโมงเย็นทุกคนก็ลงมาทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จะขาดก็แต่ประมุขใหญ่ของบ้านเช่นนายมาร์แชล ท่านผู้เฒ่าบินไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างนายบริรักษ์บิดาของบุปผชาติ ที่เมืองไทยเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว อาหารค่ำของวันนี้เป็นไปอย่างครื้นเครง ซึ่งเสียงหัวเราะส่วนมากก็มาจากคำพูดและการกระทำของน้องแมท เด็กน้อยช่างพูดช่างคุย จนผู้ใหญ่อดที่จะขำไม่ได้
“น้องแมท มีการบ้านไหมลูก” เสียงหวานละมุนของบุปผชาติเอ่ยถามลูกชายจอมซน หลังจากที่ทานของว่างหลังอาหารเย็นเสร็จ
“มีฮะ แต่แมทขอกินมะพร้าวอ่อนให้หมดก่อน แล้วจะไปทำนะฮะมามี้” หนุ่มน้อยพยักหน้างึกหงัก ต่อรองกับแม่ แล้วก้มหน้าก้มตาจัดการของโปรดตรงหน้าต่อ
“ครับลูก แล้วอย่านอนดึกนะครับ พรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน” บุปผชาติเตือนลูกด้วยความป็นห่วงเพราะวัยของเขาสมควรที่จะได้รับการพักผ่อนมากๆ
“ครับผม” เงยหน้าขึ้นมารับคำผู้เป็นแม่อย่างว่าง่าย
“ได้ยินว่าเจ้าจอมซนเก่งคณิตศาสตร์ แล้วแก้มพาน้องแมทไปวัดไอคิวแล้วหรือยัง” มณีญาถามเพราะจำได้ว่าเพื่อนรักเคยเล่าเรื่องความเก่งกาจของหลานชายให้ฟัง
“ยังเลยจ้ะมณี เราว่าจะรอให้ลูกอายุครบเจ็ดขวบก่อน” บุปผชาติบอกอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ เธอกับสามีวางแผนไว้ว่าหากไอคิวของลูกชายสูงอย่างที่คาดเอาไว้ ทั้งสองก็จะย้ายให้ลูกไปเรียนในโรงเรียนที่รับเฉพาะเด็กอัจฉริยะ พัฒนาการของเขาจะได้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องแมทธิวด้วย หากเจ้าตัวน้อยไม่อยากไป สองสามีภรรยาก็ไม่คิดจะบังคับจิตใจลูก
“มณีว่าบ้านนี้ต้องมีอัจฉริยะเพิ่มอีกคนแหงๆ” หญิงสาวพูดไปตามที่คาดการณ์ จากที่ได้ฟังมาว่าน้องแมทธิวแก้สมการสามตัวแปรได้ตั้งแต่อยู่อนุบาล ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“แมทไปทำการบ้านแล้วนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับป้ามณี” ร่างเล็กไถลตัวลงจากเก้าอี้ แล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์กับมณีญาเสียงเจื้อยแจ้วตามประสาเด็กช่างจ้อ
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันจ้ะ” มณีญาพูดพลางก้มลงหอมแก้มแดงๆ ทำเอาเด็กชายแมทธิวตาโต อ้าปากหวอ หันกลับมาหอมแก้มคุณป้าคืน แล้ววิ่งหัวเราะเสียงใสจากไป
“แล้วมณีจะอยู่ที่นี่กับเรา หรือจะไปอยู่ที่เซฟเฮาส์ของครอบครัวพี่มาร์ค” เมื่อทั้งสามย้ายมาพูดคุยกันที่ห้องรับแขก บุปผชาติก็เอ่ยถามถึงความสมัครใจของเพื่อนรัก เพราะรู้ดีว่ามณีญาเป็นพวกที่ไม่ชอบอยู่ในเมืองนานๆ แม่นางชอบที่จะเป็นคนป่าคนไพรซะมากกว่า
“เราว่าเราไปอยู่ที่เซฟเฮาส์ดีกว่า ไม่อยากรบกวนแก้มกับครอบครัว” มณีญาบอกอย่างเกรงใจ ไม่อยากจะเป็นภาระให้คนในครอบครัวของบุปผชาติไปมากกว่านี้
“ไม่ได้รบกวนอะไรเลยจ้ะ อย่าคิดมากสิ” บุปผชาติตบหลังมือเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นว่าเธอจริงใจมากแค่ไหน หากมีอะไรที่พอจะช่วยได้บุปผชาติก็พร้อมที่จะช่วยมณีญาอย่างเต็มที่
“ถ้าไปอยู่เซฟเฮาส์ ผมจะจัดคนไปคอยดูแลให้ก็แล้วกันนะครับ” มาร์โคบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณคุณมาร์คมากนะคะ” มณีญายิ้มให้สามีเพื่อนด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ
“แต่หากพวกยากูซ่ายังตามมารังควานไม่เลิก เธอคงต้องไปให้พี่แม็คช่วยแล้วล่ะแม่มณี” คนเป็นห่วงเพื่อนออกความคิดเห็นให้ แต่คนฟังกลับนิ่วหน้าไม่เห็นด้วยอย่างแรง
“วิธีนั้น เราขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายก็แล้วกัน” มณีญาบอกอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ตอนนี้เธอยังไม่อยากจะเผชิญหน้ากับมาเฟียจอมฉวยโอกาสให้หวั่นไหวมากไปกว่านี้
เช้าวันรุ่งขึ้น มาร์เวลแวะเข้ามาหาบิดาที่บ้าน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน อีกอย่างก็คิดจะมาถามสารทุกข์สุกดิบของบิดาด้วย เนื่องจากงานเขารัดตัวจึงแทบไม่ได้เจอกันกับบิดา จะทำเพียงโทรศัพท์มาถามข่าวคราวบ้างอาทิตย์ละครั้ง และฝากฝังให้น้องชายและน้องสะใภ้ดูแลท่านแทนตน
ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าจะมาเจอมณีญาที่บ้านตัวเอง หลังจากที่เพิ่งปะทะคารมกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ เขายังจำได้ไม่เคยลืมว่าห้าปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นที่หน้าบ้านหลังนี้บ้าง ห้าปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้พบหน้าเธอ แต่สิ่งที่มาร์เวลยังจำได้ไม่เคยลืมเลือนคือสัมผัสจากริมฝีปากของยัยเชยตัวแสบ ที่เขาเคยปรามาสต่อหน้าเธอว่ามันช่างจืดชืด แต่ที่จริงแล้วกลับหวานล้ำราวน้ำผึ้งรวง เพราะจูบเดียวจากเธอนี่แหละทำให้เขาไม่สามารถจูบกับผู้หญิงคนไหนได้อีกเลย ทุกครั้งที่จะประกบปากกับใครก็นึกถึงแต่หน้าของมณีญา พลอยทำให้เขาหมดอารมณ์ จนบางครั้งต้องไล่ตะเพิดพวกหล่อนเหล่านั้นกลับไปทั้งที่ยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย
